“เฮง สัวร์” รมว.แรงงานกัมพูชา ร้องทั่วโลก แบนสินค้า-บริการไทย อ้าง แรงงานเขมรถูกข่มขู่-คุกคาม เตรียมตแหน่งงานรองรับคนกัมพูชากลับบ้าน 2.8 แสนคน
ความคืบหน้าเรื่องของความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างไทย-กัมพูชา ล่าสุด 29 ก.ค. 68 กระทรวงแรงงานและการฝึกอาชีพของกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องไปยังบริษัทข้ามชาติและผู้บริโภคสินค้าไทยทั่วโลก ให้แบนสินค้าและบริการของไทย โดยกล่าวอ้างว่า แรงงานกัมพูชาที่ข้ามมาทำงานที่ฝั่งไทยถูกข่มขู่คุกคาม ทำให้ไม่มีควาปลอดภัย
รวมถึงเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา มีแรงงานเขมรอพยพกลับบ้านเกิดกว่า 2.8 แสนคน ซึ่งหลังจากนี้ทางกระทรวงแรงงานกัมพูชา จะเร่งจัดเตรียมตำแหน่งงานให้เพียงพอต่อการโยกย้ายถิ่นฐายกลับประเทศบ้านเกิด
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากเกิดเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และเริ่มมีคลิปวิดีโอการทำร้ายร่างกายแรงงานชาวกัมพูชาในไทยเผยแพร่บนโลกออนไลน์ ซึ่งรัฐบาลกัมพูชาระบุว่าเป็นการกระทำของ “กลุ่มคนไทยหัวรุนแรง” ที่มีแรงจูงใจจากความเกลียดชังทางเชื้อชาติ
เนื้อหาในแถลงการณ์ระบุอย่างชัดเจนว่า “เราขอเรียกร้องให้แบรนด์และผู้ซื้อทุกรายที่ทำธุรกิจกับไทย เข้าไปมีส่วนร่วมอย่างจริงจังกับคู่ค้าของท่าน เพื่อให้แน่ใจว่าหลักการทำงานที่มีคุณค่าและการไม่เลือกปฏิบัติจะได้รับการเคารพตลอดห่วงโซ่อุปทาน”
นอกจากนี้ ยังมีการทวงถามถึงพันธกรณีของประเทศไทยในฐานะสมาชิกองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) และองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) ที่จะต้องรับประกันความปลอดภัยและศักดิ์ศรีของแรงงานข้ามชาติทุกคน
ทั้งนี้ แถลงการณ์ยังได้เปิดเผยตัวเลขที่น่าตกใจว่า ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ที่กัมพูชาเรียกว่า “การรุกรานของไทย” เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมเป็นต้นมา มีแรงงานชาวกัมพูชาเดินทางอพยพกลับประเทศแล้วมากกว่า 280,000 คน ซึ่งสะท้อนถึงความหวาดกลัวและความไม่ปลอดภัยที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง
ขณะเดียวกัน รัฐบาลกัมพูชาได้ออกประกาศเรียกร้องให้พลเมืองของตนทุกคนที่พำนักและทำงานในไทยเดินทางกลับมาตุภูมิโดยเร็วที่สุด โดยอ้างถึงภัยคุกคามและการเลือกปฏิบัติที่ทวีความรุนแรงขึ้น
ล่าสุด นายเฮง สัวร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานฯ ของกัมพูชา ได้ลงพื้นที่ชายแดนจังหวัดพระตะบองเพื่อต้อนรับแรงงานที่เดินทางกลับด้วยตนเอง พร้อมให้คำมั่นว่ารัฐบาลได้เตรียมตำแหน่งงานว่างและโครงการฝึกอาชีพไว้รองรับ เพื่อให้ทุกคนสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ในบ้านเกิดได้ทันที การเคลื่อนไหวครั้งนี้จึงถือเป็นการเปิดแนวรบใหม่ที่ใช้แรงกดดันทางเศรษฐกิจและสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศมาเป็นเครื่องมือสำคัญ ซึ่งทั่วโลกกำลังจับตามองว่ารัฐบาลไทยจะรับมือกับสถานการณ์ที่บานปลายนี้อย่างไรต่อไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ชาวเขมรโอด “นมสด” ขาดตลาดหนักใน กัมพูชา หลังปิดด่าน แบนสินค้าไทย
- ฮุนเซน ลั่นวาจา หากไทยไม่เปิดด่านวันนี้ กัมพูชาจะปิดชายแดน-แบนสินค้าไทย
อ้างอิงจาก : ch3plus
ติดตาม The Thaiger บน Google News:
ข่าวล่าสุด
