สรุปประท้วงเนปาล เมียนายกฯ ถูกเผาทั้งเป็น ทวงเสรีภาพ จลาจลนองเลือด เกิดอะไรขึ้น

#NepoKids สรุปประท้วงเนปาล ม็อบ Gen Z ทวงเสรีภาพ สู่จลาจลนองเลือด-นายกฯ ลาออก เผารัฐสภา เผาทั้งเป็น เมียนายก รัฐมนตรี โดนรุมตีจนตาย เกิดอะไรขึ้น
ช่วงต้นเดือนกันยายน 2025 ประเทศเนปาลเจอมรสุมชุมนุมทางการเมืองที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ การประท้วงเริ่มต้นโดยกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ หรือ “Gen Z” เพื่อต่อต้านการทุจริตและการปิดกั้นโซเชียลมีเดียของรัฐบาล ได้บานปลายกลายเป็นการจลาจลนองเลือดใจกลางกรุงกาฐมาณฑุ เสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินราชการอย่างหนัก มีการเผารัฐสภา มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก จนนำไปสู่การลาออกจากตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีและเกิดสุญญากาศทางการเมืองครั้งใหญ่
ไฟรุนแรงปะทุขึ้นในเช้าวันที่ 8 กันยายน 2025 นักเรียน นักศึกษา และเยาวชนหลายพันคนรวมตัวกันอย่างสงบที่จัตุรัสไมติฆาร์ มันดาลา ในกรุงกาฐมาณฑุ เพื่อเดินขบวนไปยังอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ พร้อมป้ายข้อความต่อต้านคอร์รัปชันและการแบนโซเชียลมีเดีย

สถานการณ์เริ่มตึงเครียดเมื่อผู้ชุมนุมพยายามฝ่าแนวกั้นของตำรวจเพื่อเข้าไปในเขตรัฐสภา เจ้าหน้าที่จึงเริ่มใช้มาตรการควบคุมฝูงชน ก่อนที่สถานการณ์จะทวีความรุนแรงอย่างรวดเร็วในช่วงบ่าย ผู้ประท้วงบางส่วนสามารถพังแนวกั้นและบุกเข้าไปในเขตรั้วรัฐสภาได้สำเร็จ มีการจุดไฟเผารถพยาบาลและขว้างปาก้อนหินเข้าใส่ตำรวจปราบจลาจล ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตอบโต้ด้วยแก๊สน้ำตา, ปืนฉีดน้ำแรงดันสูง, กระบอง, กระสุนยาง และมีการใช้กระสุนจริงยิงเข้าใส่ฝูงชนเพื่อสลายการชุมนุม ผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่าตำรวจยิงกระสุนปืนอย่างไม่เลือกหน้า แม้ผู้ชุมนุมหลายคนจะยังสวมเครื่องแบบนักเรียน
ความรุนแรงลุกลามไปทั่วบริเวณ มีการเผายางรถยนต์และวางเพลิงทรัพย์สินราชการ จนรัฐบาลต้องประกาศเคอร์ฟิวในกรุงกาฐมาณฑุในช่วงค่ำ แต่ความไม่พอใจได้ขยายวงกว้างออกไปแล้ว

ในวันที่ 9 กันยายน ผู้ประท้วงได้ท้าทายคำสั่งเคอร์ฟิวและพุ่งเป้าโจมตีทรัพย์สินของรัฐบาลและบ้านพักของผู้นำระดับสูงหลายราย มีการบุกเผาอาคารรัฐสภา, ที่ทำการพรรคเนปาลีคองเกรส และบ้านพักส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี เค.พี. ชาร์มา โอลี ซึ่งถูกเผาจนเสียหายทั้งหลัง รวมถึงมีการพยายามบุกจุดไฟเผาทำเนียบประธานาธิบดีด้วย
ชนวนเหตุประท้วง ฟางเส้นสุดท้ายจากคำสั่งแบนโซเชียลมีเดีย
เหตุสำคัญที่จุดกระแสการประท้วงคือคำสั่งของรัฐบาลเนปาลเมื่อวันที่ 4 กันยายน ที่ให้บล็อกการเข้าถึงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย 26 แพลตฟอร์ม รวมถึง Facebook, X (Twitter), WhatsApp และ YouTube อ้างเหตุผลว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้ไม่มาลงทะเบียนกับทางการตามกฎระเบียบใหม่ และเพื่อควบคุมการเผยแพร่ข่าวปลอม คำพูดสร้างความเกลียดชัง และปัญหาอาชญากรรมออนไลน์
ประชาชนและกลุ่มสิทธิมนุษยชนมองว่ามาตรการดังกล่าวคือความพยายามเซ็นเซอร์และปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออก โดยเฉพาะเมื่อชาวเนปาลกว่า 90% ใช้อินเทอร์เน็ตในชีวิตประจำวัน นโยบายของรัฐบาลจึงถูกมองว่าเป็นการใช้อำนาจเพื่อปิดปากผู้เห็นต่างทางการเมือง

ปัญหาสะสมที่รอวันปะทุ คอร์รัปชันและความเหลื่อมล้ำ
นอกจากการแบนโซเชียลมีเดีย สาเหตุที่แท้จริงซึ่งสั่งสมความไม่พอใจของผู้คนรุ่นใหม่ คือปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันและระบบอุปถัมภ์ที่ฝังรากลึกในแวดวงการเมืองเนปาล เยาวชนได้เริ่มแคมเปญผ่านแอปพลิเคชัน TikTok ติดแฮชแท็ก “#NepoKids” เพื่อเปิดโปงวิถีชีวิตที่หรูหราของลูกหลานนักการเมืองและเจ้าหน้าที่ระดับสูง ซึ่งสวนทางกับความยากลำบากของประชาชนทั่วไปที่มีรายได้เฉลี่ยเพียงปีละ 1,400 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 50,000 บาท)
ประกอบกับปัญหาเศรษฐกิจและอัตราการว่างงานในกลุ่มเยาวชนที่สูงถึงเกือบ 20% ทำให้คนหนุ่มสาวหลายล้านคนต้องเดินทางไปทำงานต่างประเทศ พวกเขามองว่ารัฐบาลหลายชุดที่ผ่านมานับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองสู่ระบอบสาธารณรัฐในปี 2008 ล้มเหลวในการสร้างเสถียรภาพทางการเมืองและพัฒนาเศรษฐกิจ
เมื่อรัฐบาลของนายกฯ โอลีใช้อำนาจปิดกั้นโซเชียลมีเดีย ท่ามกลางปัญหาความไม่โปร่งใสที่ยังคงอยู่ จึงกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ความโกรธแค้นระเบิดออกมา

การปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงและเจ้าหน้าที่รัฐส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในการประท้วงวันเดียวของเนปาล สื่อท้องถิ่นและตำรวจเนปาลยืนยันยอดผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 19-20 ราย โดย 17 รายเสียชีวิตในกรุงกาฐมาณฑุ และอีก 2 รายในเมืองอิตะหะรี
ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นเยาวชน ซึ่งรวมถึงนักเรียนมัธยมปลายในเครื่องแบบนักเรียนที่ถูกยิงเสียชีวิต ขณะที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกไม่น้อยกว่า 300-350 คน หลายคนบาดเจ็บสาหัสจากกระสุนจริง เหตุการณ์นี้ถูกประณามอย่างหนักจากการใช้กำลังเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะการใช้กระสุนจริงกับผู้ชุมนุม

ภริยาอดีตนายกฯ ถูกผู้ประท้วงจับเผาทั้งเป็น
สื่อต่างประเทศรายงานว่า นางราชยลักษมี จิตรากร ภริยาของนายฌาลานาถ ขนาล อดีตนายกรัฐมนตรีเนปาล เสียชีวิตเมื่อวันที่ 9 กันยายน หลังจากกลุ่มผู้ประท้วงซึ่งนำโดยคนรุ่น Gen Z บุกเข้าไปในบ้านพักย่านดัลลู กรุงกาฐมาณฑุ แล้วจุดไฟเผา แหล่งข่าวจากครอบครัวระบุว่า นางจิตรากรถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล Kirtipur Burn Hospital แต่เสียชีวิตระหว่างการรักษา
ผลลัพธ์ทางการเมือง นายกฯ ลาออก-กองทัพคุมเมือง
แรงกดดันมหาศาลจากการประท้วงที่รุนแรงทำให้รัฐบาลต้องตอบสนองอย่างรวดเร็ว ในคืนวันที่ 8 กันยายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ประกาศลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ และรัฐบาลได้ประกาศยกเลิกคำสั่งแบนโซเชียลมีเดียทั้งหม
แต่การลาออกก็ไม่สามารถหยุดยั้งความโกรธแค้นได้ ในที่สุดช่วงค่ำของวันที่ 9 กันยายน นายกรัฐมนตรี เค.พี. ชาร์มา โอลี ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้เกิดทางออกทางการเมืองและคลี่คลายสถานการณ์ความวุ่นวายในประเทศ ตามมาด้วยการลาออกของรัฐมนตรีอีกอย่างน้อย 2 คน ที่แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงปราบปรามประชาชน

หลังการลาออกของนายกรัฐมนตรี สถานการณ์ความรุนแรงได้สงบลง กองทัพเนปาลได้ส่งทหารเข้าควบคุมพื้นที่และลาดตระเวนตามท้องถนนในกรุงกาฐมาณฑุภายใต้คำสั่งเคอร์ฟิว บรรยากาศโดยทั่วไปกลับสู่ความสงบ แต่ยังคงอยู่ภายใต้การดูแลของฝ่ายความมั่นคง
อย่างไรก็ตาม วิกฤตทางการเมืองของเนปาลยังไม่จบสิ้น ประธานาธิบดีกำลังอยู่ระหว่างการหารือกับพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ขณะที่กลุ่มผู้ประท้วง Gen Z ยังคงเรียกร้องให้เกิด “การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง” ที่มากกว่าแค่การเปลี่ยนตัวผู้นำ โดยหลายฝ่ายจับตามองว่าหากข้อเรียกร้องเรื่องการปฏิรูประบบการเมืองและปราบปรามการทุจริตไม่ได้รับการตอบสนองอย่างจริงจัง การประท้วงอาจกลับมาปะทุขึ้นอีกครั้งในอนาคต
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชนวนแค้นเนปาล คลิป “รมต.คลัง” เจอรุมฉีกเสื้อผ้า แห่ประจานกลางแม่น้ำ
คลิประทึก การบินไทยทะยานฟ้า ฝ่าจลาจลเนปาล หลังยอดตายพุ่ง 22 ศพ
ด่วน! เนปาล ประกาศ เคอร์ฟิวส์ทั่วประเทศ เตือน นักท่องเที่ยวไทย ติดต่อสถานฑูตด่วน
ติดตาม The Thaiger บน Google News: