ฟ้าใหม่แห่งวงการคริปโต เมื่อ Truth Social ของประธานาธิบดีทรัมป์เข้าสู่จักรวาลคริปโตด้วย ETF คริปโตยอดนิยมสองรายการ
บทวิเคราะห์ตลาดโดย Christopher Tahir นักกลยุทธ์ตลาดการเงินอาวุโสของ Exness
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) รับทราบกรณี Truth Social ยื่นจดทะเบียนกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน (ETF) คู่สำหรับ Bitcoin และ Ether ทั้งนี้ Truth Social ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ที่ดำเนินการโดยบริษัทสื่อของประธานาธิบดีทรัมป์ ได้มีการยื่นคำร้องกับ SEC มาก่อนแล้วเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2568
แม้ว่าความคิดเห็นของประชาชนจะโต้แย้งการยื่นคำร้องดังกล่าวว่าเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน แต่วงการคริปโตเคอร์เรนซีกลับบอกว่านี่เป็นฟ้าใหม่สำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล ยิ่งกว่าความสำเร็จอันแข็งแกร่งในจักรวาลคริปโต การเชื่อมโยงระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ และโลกแห่งสินทรัพย์ดิจิทัลทำให้ความพยายามในการผลักดันคริปโตในปัจจุบันและอนาคตเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมาย
หลังจากการอนุมัติการจดทะเบียนกองทุนซื้อขาย Spot Bitcoin ETF จำนวน 11 กองทุนเมื่อปีที่ผ่านมา ETF ของ Bitcoin และ Ether สร้างความแข็งแกร่งให้ห่วงโซ่ของเครื่องมือการลงทุนที่อิงตามสินทรัพย์ดิจิทัล เมื่อ SEC ยืนยันการตอบรับการขึ้นทะเบียน ขั้นตอนการอนุมัติของ ETF ก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ หากเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของผู้กำกับดูแล ETF จะให้โอกาสในการเข้าถึงทั้ง Bitcoin และ Ether และจะได้รับการขึ้นทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Arca ของ NYSE
กองทุน ETF ที่ประกอบด้วย Bitcoin 75% และ Ether 25% ซึ่งเป็นโครงสร้างที่น่าดึงดูดจะอยู่ภายใต้การบริหารของ Yorkville America Digital และมี Foris DAX Trust Company (ซึ่งดำเนินงานภายใต้ชื่อ Crypto.com) เป็นผู้ดูแลสินทรัพย์ สินทรัพย์คริปโตทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในระบบจัดเก็บแบบออฟไลน์ (cold storage) โดยแยกออกจากบัญชีของผู้ดูแลสินทรัพย์อย่างชัดเจน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยเป็นพิเศษ
บริบทของตลาดคริปโต
การเปิดตัว ETF คริปโตแบบสองสกุลเงินและการรับรองการขึ้นทะเบียนของ SEC คงไม่มีจังหวะเวลาที่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 ที่ผ่านมา พบว่าดอกเบี้ยบริษัททำสถิติสูงสุดครั้งใหม่เนื่องจากบริษัทต่างๆ มีการเพิ่ม Bitcoin จำนวน 159,107 BTC เข้าไปในงบดุลด้วย ซึ่งเมื่อเทียบกับราคา Bitcoin ปัจจุบัน จะมีมูลค่าเท่ากับ 17,600 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 23.13% จากไตรมาสก่อนหน้า ทำให้การถือครอง BTC ของภาคบริษัทมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 847,000 BTC ซึ่งคิดเป็นประมาณ 4% ของอุปทาน BTC ทั้งหมดซึ่งอยู่ที่ 21 ล้าน ตามข้อมูลจาก Bitwise Asset Management
ปลายไตรมาสที่สองของปี 2568 การถือครอง BTC ของสถาบันมีมูลค่ารวมเพิ่มขึ้นเป็น 91,000 ล้านดอลลาร์ คำนวณที่ราคา 107,754 ดอลลาร์ต่อ 1 BTC ซึ่งเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ราคาเพิ่มขึ้นคิดเป็น 60.93% BTC กลับสู่ขาขึ้นอีกครั้ง โดยทำลายสถิติสูงสุดตลอดกาลเกิน 112,000 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ก่อนจะปรับตัวลดลงไปที่ 110,877.90 ดอลลาร์ในวันถัดมา และพุ่งขึ้นทำลายสถิติสูงสุดอีกครั้งที่ 123,200 ดอลลาร์ในวันที่ 14 กรกฎาคม
นี่อาจเป็นการดีดตัวกลับชั่วคราว เนื่องจากเทรดเดอร์ต่างก็พิจารณาการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านอัตราดอกเบี้ยที่อาจเกิดขึ้นได้และความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์เป็นปัจจัยร่วมด้วย ถึงกระนั้น ในสิ่งที่เลวร้ายก็ยังมีสิ่งดีๆ ซ่อนอยู่ และในกรณีของ Bitcoin สิ่งดีๆ ที่ว่านั้นก็คือสภาพคล่องนั่นเอง
ในขณะที่บริษัทต่างๆ กักตุน Bitcoin เข้าคลังเป็นทุนสำรองของตนเองอย่างต่อเนื่อง มูลค่าที่แท้จริงของ Bitcoin จะพุ่งขึ้นต่อไป ทำหน้าที่เป็นร้านค้าที่ให้บริการมูลค่าและการป้องกันความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง สิ่งสำคัญที่พึงทราบคือ ในไตรมาสที่ 2 บริษัทมหาชนที่ถือ Bitcoin มีจำนวนมากขึ้น โดยมีบริษัทใหม่ 46 แห่งเข้าถือ ทำให้จำนวน Bitcoin ทั้งหมดที่มีการถือครองในทุนสำรองเพิ่มขึ้นเป็น 125 คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 58.23% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
ท่ามกลางสถานการณ์ดังกล่าว การเปิดตัวกองทุน ETF คริปโตแบบสองสกุลถือเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล การที่หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของสหรัฐฯ รับรองกองทุน ETF ที่มีสินทรัพย์คริปโตหนุนหลังของ Truth Social ถือเป็นการเปิดประตูสู่การกำกับดูแลคริปโต และทำให้นักลงทุนมีช่องทางที่ถูกต้องตามกฎหมายในการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล
ปัจจัยป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น
นอกจากความน่าสนใจในแง่ของการเปิดโอกาสสู่คริปโตเคอร์เรนซีสองสกุลหลักของโลกแล้ว สิ่งที่ทำให้กองทุนรวมดัชนีของ Truth Social เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร นั่นก็คืออัลกอริทึมที่ Truth Social จะใช้ในการกำหนดมูลค่าทรัพย์สินสุทธิในแต่ละวัน ซึ่งเป็นอัตราอ้างอิง CME CF Bitcoin และอัตราอ้างอิงของ Ether ช่วยให้มั่นใจว่า ความเคลื่อนไหวของราคาในคริปโตเคอร์เรนซีแต่รายการตรงกับความเคลื่อนไหวของตลาดแบบเรียลไทม์
จากมุมมองด้านความผันผวนของคริปโต โครงสร้างและคุณลักษณะของ ETF อาจดึงดูดทั้งนักลงทุนสถาบันรายใหญ่และเทรดเดอร์คริปโตรายย่อยได้ นั่นหมายความว่า สภาพคล่องของ Ether และ Bitcoin จะมีมากขึ้น ยิ่งมีอุปทานสภาพคล่องมาก ความผันผวนก็จะยิ่งน้อย ด้วยเหตุนี้จึงอาจจะได้เห็นตลาดคริปโตมีเสถียรภาพด้านราคาบ้างในระยะกลางถึงระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เส้นแบ่งเขตระหว่างการเมืองกับการเงินดิจิทัลจางหายไป ความไม่แน่นอนในตลาดก็อาจเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ในแง่ดีคือ การที่ ETF ของ Bitcoin และ Ether ผูกติดกับชื่อของประธานาธิบดีทรัมป์ อาจทำให้ได้รับแรงฉุดที่สำคัญในระยะใกล้ หากได้รับการอนุมัติ นอกจากนั้น โครงสร้างที่ผสมผสานคริปโตสองสกุล ทำให้กองทุนนี้อาจมีความผันผวนน้อยกว่าการลงทุนในแต่ละสกุลแยกกัน
นัยของการปฏิบัติตามกฎระเบียบ
กระบวนการตรวจสอบของ SEC จะมีนัยสำคัญต่อวงการคริปโต เมื่อคำขอจดทะเบียนกองทุนได้รับการรับรอง จะเข้าสู่ระยะการพิจารณาตัดสิน 240 วัน ในช่วงระยะเวลานี้ สมาชิกสภาร่างกฎหมายจะตรวจสอบโครงสร้างของ ETF การจัดการผู้ดูแลสินทรัพย์ และผลกระทบต่อตลาด นี่ไม่เพียงแต่ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับในโลกของคริปโตเท่านั้น แต่ยังเป็นการตั้งมาตรฐานการขึ้นทะเบียนเครื่องมือทางการเงินที่อิงตามคริปโตให้มีความโปร่งใสและถูกต้องตามกฎหมาย วิธีการที่ชัดเจนในการประเมินผู้ดูแลสินทรัพย์เป็นสิ่งสำคัญต่อความพยายามดังกล่าว เพราะเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าควรใช้อำนาจดุลพินิจให้น้อยที่สุดในโครงสร้างของกองทุน
การยื่นจดทะเบียน ETF ของคริปโตใหม่ – ยิ่งมากยิ่งคึกคัก
เมื่อ SEC รับทราบคำขอจดทะเบียนกองทุน ETF คริปโตของ Truth Social ทาง Truth Social ก็ได้ยื่นคำขอสำหรับกองทุน ETF คริปโตอีกฉบับหนึ่งในทันที โดยเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมา แบบคำขอลงทะเบียน S-1 สำหรับกองทุน ETF ใหม่ ซึ่งประกอบด้วยสินทรัพย์คริปโตอย่าง BTC, ETH, SOL, XRP และ CRO ได้ถูกยื่นต่อสำนักงานของคณะกรรมการ SEC เรียบร้อยแล้ว การจัดสรรกองทุนเริ่มแรกประกอบด้วย Bitcoin 70%, Ether 15%, Solana 8%, Cornos 5% และ Ripple 2%
กองทุน ETF ใหม่ที่มี Yorkville America Digital เป็นผู้สนับสนุน และ Foris DAX Trust เป็นผู้ดูแลสินทรัพย์ มีชื่อว่า Truth Social Crypto Blue Chip ETF การยื่นจดทะเบียนครั้งใหม่นี้เป็นการวางรากฐานใหม่ให้กับบริษัทด้านสื่อของทรัมป์ เช่นเดียวกับการขอขึ้นทะเบียนกองทุน ETF คริปโตแบบสองสกุลเงินครั้งก่อน ETF คริปโตใหม่นี้ก็อาจดึงดูดความสนใจจากบุคคลสำคัญในแวดวงการเงินและนักเก็งกำไรคริปโตได้เช่นกัน
หากได้รับการขึ้นทะเบียน ETF ของคริปโตทั้งห้าจะมีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ NYSE Arca Blue Chip Crypto ETF ซึ่งมุ่งเป้าในการเข้าถึงตลาดคริปโตในเชิงรับ จะทำการติดตามผลการดำเนินงานของสินทรัพย์ดิจิทัลที่ทรัสต์ถืออยู่ แม้ว่าหน่วยลงทุนของ ETF จะเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้เข้าถึงสินทรัพย์คริปโตที่ได้รับความนิยมสูงสุดบางรายการ แต่นักลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของคริปโตเหล่านั้น
ตลาดคริปโตกำลังมาแรง
Solona เพิ่มขึ้น 1.35% เป็น 154.13 ดอลลาร์ทันทีที่มีการเผยแพร่ข่าว XRP ปรับขึ้น 3.58% เป็น 2.37 ดอลลาร์เช่นกัน ส่วน ETF ของคริปโตก็เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ราคาในทิศทางขาขึ้นครั้งใหม่ วันที่ 10 กรกฎาคม นักลงทุน Bitcoin และ Ether จับตัวเป็นกลุ่มบนกราฟโดยมีการแห่ซื้ออย่างบ้าคลั่ง ทำให้ Spot BTC ETF ของสหรัฐฯ พุ่งสูงสุดอีกครั้ง ยอดรวมกระแสเงินสดที่ไหลเข้าสินทรัพย์เหล่านี้คิดเป็น 1,170 ล้านดอลลาร์ โดย 448 ล้านดอลลาร์มาจากกองทุนรวม ETF เพื่อการลงทุนใน iShares Bitcoin Trust ของ BlackRock และอีก 324 ล้านดอลลาร์มาจากกองทุนรวม Bitcoin ที่ชื่อ Wise Origin ของ Fidelity การลงทุนเงินสดที่ใกล้เคียงสถิติสูงสุดเหล่านี้เกิดขึ้นภายหลังราคา Bitcoin มีแนวโน้มขาขึ้นอีกครั้งเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม โดยพุ่งขึ้นกว่า 113,800 ดอลลาร์
กองทุน Ether Spot ETF มียอดเงินไหลเข้าสุทธิรวม 383.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐในวันที่ 10 กรกฎาคม ซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ และนับเป็นเงินไหลเข้าสุทธิสูงสุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ของกองทุน ETF คริปโต ยังต้องรอดูว่าแนวโน้มขาขึ้นนี้จะดำเนินต่อไปหรือไม่ นอกเหนือจากการอนุมัติของ SEC ต่อการขอขึ้นทะเบียนดังกล่าวแล้ว ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ก็ยังคงมีบทบาทสำคัญในการตัดสินว่าจะเกิดอะไรขึ้นในระยะยาว เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งที่แน่นอนมากขึ้นคือ Spot ETF ของคริปโตกำลังกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่
ติดตาม The Thaiger บน Google News:
ข่าวล่าสุด
