
วิธีย้ายสิทธิประกันสังคมเป็นบัตรทอง 2568 ผ่านช่องทางออนไลน์-ติดต่อด้วยตนเอง ตามขั้นตอนนี้ เปิดสิทธิประโยชน์ครอบคลุม รักษาฟรีตั้งแต่โรคทั่วไปถึงโรคร้ายแรง
อีกหนึ่งข้อกังวลใจสำหรับผู้ที่ลาออกหรือว่างงาน คือสิทธิการรักษาพยาบาลจะหายไปหรือไม่? สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ยืนยันว่าหลังพ้นระยะคุ้มครองจากประกันสังคมแล้ว สิทธิการรักษาพยาบาลจะถูกโอนย้ายมาอยู่ภายใต้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ ‘สิทธิบัตรทอง’ โดยอัตโนมัติ พร้อมเปิดทุกขั้นตอนการลงทะเบียนและเปลี่ยนโรงพยาบาลด้วยตนเอง
สำหรับผู้ประกันตนที่สิ้นสุดสถานะการเป็นผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม เช่น ลาออกจากงาน, ว่างงาน หรือ ไม่ได้ส่งเงินสมทบต่อตามมาตรา 39 อาจยังไม่ทราบว่าสิทธิการรักษาพยาบาลของท่านยังคงได้รับการคุ้มครองอย่างต่อเนื่อง หลังจากวันที่ลาออกจะยังคงได้รับความคุ้มครองภายใต้สิทธิประกันสังคมต่อไปอีก 6 เดือน เมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้ว สิทธิของท่านจะถูกโอนย้ายมาอยู่กับระบบบัตรทองโดยอัตโนมัติ เพื่อให้คนไทยทุกคนมีหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
วิธีลงทะเบียนด้วยตนเอง ผ่านระบบออนไลน์
แม้ว่าระบบจะโอนย้ายสิทธิให้โดยอัตโนมัติ แต่ท่านสามารถลงทะเบียนเพื่อเลือกหรือเปลี่ยนหน่วยบริการประจำ หรือสถานพยาบาล ที่ท่านสะดวกเข้ารับบริการได้ด้วยตนเอง สามารถทำได้ปีละไม่เกิน 4 ครั้ง ผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้
1. แอปพลิเคชัน สปสช. โดยการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันลงบนสมาร์ทโฟนได้ทั้งระบบ Android และ iOS จากนั้นเลือกเมนู ‘เปลี่ยนหน่วยบริการด้วยตนเอง’
2. LINE Official Account สปสช. เพิ่มเพื่อนใน LINE โดยพิมพ์ค้นหาไอดี @nhso จากนั้นเลือกเมนู ‘เปลี่ยนหน่วยบริการด้วยตนเอง’
นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อด้วยตนเองได้ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ตามพื้นที่นี้
- กรุงเทพมหานคร ติดต่อได้ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ชั้น 2 อาคารบี ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ หรือโทรสายด่วน สปสช. 1330 (เฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานคร)
- ต่างจังหวัด ติดต่อได้ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) หรือ โรงพยาบาลของรัฐที่อยู่ใกล้บ้าน ในวันและเวลาราชการ
ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบรายชื่อหน่วยบริการประจำ ได้ที่ http://mscup.nhso.go.th/mastercup เลือกพื้นที่กรุงเทพมหานคร หรือพื้นที่ต่างจังหวัด โดยระบุเลือกตามพื้นที่พักอาศัยจริง
การใช้สิทธิบัตรทอง ต้องทำอย่างไร?
สำหรับท่านที่ถือสิทธิบัตรทองอาจสงสัยว่าต้องทำอย่างไรและต้องใช้หลักฐานใดบ้าง สามารถทำตามขั้นตอนนี้ได้เลย
1. ติดต่อที่หน่วยบริการปฐมภูมิ, หน่วยบริการประจำหรือโรงพยาบาลประจำที่ท่านได้ลงทะเบียนสิทธิไว้ หากเกินศักยภาพจะส่งตัวไปหน่วยบริการที่รับส่งต่อ
2. แจ้งความจำนงขอใช้สิทธิบัตรทองกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
3. แสดงบัตรประจำตัวประชาชนเพียงใบเดียว
หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิบัตรทองเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้หลากหลายช่องทาง ได้แก่ โทรสายด่วน สปสช. 1330: ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง (โทรฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย), LINE สปสช. ไอดี @nhso, เพจเฟซบุ๊ก สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และ LINE (Traffy Fondue) ไอดี @traffyfondue

สิทธิบัตรทอง 2568 ได้อะไรบ้าง? ครอบคลุมโรคทั่วไปถึงโรคร้ายแรง
สำหรับสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘สิทธิบัตรทอง’ เป็นสวัสดิการด้านสุขภาพขั้นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับคนไทยทุกคน แต่หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าสิทธิดังกล่าวครอบคลุมการรักษาพยาบาลและบริการด้านสุขภาพอะไรบ้าง วันนี้เราจะมาเปิดคู่มือสิทธิประโยชน์ทั้งหมด เพื่อให้ทุกคนเข้าใจและสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างเต็มที่
โครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ดำเนินการโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มีเป้าหมายเพื่อให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่จำเป็นได้อย่างทั่วถึง ผู้มีสิทธิ์ในโครงการนี้คือ บุคคลผู้มีสัญชาติไทยและมีเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ที่ไม่มีสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาลอื่นใดที่รัฐจัดให้ เช่น สิทธิประกันสังคม หรือสวัสดิการข้าราชการ
เปิดสิทธิประโยชน์บัตรทอง ครอบคลุมอะไรบ้าง?
สิทธิบัตรทองให้ความคุ้มครองด้านสุขภาพที่ครอบคลุมและหลากหลาย ตั้งแต่การส่งเสริมสุขภาพไปจนถึงการรักษาโรคร้ายแรง โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ยกเว้นกรณีที่อยู่นอกเหนือสิทธิประโยชน์
- รักษาโรคทั่วไป การเจ็บป่วยต่าง ๆ
- รักษาโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน, ความดันโลหิตสูง พร้อมรับยาต่อเนื่อง
- รักษาโรคร้ายแรง เช่น โรคมะเร็ง, โรคไต รวมถึงบริการฟอกไต
- บริการผ่าตัด และการรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินตามสิทธิ์
- การฉีดวัคซีนและตรวจสุขภาพตามช่วงวัย
- การตรวจคัดกรองโรคต่าง ๆ
- บริการกายภาพบำบัด
- บริการฝากครรภ์, คลอดบุตร, และการดูแลหลังคลอด
- ขูดหินปูน, ถอนฟัน, อุดฟัน
ทั้งนี้ ผู้ใช้สิทธิบัตรทองจะต้องเข้ารับการรักษา ณ สถานพยาบาลประจำตามที่ได้ลงทะเบียนไว้ ก่อนเป็นอันดับแรก หากเกินศักยภาพของสถานพยาบาลนั้น ๆ ก็จะมีการส่งตัวไปยังโรงพยาบาลที่รับส่งต่อตามขั้นตอนต่อไป อย่างไรก็ตาม ในกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน ท่านสามารถเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลของรัฐที่อยู่ใกล้ที่สุดได้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ประกันสังคม แยกสิทธิ์ ผ่าฟันคุด ออกจาก 900 บาท จ่ายเพิ่มสูงสุด 2,500 บาท
- ข่าวดี ว่างงาน ประกันสังคม ได้เงินชดเชยเพิ่ม 9,000 บาท/เดือน ลูกจ้าง ม.33
- เจาะลึก พ.ร.บ.รถยนต์ คืออะไร? ต่างยังไงกับประกันภาคสมัครใจ
ติดตาม The Thaiger บน Google News: