ข่าวต่างประเทศ

สื่อต่างชาติ ชี้ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ คือต้นตอความขัดแย้ง ชายแดนไทย-กัมพูชา

บทวิเคราะห์ต่างชาติ ชี้เหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา มีต้นตอจากปัญหา แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในกัมพูชา หลังไทยขู่ตัดเน็ตเพื่อปราบปราม

การปะทะกันอย่างรุนแรงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมมา ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 30 ราย และประชาชนหลายหมื่นคนต้องอพยพ แม้จะดูเหมือนเป็นผลพวงจากข้อพิพาทเรื่องปราสาทโบราณที่ยืดเยื้อมานาน แต่บทวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญหลายสำนักชี้ให้เห็นถึงรากของปัญหาที่ซับซ้อน และทันสมัยกว่านั้น โดยเชื่อมโยงความขัดแย้งที่เดือดพล่านจนกลายเป็นการสู้รบครั้งนี้ เข้ากับปัญหา “ค่ายทาสแก๊งคอลเซ็นเตอร์” ที่หยั่งรากลึกในกัมพูชา

จากข้อพิพาทเก่า สู่การขู่ตัดเน็ต-ไฟฟ้า

ความตึงเครียดบริเวณชายแดนใกล้ปราสาทพระวิหารนั้นคุกรุ่นอยู่ก่อนแล้ว โดยเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กองกำลังของทั้งสองฝ่ายได้ยิงปะทะกันจนมีทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ได้บานปลายขึ้นเมื่อฝ่ายไทยได้ขู่ที่จะตัดกระแสไฟฟ้าและบริการอินเทอร์เน็ตที่ส่งไปยังฝั่งกัมพูชา โดยให้เหตุผลว่าเพื่อเป็นการกดดัน และทำให้การดำเนินงานของ “ค่ายทาสไซเบอร์” หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดนเป็นไปด้วยความยากลำบาก ซึ่งการกระทำดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายของไทยที่พยายามปราบปรามขบวนการเหล่านี้มาโดยตลอด

ค่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปัญหาระดับชาติที่โลกรับรู้

การที่กัมพูชาเป็นที่ตั้งของค่ายทาสแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้นไม่ใช่เรื่องที่เกินจริง องค์การตำรวจสากล (Interpol) ได้บันทึกข้อมูลว่าเครือข่ายอาชญากรรมเหล่านี้มักจะโฆษณาหลอกลวงผู้คนในเอเชียด้วยข้อเสนองานที่ให้ผลตอบแทนสูง ก่อนจะลักพาตัวไปเป็นทาสและบังคับให้ทำงานหลอกลวงผู้อื่นผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งในรูปแบบของ romance scam และการหลอกให้ลงทุน

องค์การสหประชาชาติ (UN) ประเมินว่าอาจมีผู้คนกว่า 100,000 คนที่ถูกบังคับใช้แรงงานในลักษณะนี้ ขณะที่องค์การแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล บรรยายสภาพของค่ายเหล่านี้ว่าเป็นแหล่งซ่องสุมนักต้มตุ๋นที่โหดร้ายราวกับนรก ซึ่งดำเนินงาน โดยได้รับการยินยอมอย่างเห็นได้ชัดจากรัฐบาลกัมพูชา สหรัฐอเมริกาเองก็ได้ทำการคว่ำบาตรวุฒิสมาชิกชาวกัมพูชาคนหนึ่งจากบทบาทของเขาในการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ค่ายต้มตุ๋นเหล่านี้

ภาพจาก: Wikipedia

นักวิเคราะห์ชี้ปมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ต้นตอความไม่ไว้วางใจ

แม้การขู่ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตของไทยจะมีเหตุผลเพื่อปราบปรามอาชญากรรม แต่ในมุมมองของนักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงมองว่า การกระทำดังกล่าวได้กลายเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง แองเจลา สุริยเสนีย์ นักวิจัยจากสถาบันคลังสมอง Australian Strategic Policy Institute (ASPI) ให้ทรรศนะว่า “แม้จะไม่ใช่ตัวกระตุ้นโดยตรง แต่ความพยายามของไทยในการต่อต้านกิจกรรมต้มตุ๋นทางไซเบอร์ อาจมีส่วนทำให้เกิดสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ที่กว้างขึ้นซึ่งความขัดแย้งนี้ได้บานปลาย และอาจมีส่วนทำให้เกิดบรรยากาศของความไม่ไว้วางใจและแรงเสียดทานที่กว้างขึ้นระหว่างรัฐบาลทั้งสอง”

อดัม รูสเซลล์ นักวิเคราะห์จาก Between the Lines Research มีความเห็นในทิศทางเดียวกัน โดยระบุว่า “ตามแนวชายแดนส่วนนี้ ศูนย์ต้มตุ๋นที่ดำเนินการโดยชาวจีน และเงินทุนผิดกฎหมายที่พวกเขาสร้างขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของฉากหลังของความขัดแย้ง และแม้จะเร็วเกินไปที่จะเรียกมันว่าเป็นแรงขับเคลื่อน แต่น้ำหนักของมันก็สำคัญเกินกว่าที่จะเพิกเฉยได้”

กัมพูชา สแกมเมอร์
ภาพจาก: CamboJA News

ข้อกล่าวหาผลประโยชน์ทับซ้อนและเศรษฐกิจสีเทา

สม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านของกัมพูชาที่ลี้ภัยในต่างแดน ได้ออกมากล่าวหาอย่างตรงไปตรงมาว่า สมเด็จฯ ฮุน เซน ผู้นำกัมพูชา ได้รับผลประโยชน์จากค่ายทาสเหล่านี้ และยกให้ประเด็นนี้เป็นอุปสรรคอันดับหนึ่งในการยุติข้อพิพาทกับไทย “ฮุน เซน โกรธเพราะอาชญากรเหล่านั้นคือผู้ที่คอยเลี้ยงดูเขาและระบอบของเขา” เขาเขียนในโพสต์บนเฟซบุ๊ก

แองเจลา สุริยเสนีย์ จาก ASPI เสริมว่า “มีความกังวลอย่างแท้จริงว่าองค์ประกอบภายในกลุ่มผู้มีอำนาจของกัมพูชาอาจยอมทนหรือได้รับประโยชน์ทางอ้อมจากกิจกรรมบางอย่าง ทำให้เครือข่ายเหล่านี้ยังคงดำรงอยู่โดยไม่ถูกตรวจสอบ” เธอยังได้ให้ข้อมูลที่น่าตกใจว่า อุตสาหกรรมศูนย์ต้มตุ๋นในกัมพูชามีการประเมินว่าสร้างรายได้มหาศาลกว่า 12.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือคิดเป็นประมาณ “ครึ่งหนึ่งของ GDP ของประเทศ” เลยทีเดียว

บทสรุปของเรื่องนี้คือ แม้ไทยและกัมพูชาจะบรรลุข้อตกลงหยุดยิงได้ในที่สุด แต่ก็เกิดขึ้นหลังจากที่มีผู้คนต้องสังเวยชีวิตไปแล้วกว่า 30 คน หากปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีส่วนในความขัดแย้งนี้จริง ก็เท่ากับว่าอาชญากรรมไซเบอร์ได้ลุกลามจนเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตและความทุกข์ทรมานของผู้คนในโลกแห่งความเป็นจริง นอกเหนือไปจากการหลอกลวงที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์ทุกวัน และปฏิเสธไม่ได้ว่าแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือของขบวนการเหล่านี้ ก็ได้มีมือที่เปื้อนเลือดจากความขัดแย้งด้วยอาวุธระหว่างชาติในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน

ที่มา: The Register

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

0 0 โหวต
Article Rating
สมัครรับข้อมูล
แจ้งเตือนเกี่ยวกับ
0 Comments
เก่าแก่ที่สุด
ใหม่ล่าสุด ถูกโหวตมากที่สุด
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

Suriyen J.

นักเขียนบทความข่าว จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สาขาปรัชญาและศาสนา มีประสบการณ์กับสำนักข่าวระดับประเทศ ชื่นชอบด้านสังคม การเมือง ต่างประเทศ ทำให้สามารถสร้างคุณค่าผ่านงานเขียน เพื่อให้ผู้อ่านได้ประโยชน์ครบทุกมิติ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button
0
เราอยากทราบความคิดเห็นของคุณ โปรดแสดงความคิดเห็นx