คลิปไวรัล พนง.เบอร์เกอร์คิงสู้ชีวิต ทำงานคนเดียวทั้งร้าน 12 ชม. ล่าสุดถูกไล่ออก เพราะมาสาย

คลิปไวรัล พนักงานสาวเบอร์เกอร์คิงสู้ชีวิต ทำงานคนเดียวทั้งร้าน 12 ชั่วโมง ล่าสุดถูกไล่ออก เพราะมาสาย คนแห่บริจาคช่วยหลายล้าน
เป็นเรื่องราวไวรัลสร้างความเห็นใจไปทั่วโลกออนไลน์ พนักงานหญิงของเบอร์เกอร์คิงที่เคยเป็นไวรัลจากการทำงานในร้านเพียงลำพังนาน 12 ชั่วโมง ได้ออกมาเปิดเผยล่าสุดว่าเธอถูกไล่ออกจากงานแล้ว
ไนเกีย แฮมิลตัน (Nykia Hamilton) คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวลูกสาม วัย 25 ปี กลายเป็นไวรัลดังบนอินเทอร์เน็ตเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากมีลูกค้าถ่ายคลิปวิดีโอขณะที่เธอกำลังทำงานทุกอย่างในร้านเบอร์เกอร์คิง สาขาโคลัมเบีย รัฐเซาท์แคโรไลนา ด้วยตัวคนเดียว ไม่ว่าจะเป็นเคาน์เตอร์หน้าร้าน, ไดรฟ์ทรู, ทอดเฟรนช์ฟรายส์ ไปจนถึงทำเบอร์เกอร์ เนื่องจากเกิดปัญหาพนักงานขาดแคลนกะทันหัน
ลูกค้าที่ถ่ายคลิปได้กล่าวชื่นชมเธอว่า “เธอทำทุกอย่างที่ต้องทำ เพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าทุกคนในร้านจะได้รับการบริการ” อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ไนเกีย แฮมิลตัน ได้อัปเดตเรื่องราวผ่าน TikTok ของเธอเอง ว่าเธอถูกเบอร์เกอร์คิงไล่ออกแล้ว
“เบอร์เกอร์คิงไล่ฉันออก เพราะฉันมาสายเรื่องลูก ๆ” เธอกล่าวในคลิป “ลูกฉันต้องมาก่อน พวกคุณไม่ได้จ่ายค่าพี่เลี้ยงเด็กให้ฉันสักหน่อย”
เธอยังได้พูดถึงผลกระทบจากชื่อเสียงที่ได้รับ ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพจิตของเธอ “ฉันทั้งโมโห ทั้งซึมเศร้า สภาพจิตใจย่ำแย่ไปหมด แล้วยังมีคนมายุ่งกับฉันอีก ได้โปรดอย่ามายุ่งกับฉันเลย”
หลังจากตกงาน ไนเกียได้เปิดระดมทุนผ่านเว็บไซต์ GoFundMe ได้รับเงินบริจาคจากผู้คนที่เห็นใจเธอแล้วกว่า 64,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2.3 ล้านบาท) โดยเธอเขียนในหน้าเพจว่า “ฉันคือแม่เลี้ยงเดี่ยววัย 25 ที่มีลูก 3 คนและทำงาน 2 จ๊อบ ฉันไม่คาดคิดว่าชีวิตจะเปลี่ยนไปแบบนี้ ฉันทำทุกอย่างเพื่อลูก ๆ จริงๆ”
ก่อนหน้านี้ ไนเกียเคยให้สัมภาษณ์ว่า เธอมักจะทำงานเกิน 12 ชั่วโมงเป็นประจำ เพราะต้องหาเลี้ยงลูกอีกสามชีวิต “ฉันพลาดช่วงเวลาในชีวิตของลูก ๆ ไปมากเพราะทำงานหนัก ฉันต้องหาเงินมาให้พวกเขา แต่ฉันก็ไม่มีเวลาได้อยู่กับพวกเขาเลย มันเจ็บปวดมาก”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เบอร์เกอร์คิง ชวน เจ้าชายแฮร์รี่ มาทำงานพาร์ทไทม์
- วัยรุ่นมะกัน ไตวายหลังกินเบอเกอร์แม็คโดนัลด์ แพทย์เจอเชื้ออันตรายถึงชีวิต
- แม็คโดนัลด์ เตรียมขายกิจการใน รัสเซีย ผลพวงสงครามรัสเซีย
ติดตาม The Thaiger บน Google News: