กรมศิลป์ นครศรีฯ แจงสาเหตุ ไม่ขัดข้อง อ.เชียง เคลื่อนย้าย พระอุเชนทร์ ออกจากวัด

สำนักศิลปากรที่ 12 นครศรีธรรมราช แจงดราม่า ‘อ.เชียง’ ย้ายพระอุเชนทร์ ออกจากวัด ยันกรมศิลป์ฯ ไม่มีอำนาจอนุญาตหรือห้ามปราม เผย สิทธิ์ครอบครองเป็นของวัดสวนขัน
จากกรณีที่เมื่อวานนี้ (9 ก.ย. 68) ในรายการ โหนกระแส ได้มีการหยิบยกประเด็นของ อาจารย์เชียล ปัณณวิชญ์ เกี่ยวกับดราม่าการนำพระคู่บ้านคู่เมืองชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช อย่าง พระอุเชนทร์ ซึ่งเป็นวัตถุโบราณอายุกว่า 1,600 ปีเคลื่อนย้ายออกจากวัดสวนขัน ไปยังมลฑลพระพิฆเนศจตุรถีที่จัดขึ้นที่บ้านของอ.เชียง และได้มีภาพการกอด-จูบ-ลูบคลำองค์พระ สร้างความสะเทือนใจแก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก
ช่วงหนึ่งของรายการ โหนกระแส มีการโฟนอินไปยังเจ้าอาวาสวัดสวนขัน เพื่อสอบถามสาเหตุที่อนุญาตให้อาจารย์เชียงนำองค์พระอุเชนทร์เคลื่อนย้ายออกจากวัด ซึ่งทางเจ้าอาวาสชี้แจงว่าได้แจ้งความประสงค์ไปยังกรมศิลปากร จ.นครศรีธรรมราช และได้รับการอนุญาตแล้ว โดยทางกรมได้ทรงเจ้าหน้าที่มาถ่ายรูปตรวจสอบองค์พระอย่างละเอียดก่อนนำขึ้นรถ ทั้งยังมีเงื่อนไขให้ไปแค่ 1 วันและต้องมีเจ้าอาวาสกับผู้ใหญ่บ้านเดินทางไปด้วย
เจ้าอาวาส ยัน กรมศิลป์นครฯ อนุญาตให้ อ.เชียง เคลื่อนย้าย พระอุเชนทร์ ออกจากวัดได้
ล่าสุด 10 กันยายน 2568 ทางเพจเฟซบุ๊ก สำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครศรีธรรมราช ได้มีการออกมาชี้แจงสาเหตุที่ทาง กรมศิลปากร นครศรีธรรมราช ไม่ขัดข้องที่จะมีการเคลื่อนย้ายองค์พระอุเชนทร์ออกจากวัดสวนขัน ระบุว่า
“พระอุเชน วัดสวนขัน : โบราณวัตถุที่ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ในความครอบครองของวัดและเอกชน
พระอุเชน เป็นพระพิฆเณศสร้างจากศิลา ศิลปะศรีวิชัย อายุพุทธศตวรรษที่ 13-15 อยู่ในความครอบครองของวัดสวนขัน ตำบลช้างกลาง อำเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช กรมศิลปากรพิจารณาเห็นว่าพระอุเชนเป็นโบราณวัตถุที่มีประโยชน์หรือคุณค่าในทางศิลปะ ประวัติศาสตร์หรือโบราณคดีเป็นพิเศษ จึงอาศัยอำนาจตาม พรบ.โบราณสถานฯ ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณวัตถุ (พระอุเชน) โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 124 ตอนพิเศษ 69 ง ลงวันที่ 7 มิถุนายน 2550
การประกาศขึ้นทะเบียนดังกล่าวมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อปกป้องคุ้มครองโบราณวัตถุ (พระอุเชน) จากการดัดแปลงแก้ไข ชำรุด เสียหายหรือสูญหาย #โดยที่สิทธิ์ในการครอบครองพระอุเชนยังคงเป็นของวัดสวนขันดังเดิม ซึ่งจากการประกาศขึ้นทะเบียนมีผลให้พระอุเชนได้รับการคุ้มครองใน 3 ประเด็น สำคัญ ได้แก่
1. ห้ามมิให้ซ่อมแซม แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลง โดยมิได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดีกรมศิลปากร
2. หากเกิดความชำรุด หักพัง เสียหาย สูญหาย หรือมีการย้ายสถานที่เก็บรักษา ให้ผู้ครอบครองแจ้งเป็นหนังสือไปยังอธิบดีกรมศิลปากรภายใน 30 วัน
3. หากผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า ทำให้ไร้ประโยชน์ หรือทำให้สูญหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ **ศึกษาเพิ่มเติมในพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2504 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 หมวด 2 และหมวด 5
กรณีข่าวพระอุเชนที่เป็นกระแสสังคมตอนนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2566 โดยมีกลุ่มผู้มีจิตศรัทธาได้จัดงานคเณศจตุรถี ในวันศุกร์ที่ 15 กันยายน 2566 ณ ธรรมสถานเรือนพระปัณณวิชญ์ เขตบางบอน กรุงเทพฯ จึงได้ประสานมายังวัดสวนขันผู้ครอบครองพระอุเชน เพื่อขออนุญาตอัญเชิญพระอุเชนไปประดิษฐานชั่วคราว จากนั้นวัดสวนขันได้ทำหนังสือมายังสำนักศิลปากรที่ 12 นครศรีธรรมราช #แต่เนื่องจากพระอุเชนเป็นโบราณวัตถุในความครอบครองของวัดสวนขัน กรมศิลปากร โดยสำนักศิลปากรที่ 12 นครศรีธรรมราช จึงไม่มีอำนาจในการอนุญาตไม่อนุญาตในการดังกล่าว จึงแจ้งว่าไม่ขัดข้องในการเคลื่อนย้ายพระอุเชน และเพื่อเป็นการปกป้องคุ้มครองพระอุเชนจากความชำรุดเสียหายจากการเคลื่อนย้ายหรือถูกสลับสับเปลี่ยนในก่อนและหลังการเคลื่อนย้ายพระอุเชน สำนักศิลปากรที่ 12 นครศรีธรรมราช จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำในการเคลื่อนย้ายและร่วมตรวจสอบโบราณวัตถุดังกล่าวด้วย”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- คนนครฯ เดือด “อินฟลูฯ กอดจูบพระอุเชนทร์” ไล่บี้เจ้าอาวาสแจง
- เจ้าอาวาส ยัน กรมศิลป์นครฯ อนุญาตให้ อ.เชียง เคลื่อนย้าย พระอุเชนทร์ ออกจากวัดได้
- อ.เชียง งานเข้า อดีตลูกศิษย์ร้องกองปราบ สอบเส้นเงินบริจาคเข้าบัญชีส่วนตัว
- ประวัติ อ.เชียง ปัณณวิชญ์ นักแก้ดวงภาพนิมิต แม่นจนคนบันเทิงแห่เป็นลูกศิษย์
อ้างอิงจาก : FB สำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครศรีธรรมราช
ติดตาม The Thaiger บน Google News: