ข่าว

“แพรรี่” ไม่ทน! ถามกลับ “พระมหาอุเทน” เรียกคนอื่นกะเทย แล้วรับได้ไหมถ้าถูกว่า ขอทาน

“แพรรี่ ไพรวัลย์” โพสต์ฟาดกลับ “พระมหาอุเทน” หลังถูกเทศนาเหยียดเพศ ชี้ประเด็นไม่ใช่การถูกเรียกว่า “กะเทย” แต่คือการให้เกียรติ

เกิดประเด็นดราม่าร้อนระอุในโลกโซเชียลอีกครั้ง เมื่อ แพรรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร อดีตพระมหาไพรวัลย์ ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้ พระมหาอุเทน ปัญญาปริทัตต์ พระนักเทศน์ชื่อดังแห่งวัดชนะสงครามฯ หลังจากที่พระมหาอุเทนได้เทศนาโดยใช้ถ้อยคำรุนแรงและเหยียดเพศสภาพของแพรรี่อย่างชัดเจน

ก่อนหน้านี้พระมหาอุเทนได้เทศนาพาดพิงถึงแพรรี่และอาจารย์เบียร์ ฅนตื่นธรรม ในตอนหนึ่ง ได้กล่าวว่า “ไอ้หนูแพรรี่ ไพรวัลย์ คนบัณเฑาะก์ ตุ๊ดแต๋ว แจ๋ว ๆ แต๋น ๆ ตะแล็ดแต๊ดแต๋ ภาษาเหนือเรียกว่า สลิดดก ตามที่ได้พูดได้แสดงธรรม มาวันนี้อาจจะฟังแบบขึ้นเสียงสักหน่อย แต่ความจริงอาตมาไม่มีอะไร อาตมามีเมตตาอยู่แล้วกับทุก ๆ คนนั้นแหละ”

พระมหาอุเทน ปัญญาปริทัตต์ ขณะกำลังแสดงธรรมเทศนา
YT/ พระมหาอุเทน ปัญญาปริทัตต์

จากนั้น แพรรี่ ไพรวัลย์ โพสต์โต้ตอบว่า ”ดิฉันไม่ได้มีปัญหาที่ท่านจะเรียกดิฉันว่ากะเทย ตุ๊ดแต๋ว บัณเฑาะก์ ท่านอุเทนน่าจะเข้าใจผิด แต่คนเรามันอยู่ด้วยการให้เกียรติกัน ท่านจะเรียกดิฉันอย่างไรก็ได้ แต่ถ้าดิฉันปฏิบัติแบบเดียวกันบ้าง เรียกท่านว่า หัวโล้น ขอทาน จ๊าดวอก ท่านว่ามันสมควรหรอเจ้าคะ“

หน้าจอโพสต์เฟซบุ๊กของ แพรรี่ ไพรวัลย์ ที่ตอบโต้พระมหาอุเทน
FB/ ไพรวัลย์ วรรณบุตร

หากจะกล่าวถึงเพศทางเลือกในพระไตรปิฎกนั้น เพจ Chohokun Ch. โชโฮ ธรรมราชบุตร ได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า “พระไตรปิฎกไม่มีคำว่า เกย์ ถึงจะมีคำว่า บัณเฑาะก์ ก็ไม่รู้ว่า เกย์กับบัณเฑาะก์ เป็นสิ่งเดียวกันหรือไม่ ในคัมภีร์พระไตรปิฎก ไม่ได้กล่าวถึงโดยตรงว่าบัณเฑาะก์เกิดจากกรรมอะไร ส่วนในคาถาของชาดกกล่าวถึงกรรมจากการผิดศีลข้อสามของพระนางรุจาในมหานารทชาดกว่า “เนวิตฺถี น ปุมา” พระไตรปิฎกแปลไทย แปลว่า เกิดเป็นกะเทย

คำว่า กะเทย ในที่นี้ อรรถกถาอธิบายว่า “เนวิตฺถี น ปุมาติ นปุํสกตฺตํ สนฺธายาห” บทว่า เนวิตฺถี นะ ปุมา ในที่นี้ ท่านหมายเอา นปุงสกะ” ซึ่งคำว่า นปุงสกะ หมายถึงกะเทยที่ไม่มีอวัยวะเพศปรากฏ หากใช้ข้อมูลเพียงเท่านี้เราอาจจะบอกได้ว่า กรรมจากการผิดศีลข้อสาม ทำให้เกิดเป็น นปุงสกะบัณเฑาะ คือกะเทยที่ไม่มีอวัยวะเพศปรากฏ ซึ่งก็นับว่าเป็นความพิการทางกายอย่างหนึ่ง เป็นคนละประเภทกับ เกย์ ในปัจจุบัน

ทีนี้เรื่องบัณเฑาะก์ยังมีกล่าวถึงไว้เช่นในวินัยปิฎก ว่าบัณเฑาะก์มีห้าประเภท บัณเฑาะก์สองประเภทซึ่งเป็นผู้มีรสนิยมทางเพศเท่านั้น ที่ไม่ห้ามบรรพชา เมื่อไม่ห้ามบรรพชา ก็มีโอกาสที่บัณเฑาะก์สองประเภทแรก อาจจะมีโอกาสได้บรรลุสัจธรรมด้วย ด้วยความที่เราไม่อาจระบุความเป็นลักษณะของเกย์ในปัจจุบัน ตามข้อมูลที่ปรากฏในพระไตรปิฎกได้ชัดเจน จึงยังไม่มีข้อยืนยันว่าการผิดศีลข้อ 3 ทำให้ส่งผลให้เกิดเป็น เกย์ แน่นอนหรือไม่ จึงขอผ่านไปก่อน

ทีนี้ในแง่มุมของคุณค่าบุคคล ในทางพระพุทธศาสนาเอง เราไม่ได้ตัดสินว่าบุคคลเกิดมาเป็นอย่างไรแล้วจะหมดคุณค่าในการสร้างความดีของเขา สรรพสัตว์มากมายที่เกิดมาก็มีวิบากในอดีตติดตัวมาทั้งนั้น บางคนอาจผิดศีลข้อ 1 มาในชาติก่อน ชาตินี้จึงมีอายุสั้น บางคนเกิดมาจนก็เพราะอาจจะเคยผิดศีลข้อ 2 หรือเคยลักขโมยผู้อื่น หรืออาจผิดศีลข้ออื่นๆ มาก่อนก็แล้วแต่

อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดมาแล้ว สิ่งที่จะบ่งบอกคุณค่าของเราก็คือการกระทำในชาติปัจจุบัน ผลปัจจัยในอดีตเราไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเป็นอดีตกรรม แต่ในขณะปัจจุบันที่เรามีชีวิตอยู่ ถ้าหากว่าเราอยู่ด้วยความประพฤติที่ดี ไม่เบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่น ก็ทำให้เราได้สร้างเหตุปัจจัยแห่งกุศล สร้างกุศลให้มากขึ้น ส่วนเราจะมีรสนิยมทางเพศอย่างไร อันนี้มันแล้วแต่แต่ละคนแล้ว

ความจริง เราทุกคนล้วนแต่เกิดมามีกิเลสตัณหาติดตัวมาทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเอาความปรารถนาในทางกามคุณของเราไปดำเนินชีวิตอย่างไร และสิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือการดำเนินชีวิตของเราก่อโทษภัยแก่ผู้อื่นบ้างหรือเปล่า ถ้าไม่ได้ก่อโทษภัยแก่ผู้ใด คุณก็ไม่ได้ทำสิ่งใดที่ชั่วร้าย และโพธิจิตในตัวคุณก็ยังคงเบ่งบานและสามารถเข้าถึงการตรัสรู้ธรรมได้ในที่สุด ไม่ต่างกับสรรพสัตว์ทั้งหลาย”

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Suriyen J.

นักเขียนบทความข่าว จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สาขาปรัชญาและศาสนา มีประสบการณ์กับสำนักข่าวระดับประเทศ ชื่นชอบด้านสังคม การเมือง ต่างประเทศ ทำให้สามารถสร้างคุณค่าผ่านงานเขียน เพื่อให้ผู้อ่านได้ประโยชน์ครบทุกมิติ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button