ข่าว

ทนายรณณรงค์ เปิดบทเรียนกฎหมาย เคสบิว 1.6 ล้าน ย้ำเงินบริจาคไม่ใช่ของเล่น

ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ กางบทเรียนกฎหมายยกกรณี บิว ป่วยมะเร็งเต้านมระยะ 3 ฟันยอด 1.6 ล้าน ย้ำเงินบริจาคไม่ใช่ของเล่น อย่าดูถูกศักดิ์ศรีคนช่วย

ภายหลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมาได้เดินทางไปที่ สภ.บางกรวย จ.นนทบุรี เพื่อพาผู้เสียหายซึ่งเป็นชายวัย 27 ปี ได้โอนเงินบริจาคช่วยเหลือ บิว หญิงสาวที่ออกมาโพสต์เปิดรับบริจาคเพื่อนนำเงินไปรักษาตัวจากอาการป่วยโรคร้ายแรงอย่าง มะเร็งเต้านมระยะที่ 3 แต่ต่อมายอดพุ่งกว่า 1.6 ล้านบาท ทั้งที่ตอนแรกเจ้าของที่ขอรับบริจาคอ้างว่าต้องการเงินเพียงจำนวนแค่ 5 แสนกว่าบาท

อีกทั้งเมื่อยอดเงินทะลักปรากฏก็ยังไม่มีการประกาปิดรับบริจาค กระทั่งเรื่องราวบานปลายเพจดังอย่าง จ๊อกจ๊อกไปไล่ขุดประวัติเปิดโปงความไม่ชอบมาพากลตั้งแต่วันที่งโพสต์ช่วงหัวค่ำของวันที่ 14 ส.ค. เกี่ยวกับการรับบริจาคทั้งที่ตัวเองมีสิทธิรักษาเบิกค่าใช้จ่ายได้ทั้งหมดตามเกณฑ์และสิทธิที่มีอยู่ตามรพ.ต้นสังกัด

ด้วยเหตุนี้ ทนายรณณรงค์ ซึ่งวานนี้ (17 ส.ค.) ได้พานายเอ (นามสมมติ) ผู้เสียหายซึ่งบริจาคช่วยสาวรายนี้แล้วต่อมาพอเริ่มีพิรุธจึงขึ้นโรงพักสภ.บางกรวยไปแจ้งเอาผิดแล้วใน 2 ข้อหา จึงออกมาเขียนโพสต์ร่ายยาวโดยยกเป็นคดีอุทาหรณ์ให้กับสังคมที่ค่อนข้างจะละเอียดอ่อนกับการโอนเงินช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนหรือเจ็บป่วยร้ายแรง

โดยตอนไปแจ้งความ ด้านนักฏหมายชื่อดังยังแนะนำ บิว สาวป่วยมะเร็งด้วยว่า ควรจะนำเงินที่หากว่ายังเหลือจากยอดบริจาคมหาศาลดังกล่าว ไปช่วยเหลือคนที่เจ็บป่วยจริงๆ เพื่อเป็นการบรรเทาโทษในชั้นศาลต่อไป

ภาพ @เที่ยงวันทันเหตุการณ์
ภาพ @เที่ยงวันทันเหตุการณ์

“เรื่องนี้คือคดีตัวอย่างว่า การขอรับบริจาคออนไลน์โดยไม่โปร่งใส อาจนำไปสู่ข้อหาหนัก ทั้ง ฉ้อโกงประชาชน, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์, พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร และฟอกเงิน แม้จะเห็นใจแต่ในฐานะนักกฎหมายก็ต้องพูดตรง ๆ ว่า “เงินบริจาคไม่ใช่ของเล่น” การใช้ผิดทางคือการทำลายทั้งความศรัทธาและเสรีภาพของตัวเอง

แม้จะสงสารผู้ป่วย แต่ต้องพูดตรง ๆ เงินบริจาค คือ “เงินศรัทธาของประชาชน” ใครรับมาแล้วใช้ไม่ตรงวัตถุประสงค์ มีสิทธิถูกดำเนินคดีหนักทั้งอาญาและฟอกเงิน”

“สิ่งที่ควรทำถ้ามีเงินเหลือหรือสื่อสารผิดพลาด ดังนั้นอันดับแรกควรคืนเงินให้ผู้บริจาคที่ต้องการถอนการให้หรือโอนเงินที่เหลือไปยังมูลนิธิ/โรงพยาบาลอย่างเป็นทางการ” และต่อมาต้องรีบเปิดเผยบัญชีรายรับ-รายจ่ายอย่างโปร่งใส

สิ่งที่ไม่ควรทำ ! ยามเดือดร้อนแล้วต้องเปิดรับบริจาค

  • เก็บเงินไว้เองโดยอ้างว่าจะใช้ภายหลัง
  • ท้าทายผู้บริจาคหรือขู่จะฟ้องหมิ่นประมาทผู้ที่ตั้งคำถาม เพราะยิ่งทำให้ตัวเองเสี่ยงถูกลากเข้าสู่การพิสูจน์ในศาล

เงินบริจาคไม่ใช่ของใครเล่น ๆ : กรณี “สาวบิว” และบทเรียนทางกฎหมาย

1. ประมวลกฎหมายอาญา : ความผิดฐานฉ้อโกง และฉ้อโกงประชาชน

มาตรา 341 : ผู้ใดหลอกลวงผู้อื่นโดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรบอก ทำให้ผู้อื่นหลงเชื่อแล้วมอบทรัพย์ ถือว่าผิดฐาน ฉ้อโกง

มาตรา 343 : ถ้าการฉ้อโกงนั้นกระทำต่อประชาชน เช่น ประกาศขอรับบริจาคในเฟซบุ๊กหรือสื่อออนไลน์ ย่อมเข้าข่าย ฉ้อโกงประชาชน โทษหนักขึ้น จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท และ ไม่สามารถยอมความได้

พูดง่าย ๆ คือ ถ้าคุณประกาศว่าจะนำเงินไปจ่ายค่ายารักษามะเร็ง แต่แท้จริงโรงพยาบาลยืนยันว่ารักษาฟรี หรือคุณใช้เงินไปผิดวัตถุประสงค์ เช่น โอนไปเก็บไว้ในบัญชีแม่ แบบนี้เข้าข่าย “ฉ้อโกงประชาชน” เต็ม ๆ

2. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1)

  • กฎหมายนี้เอามาใช้คู่กันบ่อยในคดีลักษณะนี้ โดยเฉพาะเมื่อมีการโพสต์ขอรับบริจาคบนโลกออนไลน์
  • มาตรา 14 (1) : ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท

ถ้าคุณโพสต์ข้อความว่า “โรงพยาบาลเรียกเก็บค่ายามุ่งเป้า 5 แสน” ทั้งที่จริงไม่ได้เสียเงินเพิ่มเลย นี่คือการ “นำเข้าข้อมูลเท็จ” สู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยตรง

3. พระราชบัญญัติควบคุมการเรี่ยไร พ.ศ. 2487

  • กฎหมายนี้แม้เก่า แต่ยังใช้บังคับอยู่
  • กำหนดไว้ว่า ผู้ใดจะเรี่ยไรเงินหรือสิ่งของต่อสาธารณะ ต้องขออนุญาตจากทางราชการก่อน
  • และ มาตรา 14 ห้ามนำเงินที่เรี่ยไรได้ไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ที่แจ้งไว้

ดังนั้น “การเปิดรับบริจาค” โดยไม่เคยยื่นขออนุญาต ถือว่าผิดกฎหมายตั้งแต่แรก และยิ่งนำเงินไปใช้ผิดทาง ยิ่งผิดซ้อนเข้าไปอีก

4. ความเกี่ยวพันกับกฎหมายฟอกเงิน

  • ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ถือเป็น “ความผิดมูลฐาน” ของกฎหมายฟอกเงิน
  • ถ้าเงินบริจาคถูกโอนไปบัญชีอื่น คนที่รับโอนเงินนั้นก็เสี่ยงถูกดำเนินคดีฐาน รับของโจร หรือ ร่วมกันฟอกเงิน ได้

ทั้งนี้ บิว สาวป่วยมะเร็ง เคยออกมากล่าวถึงตนเองว่า ปัจจุบันกำลังอยู่ระหว่างการเข้ารับการรักษาตัวที่รพ. โดยมีนัดกับแพทย์วันที่ 19 ส.ค. เพื่อให้ยาเคมีบำบัด อย่างไรก็ดีเจ้าตัวยังระบุไว้ว่า ถ้าหลังจากพบหมอเรียบร้อย เธอเองจะรีบออกมาชี้แจงรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด.

บิว โพสตฺค์เฟซบุ๊กระบุตอนนี้กำลังรับยาเคมีบำบัด
แฟ้มภาพ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

0 0 โหวต
Article Rating
สมัครรับข้อมูล
แจ้งเตือนเกี่ยวกับ
0 Comments
เก่าแก่ที่สุด
ใหม่ล่าสุด ถูกโหวตมากที่สุด
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button
0
เราอยากทราบความคิดเห็นของคุณ โปรดแสดงความคิดเห็นx