แหกข้อตกลง! พบทุ่นระเบิดกัมพูชา 4 ลูก ที่ช่องติ๊กเบ๊าะ ทั้งที่เพิ่งเจรจา GBC

กองทัพไทยตรวจพบทุ่นระเบิดชนิด MD82B ที่ช่องติ๊กเบ๊าะ ห่างจากแนวลวดหนามเพียง 3 เมตร ในจุดที่ทหารกัมพูชาใช้เป็นเส้นทางลาดตระเวน เฝ้าระวังเข้มตลอด 24 ชั่วโมง
เว็บไซต์ โหนกระแส รายงานเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2568 ถึงสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยระบุว่า กองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลจำนวน 4 ทุ่น ซึ่งคาดว่าเป็นชนิด MD82B บริเวณพื้นที่ “ช่องติ๊กเบ๊าะ” ทางทิศตะวันตกของปราสาทตาควาย
รายงานระบุว่า เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 เวลาประมาณ 14.30 น. กองร้อยอาวุธเบาที่ 1 กองพันทหารราบที่ 27 ได้ตรวจพบการกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ลงนามร่วมกันในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา

จุดที่ตรวจพบทุ่นระเบิดอยู่ห่างจากแนวลวดหนามของฝ่ายไทยเพียงประมาณ 3 เมตร ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นช่องทางที่ทหารกัมพูชามักใช้เป็นเส้นทางในการเดินลาดตระเวนเข้ามาใกล้แนวป้องกันของฝ่ายไทยเพื่อเฝ้าตรวจการณ์ นอกจากนี้ เครื่องตรวจจับยังส่งสัญญาณเตือนว่าอาจมีทุ่นระเบิดอยู่อีก 1 ลูกในบริเวณใกล้เคียง
เผยประชุม GBC เห็นชอบถอนอาวุธหนักใน 3 สัปดาห์-ร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด
ปัจจุบัน กองกำลังของทั้งสองฝ่ายยังคงวางกำลังประจำอยู่ในที่มั่นของตนเอง โดยฝ่ายไทยได้จัดกำลังพลเฝ้าตรวจการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวและเตรียมความพร้อมในการตอบโต้ตามสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นต่อไป
ผลการประชุม GBC ไทย-กัมพูชา สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1/2568
เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 การประชุมจัดขึ้นที่ จังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย และ พล.อ.เตีย เซียฮา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เป็นประธานร่วม
นอกจากนั้น ยังมีผู้แทนจากกองทัพ, กระทรวงมหาดไทย, เจ้าหน้าที่ชายแดน, และหน่วยงานต่าง ๆ ของทั้งสองประเทศเข้าร่วมอย่างครบครัน
ข้อสรุป 5 ประเด็นสำคัญที่เห็นพ้องกัน
การประชุม GBC ครั้งนี้ดำเนินไปอย่างสร้างสรรค์ ทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบใน 5 ข้อต่อไปนี้
1. ถอนอาวุธหนักและยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูง ออกจากพื้นที่ชายแดนในทันที และให้กลับสู่ที่ตั้งปกติ
2. เก็บกู้ทุ่นระเบิด โดยตั้งคณะประสานงานร่วมภายใน 1 สัปดาห์ และเริ่มปฏิบัติการภายใน 1 เดือน
3. ปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ (Scammer) อย่างจริงจัง โดยตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทยและกัมพูชา
4. บริหารจัดการพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะกรณีบ้านหนองจาน ให้ JBC และ RBC ร่วมกันหาทางออกร่วม และแจงผู้ว่า จ. สระแก้ว และ จ. บันเตียเมียนเจย ให้ประสานงาน
5. ผ่อนปรนการผ่านแดนบางประเภทและบางจุดชั่วคราว เพื่อลดผลกระทบทางธุรกิจและการขนส่งข้ามแดน โดยพิจารณาจุดผ่านแดนจันทบุรี–ตราดเป็นจุดแรก
1. การถอนอาวุธหนักและทุ่นระเบิด ช่วยสร้างบรรยากาศที่สงบ ป้องกันเหตุรุนแรงแบบเดิมซ้ำ และอาจเป็นจุดเปลี่ยนสู่สันติภาพที่ยั่งยืนในชายแดน
2. การปราบปรามมิจฉาชีพออนไลน์สอดคล้องกับนโยบายภายในประเทศเรื่องการคุ้มครองประชาชนจากสแกมและหลอกลวง
3. การผ่อนปรนจุดผ่านแดนบางจุดจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจชายแดนและความเชื่อมั่นในการลงทุนของชุมชนชายแดน
4. ไฟเขียวให้มี การประชุม GBC ครั้งต่อไป ภายใน 30 วัน โดยให้ไทยเป็นเจ้าภาพ และมีเป้าหมายวัดผลได้ชัดเจน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ชาวเขมร แฉอีกด้าน! กัมพูชาเปิดสนามบินใหม่ กู้เงินสร้าง แต่ประชาชนไม่มีจะกิน
- กัมพูชาเปิด “สนามบินเตโช” วันแรก ชาวบ้านมาเที่ยว นั่งปิกนิกกับพื้นตรึม
ติดตาม The Thaiger บน Google News: