รู้แล้ว เบื้องหลังขัดแย้งกัมพูชา อิ๊งค์ยันไม่ใช่เรื่อง 2 ตระกูล อาจเพราะปราบแก๊งคอลฯ

‘แพทองธาร’ เผยปมขัดแย้งชายแดนกัมพูชา ปมไตรภาคีปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ย้ำไทยไม่เริ่มก่อน ตั้งข้อสังเกตอาจไปแตะผลประโยชน์เขมรโดยไม่รู้ตัว ยันไม่ใช่เรื่อง 2 ตระกูล พร้อมปกป้องอธิปไตยเต็มที่
หลังจากเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ล่าสุด เพจ พรรคเพื่อไทย ออกมาแถลงการณ์ของ แพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ถึงต้นเหตุของความขัดแย้งในครั้งนี้ พร้อมยืนยันคำแถลงของ ภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้การกระทำของกัมพูชาเป็น อาชญากรรมขั้นรุนแรงขัดหลักมนุษยธรรม เป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยไม่ต้องการให้เกิดขึ้น
นางสาวแพทองธาร ระบุว่า ตอนนี้ตนไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยตรง แต่ยังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด อัปเดตข้อมูลร่วมกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันว่าไม่ต้องกังวลเรื่องยุทโธปกรณ์ ไทยมีความพร้อมและการใช้เครื่องบิน F-16 เป็นไปตามความจำเป็น หลังฝ่ายกัมพูชายิงถล่มมาถึงแหล่งชุมชน กระทบต่อชีวิตประชาชน
“รัฐบาลและกองทัพยังคงประสานงานกันอย่างใกล้ชิด หากถามว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป คงต้องให้ดูกันที่ภาคสนาม แต่รัฐบาลทำเต็มที่ในทุกขั้นตอนเพื่อปกป้องอธิปไตย เราไม่ใช่ฝ่ายเริ่มก่อน และไม่ต้องการใช้ความรุนแรง แต่หากความรุนแรงมาถึงเรา ก็จะสู้ไม่ถอยเช่นกัน”

ฝั่งกระทรวงการต่างประเทศ เปิดหลักฐานต่อประชาคมโลก เผยว่า การกระทำของกัมพูชาขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศและหลักสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะการวางทุ่นระเบิดชนิดใหม่ที่ตรวจพบในพื้นที่ลาดตระเวนที่เคยร่วมกันตรวจการณ์ แต่หยุดไปก่อนหน้านี้จนทหารไทยได้รับบาดเจ็บรุนแรงถึงขั้นข้อเท้าขาด รัฐบาลยืนยันว่ามีหลักฐานครบถ้วนและเผยแพร่ต่อประชาคมระหว่างประเทศเพื่อให้รับทราบความไม่ชอบธรรมที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม แพทองธารตอบข้อสงสัยจากสื่อมวลชนต่างประเทศที่ว่า “ใครเริ่มก่อน” ซึ่งไทยมีหลักฐานเชิงดิจิทัลเพียงพอ พร้อมตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมว่าในวันที่เกิดเหตุความรุนแรง โรงเรียนฝั่งไทยยังเปิดเรียนตามปกติ แต่ฝั่งกัมพูชากลับให้หยุดเรียน เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายอาจรับรู้ล่วงหน้าถึงการปะทะ
ส่วนในประเด็นที่มีข้อครหาทางการเมืองว่าเป็นการทะเลาะกันระหว่างสองตระกูล เธอตอบแล้วว่าไม่เป็นความจริง พร้อมเล่าย้อนถึงนโยบายการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในช่วงก่อนเกิดเหตุการณ์ รัฐบาลไทยดำเนินการอย่างจริงจังจนสามารถลดความเสียหายได้อย่างชัดเจน ในแง่จำนวนเหยื่อและมูลค่าความเสียหายที่ประชาชนถูกหลอก
“เราเริ่มจากการตัดน้ำตัดไฟในฝั่งเมียนมาและลาว แล้วตั้งกลไกไตรภาคีร่วมมือกันปราบคอลเซ็นเตอร์ไทย-พม่า-ลาว โดยไม่ได้ปรึกษากัมพูชาล่วงหน้า จึงมีเสียงไม่พอใจเกิดขึ้น มีคนบอกว่าโกรธ ว่าทำไมไม่แจ้งก่อน ซึ่งจริง ๆ เราก็โทรไปคุยส่วนตัวแล้ว และไม่ได้อัดคลิปการสนทนาไว้”
หลังจากฝ่ายไทยจะเชิญกัมพูชาเข้าร่วมด้วย ฝ่ายกัมพูชากลับเสนอว่าควรทำแค่ไทย-กัมพูชาแบบทวิภาคี ไม่ต้องร่วมกับเมียนมาและลาว หากย้อนกลับไปดูอาจเป็นจุดเริ่มต้นของความไม่พอใจ จึงตั้งข้อสังเกตว่า หรือว่าเราไปแตะผลประโยชน์บางอย่างของเขาโดยไม่รู้ตัว
ทั้งนี้ เธอยืนยันว่า รัฐบาลไม่ว่าภายใต้สกุลชินวัตรหรือไม่ จำเป็นต้องดำเนินนโยบายเหล่านี้ ทั้งเรื่องคอลเซ็นเตอร์และยาเสพติด เพราะเป็นภัยที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อคนไทย และรัฐบาลมีหน้าที่ต้องจัดการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- นายกอิ๊งค์ โพสต์ IG รัวๆ หลังกองทัพไทยปะทะทหารกัมพูชา
- ศาล รธน. นัดประชุมคดี “อุ๊งอิ๊งค์” 17 ก.ค. รอลุ้นจะขอเลื่อนชี้แจงหรือไม่?
- แพทองธาร ประณามกัมพูชายิงก่อน ทำผู้บริสุทธิ์ดับ หนุนกองทัพตอบโต้เต็มที่
ติดตาม The Thaiger บน Google News: