ความจริงสุดช็อก! เขมรยึด ‘ปราสาทตาควาย’ ได้ ทหารไทยพลีชีพหลายนาย-บาดเจ็บอื้อ

สมรภูมิเดือด “ตาควาย-ตาเมือน” ทหารไทยเสียสละ ปกป้องแผ่นดิน ยุทธการ “ยุทธบดิน” เขมรยึด “ปราสาทตาควาย” สำเร็จ ก่อนหยุดยิง
วาสนา นาน่วม นักข่าวสายทหาร ได้โพสต์คลิปเล่าอัปเดต สถานการณ์การปะทะบริเวณ ปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือน จังหวัดสุรินทร์ ระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ซึ่งปะทุขึ้นตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม ก่อนหยุดยิงในเช้าตรู่ของวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้ทิ้งบาดแผลและคำถามมากมายถึงอนาคตความสัมพันธ์ของสองประเทศ แม้ทหารไทยจะแสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ แต่การยึดคืนปราสาทตาควายยังคงเป็นภารกิจที่ยังไม่สำเร็จ ท่ามกลางการสูญเสียครั้งใหญ่ของทั้งสองฝ่าย
เปิดฉากความตึงเครียด จุดเริ่มต้นการปะทะ
ณ ปราสาทตาควาย มีการนำบังเกอร์มาวางไว้เพื่อเป็นที่กำบังในการสู้รบ
ความตึงเครียดปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ภายหลังจากที่แม่ทัพภาคที่ 2 สั่งปิดด่านและพื้นที่เยี่ยมชมปราสาทตาเมือนและตาควายทั้งหมด การปะทะจุดแรกเกิดขึ้นที่ปราสาทตาเมือนธม ก่อนจะลุกลามตลอดแนวชายแดน รวมถึงปราสาทตาควายด้วย
ในการสู้รบ 2 วันแรกที่ปราสาทตาควาย ทหารไทยเสียเปรียบอย่างมากเนื่องจากภูมิประเทศที่ต่ำกว่า ในขณะที่ทหารกัมพูชาอยู่บนพื้นที่สูงกว่า ใช้ตัวปราสาทเป็นเกราะกำบังหรือบังเกอร์ได้อย่างดี กองกำลังเสริมของไทยต้องเดินเท้าเข้าป่าขึ้นเขามาเล็กน้อย ทำให้ตกเป็นเป้าได้ง่ายเมื่อทหารเขมรยิงใส่จากในปราสาท
นอกจากนี้ ทหารกัมพูชายังได้มีการวางทุ่นระเบิดเพิ่มเติมในบริเวณที่คาดว่าทหารไทยจะบุกเข้ามา ทำให้ทหารไทยต้องสูญเสียจากการเหยียบทุ่นระเบิดหลายราย
ในสมรภูมิปราสาทตาควาย กองทัพไทยต้องเผชิญกับความสูญเสียอย่างหนัก วันแรกเสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดขาขาด 3 นาย. วันต่อมา จ่าสิบเอกเสียชีวิตอีก 3 นาย และบาดเจ็บอีกหลายนาย.
ปกติแล้วไทยยึดครองปราสาทตาควาย หลังจากปี 2554 มีข้อตกลงให้ทหารไทยและกัมพูชาอยู่ร่วมกันบนปราสาทในฐานะชุดประสานงาน แต่ทางกัมพูชามีการเข้ามาแสดงความเป็นเจ้าของ จนนำมาซึ่งปัญหาการปะทะในที่สุด
ยุทธการ “ยุทธบดิน” ใช้ F-16
กองทัพไทยได้ดำเนินยุทธการ “ยุทธบดิน” ภายใต้แผน “จักรพงษ์ภูวนาถ” เพื่อกำหนดหน่วยและรูปแบบการใช้กำลังเข้าโจมตี กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31) ซึ่งเป็นหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว (RDF) ถูกส่งเข้าร่วมภารกิจที่ปราสาทตาควาย
ตลอด 5 วันของการสู้รบ เครื่องบิน F-16 และ Gripen ของกองทัพอากาศ ได้บินทิ้งระเบิดทุกวัน วันละ 2 เที่ยว
ในวันสุดท้าย ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหยุดยิง เครื่องบิน F-16 ต้องขึ้นบินทิ้งระเบิดขนาด 2,000 ปอนด์ถึง 2 ลูก ซึ่งถือว่ามีขนาดใหญ่มาก จากปกติที่ใช้เพียง 500 ปอนด์จำนวน 6 ลูก การใช้ระเบิดขนาดใหญ่ขึ้นนี้เป็นผลมาจากการที่กัมพูชามีการเสริมกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมาก รวมถึงรถถัง และหน่วย BHQ (Bodyguard Headquarters) 4 กองร้อยของสมเด็จฮุน เซน 4 กองร้อย
แม้ภาพความเสียหายและศพทหารเขมรจะเกลื่อนกลาด แต่ทหารกัมพูชาก็สามารถเสริมกำลังพลเข้ามาทดแทนได้อย่างรวดเร็ว
กลยุทธ์ของกัมพูชา ไทยยึดคืนปราสาทตาควายไม่สำเร็จ
ทหารกัมพูชามีความชำนาญในพื้นที่และใช้ปราสาทตาควาย รวมถึงซอกหลืบต่างๆ ในตัวปราสาท เป็นที่หลบ F-16 ได้อย่างดี เนื่องจากกองทัพอากาศไทยไม่มีแผนที่จะถล่มตัวปราสาทโดยตรง ส่งผลให้การที่ทหารไทยจะบุกยึดปราสาทเป็นไปอย่างยากลำบาก ต้องแลกมาด้วยการปะทะอย่างดุเดือด
แม้ทหารไทยจะสามารถยึดปราสาทตาเมือนธมกลับคืนมาได้ (หลังจากการถอนกำลังชั่วคราวเพื่อให้ F-16 ทิ้งระเบิดหลังแนวทหารเขมร) แต่ก็ยังไม่สามารถยึดคืนได้ 100% เนื่องจากทหารกัมพูชายังวางกำลังโดยรอบพร้อมโจมตีได้ตลอดเวลา
ที่ปราสาทตาควาย ทหารไทยยังไม่สามารถตีคืนปราสาทได้ ณ เวลาที่มีการหยุดยิง โดยเฉพาะในช่วง 1-2 ชั่วโมงสุดท้ายก่อนเส้นตายเที่ยงคืน ทหารทั้งสองฝ่ายระดมกำลังเข้าห้ำหั่นกันอย่างเต็มที่ ด้วยธรรมเนียมทางทหารที่ว่า “ใครยึดได้ตรงไหน ก็เป็นเจ้าของตรงนั้น” ก่อนการหยุดยิง
ภายหลังการหยุดยิง มีการสรุปสถานการณ์พื้นที่ที่ไทยสามารถควบคุมได้รวม 11 พื้นที่ ได้แก่ ภูมะเขือ, ช่องอานม้า, ปราสาทตาเมือนธม, แนวเขตแดนช่องบก, โดนตรวน, สัตโสม, ช่องจอม, ช่องสายตระกู, บ้านกรวด, พระวิหาร และพรานยาว. อย่างไรก็ตาม ในส่วนของปราสาทตาควาย ข้อมูลมีการระบุขัดแย้งกันว่า กัมพูชายึดครองปราสาทตาควายได้จริง ณ วันที่หยุดยิง แต่ในสรุปพื้นที่ที่ไทยควบคุมได้ ณ เวลา 24:00 น. กลับมีชื่อปราสาทตาควายรวมอยู่ด้วย
ด้านการทูตและระดับนานาชาติ ความขัดแย้งครั้งนี้ถูกยกระดับขึ้นสู่ระดับโลกและภูมิภาคอาเซียน โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ต้องเข้ามาไกล่เกลี่ยด้วยตนเอง และนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ก็ต้องเข้ามาเป็นคนกลางในการเจรจา ขณะที่จีนส่งผู้สังเกตการณ์เข้ามา คณะผู้ช่วยทูตทหารจะเข้ามาเป็นผู้สังเกตการณ์การหยุดยิงในพื้นที่ด้วย
ฝ่ายกัมพูชา โดยเฉพาะฮุน เซน และฮุน มาเนต ดูมีความยินดีเป็นพิเศษ เนื่องจากสามารถยึดปราสาทตาควายได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามปราสาทที่กัมพูชาอ้างกรรมสิทธิ์ และยังสามารถยกระดับความขัดแย้งให้มีการแทรกแซงจากประเทศที่สามได้สำเร็จ
ข้อเรียกร้องและบทเรียนจากความเสียสละ
จากเหตุการณ์ความสูญเสียที่เกิดขึ้น วาสนา ได้เสนอเรียกร้องถึงผู้มีอำนาจในการเจรจา ทั้งรัฐบาลและกระทรวงกลาโหม ว่าไม่ควรยอมให้กัมพูชาเข้ามาอยู่ร่วมในพื้นที่ใดๆ ที่ไทยยึดคืนได้เหมือนเมื่อปี 2554 ชีวิตของทหารไทยที่ต้องสละชีพไปที่ตาควายและตาเมือนจะไม่สูญเปล่า หากไม่กลับไปสู่สภาพเดิม. ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาอาจไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ตราบใดที่กัมพูชายังคงอ้างสิทธิ์ใน 3 ปราสาทและ 1 พื้นที่
อนาคต กัมพูชามีแนวโน้มที่จะแข็งแกร่งขึ้นทางการทหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายพลฮุน มาเนต ที่สำเร็จการศึกษาจาก West Point สหรัฐอเมริกา และทั้งจีนและสหรัฐฯ ต่างก็สนใจกัมพูชา. ท้ายที่สุด ไทยจึงจำเป็นต้องพึ่งพาตนเอง และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ในอนาคต
อัปเดต : ด่วน! กองทัพบกแถลงแล้ว ตอบให้หายสงสัย ใครยึดปราสาทตาควายได้ | Thaiger ข่าวไทย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ไม่รู้ชะตากรรม BHQ “4 กองร้อยของเขมร” F-16 ไทยปูพรมถล่ม บางรายไม่มีร่างให้เก็บ
- ลือสะพัด หน่วย BHQ แค้น ฮุนเซน ส่งไปตาย จ่อโค่นอำนาจ ฮุนมาเนต
- สดุดีวีรชน! ทหารไทยสละชีพอีก 2 นาย ก่อนนาทีหยุดยิง สมรภูมิปราสาทตาควาย
ติดตาม The Thaiger บน Google News: