สาเหตุ ไม่ควรไว้ใจสิงโตในสวนสัตว์ แม้จะดูเชื่องแล้ว ก็ยังอันตราย

เปิดเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ ทำไมสิงโตในสวนสัตว์จึงไว้ใจไม่ได้ เผยสัญชาตญาณนักล่า-ความเครียดในกรงเลี้ยง-ปัญหาสุขภาพ ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยง แม้จะถูกเลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก
บทเรียนจากโศกนาฏกรรม ทำไม สิงโตเชื่อง ถึงยังอันตราย? เหตุใดสัตว์นักล่าที่ถูกเลี้ยงดูในกรงเลี้ยงและดูภายนอกเหมือนจะเชื่อง ถึงยังคงมีพฤติกรรมที่คาดเดาไม่ได้และเป็นอันตรายถึงชีวิต นี่คือ 5 เหตุผลสำคัญในเชิงพฤติกรรมและวิทยาศาสตร์ที่อธิบายว่าทำไมเราจึงไม่ควรวางใจสิงโต
1. สัญชาตญาณนักล่าไม่เคยหายไป
การเลี้ยงดูสิงโตตั้งแต่เล็กไม่ได้ลบสัญชาตญาณการเป็นสัตว์ป่าออกไป แต่กลับทำให้สิงโต “สูญเสียความกลัวต่อมนุษย์” และกล้าเข้าใกล้มากขึ้น ผู้เชี่ยวชาญย้ำว่า สิงโตที่มีน้ำหนักกว่า 250 กิโลกรัม สามารถสร้างความเสียหายร้ายแรงได้ในชั่วพริบตา หากมีสิ่งกระตุ้นเพียงเล็กน้อย เช่น การเล่นที่รุนแรงเกินไป หรือความรู้สึกหงุดหงิด

2. ความเครียดจากการถูกจองจำ (Zoochosis)
สิงโตเป็นสัตว์ที่ต้องการพื้นที่อาศัยกว้างขวาง การถูกจำกัดบริเวณในกรงเลี้ยงทำให้เกิดความเครียดสะสม ซึ่งมักแสดงออกผ่านพฤติกรรมผิดปกติ เช่น การเดินวนไปมาซ้ำๆ (Stereotypic Behavior) ภาวะนี้เรียกว่า “Zoochosis” ซึ่งเป็นอาการป่วยทางจิตของสัตว์ที่อาจนำไปสู่พฤติกรรมก้าวร้าวต่อตนเองหรือผู้ดูแลได้

3. ปัญหาสุขภาพที่มองไม่เห็น
สิงโตในกรงเลี้ยงมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาสุขภาพได้ง่ายกว่าสิงโตในป่า เช่น ภาวะกระดูกผิดรูปจากการขาดสารอาหารที่เหมาะสม (เช่น วิตามิน A) ซึ่งความเจ็บปวดหรือความผิดปกติทางร่างกายเหล่านี้อาจเป็นสาเหตุของความหงุดหงิดและพฤติกรรมที่ก้าวร้าว
Four Paws (USA) ระบุว่า สิงโตที่อยู่ในกรงมักได้รับอาหารไม่สมดุล เช่นอาหารเน่า, อาหารที่ไม่เหมาะกับสายพันธุ์ เสี่ยงต่อภาวะขาดสารอาหารและโรคที่ตามมา

4. ความเชื่อง ไม่ใช่การการันตีความปลอดภัย
คำว่า “เชื่อง” ในสัตว์ป่าไม่ใช่ความหมายเดียวกับสัตว์เลี้ยงในบ้านอย่างสุนัขหรือแมว ซึ่งผ่านกระบวนการคัดเลือกสายพันธุ์มานับพันปี การเลี้ยงลูกสิงโตหนึ่งตัวให้เติบโตมากับมนุษย์ ไม่ได้หมายความว่าสัญชาตญาณดิบทั้งหมดจะหายไป
องค์กร American Veterinary Medical Association (AVMA) ไม่สนับสนุนให้เลี้ยงสัตว์นักล่าให้เชื่องเป็นสัตว์เลี้ยง USDA ระบุชัดว่า สิงโต เสือ แพนท์เธอร์ ฯลฯ “มีศักยภาพในการฆ่า หรือทำร้ายได้” ถึงแม้จะเป็นมิตร สัตว์เหล่านี้ยังอาจหันมาแสดงอาการก้าวร้าวโดยไม่มีสัญญาณบอกล่วงหน้า

5. มาตรฐานความปลอดภัยสากล
จากบทเรียนในอดีต สวนสัตว์ทั่วโลกได้ปรับเปลี่ยนแนวทางการดูแลสัตว์อันตราย โดยยึดหลัก “Protective Care” คือการลดการปฏิสัมพันธ์โดยตรงระหว่างผู้ดูแลและสัตว์ให้เหลือน้อยที่สุด เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในอดีตจึงเป็นเครื่องย้ำเตือนว่า สิงโตคือสัตว์ป่าที่ทรงพลังโดยธรรมชาติ และการเคารพในสัญชาตญาณของพวกมันคือสิ่งสำคัญที่สุดในการดูแลเพื่อความปลอดภัยของทุกชีวิต

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- กลุ่ม “นี่ตัวอะไร” ประกาศ งดแชร์คลิปสิงโตทำร้าย จนท.หวั่นกระทบจิตใจ
- ด่วน! สิงโต 5 ตัว รุมขย้ำเจ้าหน้าที่ดับ กลางสวนสัตว์ดัง กทม.
อ้างอิง : Sentient, couriermail, bornfreeusa, fourpawsusa
ติดตาม The Thaiger บน Google News: