แบดมินตัน

“หมิว พรปวีณ์” เปลี่ยนใจ กลับติดทีมชาติลุยซีเกมส์ 2025 หลังคุยธรรมนัส-กกท.

“หมิว” พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ นักแบดมินตันไทย เปลี่ยนใจกลับติดทีมชาติลุย ซีเกมส์ 2025 หลังได้คุยกับ ธรรมนัส-กกท. จ่อสังคายนาทุกสมาคม

กลายเป็นประเด็นใหญ่โต หลังจากที่ “หมิว” พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ นักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทยมือ 6 ของโลก ตัดสินใจถอนตัวออกจากทีมชาติ ชุดลุยศุก ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เนื่องจากไม่พอใจการบริหารจัดการของสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ รวมไปถึงการถูกตัดเบี้ยงเลี้ยงเหลือเพียงแค่ 6,000 บาทต่อคน

ล่าสุดวันนี้ (28 ตุลาคม) หมิว พรปวีณ์ ได้เดินทางไปที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมด้วย ร.อ.ธรรมนัศ พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการการกีฬาแห่้งประเทศไทย และ นายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เพื่อหาทางออกร่วมกันในประเด็นนี้

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ได้มีคำสั่งให้ ผู้ว่าการกกท. ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบสมาคมกีฬาที่มีปัญหาทุกสมาคม ไม่ใช่แค่สมาคมแบดมินตันฯ โดยคณะกรรมการชุดนี้จะต้องมีความโปร่งใส และ ร.อ.ธรรมนัส จะลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษขึ้นมาเพื่อรับเรื่องราวร้องทุกข์ของกีฬาทุกประเภทโดยเฉพาะ โดยจะชำแหละวงการกีฬาทุกสมาคม เพื่อให้เข้าสู่ระบบ รวมทั้งเป็นการพัฒนากีฬาให้เป็นนักกีฬาอาชีพ ที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศและตัวนักกีฬาเอง รวมไปถึงการบริหารในสโมสรและในสมาคม เพราะบางสมาคมทำตัวเป็นสโมสรเสียเอง จึงเป็นเรื่องที่ กกท. ต้องรับไปแก้ไข รวมถึงการตรวจสอบเรื่องงบประมาณ

จากการพูดคุยกับ หมิว พรปวีณ์ และโค้ช มีข้อตกลงชัดเจนว่า คณะกรรมการจะทำหน้าที่ตรวจสอบหาข้อเท็จจริงในปัญหาส่วนตัว ส่วน น.ส.พรปวีณ์ และโค้ชนั้น จะเดินหน้าเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพต่อไป

น.ส.พรปวีณ์ กล่าวว่า ยินดีที่จะทำเพื่อชาติ และพี่น้องในทีมก็เต็มใจที่จะตีเพื่อทีมไทย พร้อมทั้งฝาก ร.อ.ธรรมนัส ให้ช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อพัฒนากีฬาให้มีนักกีฬารุ่นใหม่ทดแทนรุ่นพี่ได้ทันเวลา

ด้าน นายก้องศักด กล่าวว่า ปัญหาการบริหารจัดการสมาคม ตนในฐานะนายทะเบียนได้รับมอบหมายให้ดำเนินการไม่ใช่เฉพาะแบดมินตันเท่านั้น โดยข้อร้องเรียนต่างๆ ในสมาคมฯ จะต้องได้รับการสังคายนาหรือจัดระบบระเบียบใหม่ทั้งหมด ส่วนกรณีที่มีการหักเงินรางวัลของนักกีฬาอย่างสมาคมกีฬาตะกร้อแห่งประเทศไทย นายก้องศักดระบุว่า หากมีเอกสารหลักฐานชัดเจนถึงการกระทำความผิด ในฐานะนายทะเบียนก็ต้องดำเนินการตามระเบียบกฎหมาย

นอกจากนี้ ร.อ.ธรรมนัส มีดำริให้คณะกรรมการตรวจสอบมาจากบุคคลภายนอกหลายหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ป.ป.ช., ปปง., และดีเอสไอ เพื่อให้มั่นใจว่าผลการพิจารณาเป็นไปอย่างโปร่งใสและเป็นอิสระ

นายก้องศักดหวังว่า กรณีของ น.ส.พรปวีณ์ จะเป็นจุดเริ่มต้นในการทำงานบูรณาการร่วมกัน และสังคายนาสิ่งต่างๆ ที่ยังไม่ถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย เพื่อให้ทุกอย่างคลี่คลายได้เร็วที่สุด

อ้างอิง : 1

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Bas

ผู้สื่อข่าวกีฬา จบการศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มีประสบการณ์เขียนข่าวกีฬากับ SMMSport กว่า 10 ปี เริ่มทำงานกับ Thaiger เมื่อ 2021 ชอบและติดตามกีฬามาตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะฟุตบอลทั้งบอลไทย และต่างประเทศ 5 ลีกดังของโลก พร้อมอัปเดตข่าวสารวงการฟุตบอล แบบเข้าใจง่าย ให้เพื่อนๆและแฟนบอลได้ติดตามกันทุกวัน ช่องทางติดต่อ saral@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button