ด.ช. 8 ขวบ ชนโต๊ะไม่บอกครู เหตุเป็นต่างด้าว-ไม่เงินค่ารักษา ทนเจ็บจนซี่โครงบวมเป่ง

วอนช่วยเหลือ! เจ้าหน้าที่รพ. โพสต์รับบริจาค ด.ช. 8 ขวบ เดินชนโต๊ะไม่กล้าบอกครู เหตุไม่มีบัตรประชาชน-เงินค่ารักษา ทนเจ็บปล่อยจนซี่โครงบวมเป่ง
กลายเป็นเรื่องที่ชาวเน็ตกำลังให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊ก Pornthip Sangmon ออกมาโพสต์ขอความช่วยเหลือจากทุกคน ๆ บนโลกออนไลน์ หลังเจอเคสคุณครูประจำชั้น นำตัวด.ช.วัย 8 ขวบมารับการรักษาที่โรงพยาบาล พร้อมลงรูปอาการบาดเจ็บของน้องเอาไว้ เผยให้เห็นช่วงซี่โครงซ้ายบวมเป่งออกมา ขนาดเท่า ๆ ไข่นกกระจอกเทศ โดยอธิบายเรื่องราวเพิ่มเติมว่า น้องเดินชนโต๊ะ แต่ทนเจ็บไม่กล้าบอกครูประจำชั้น และปล่อยเอาไว้จนบวมขึ้นเรื่อย ๆ ตามภาพที่โพสต์ประกอบ เพราะกลัวจะถูกพามาโรงพยาบาล ไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาเพราะครอบครัวไม่มีทุนทรัพย์ และตัวของน้องไม่มีบัตรประชาชน ไม่มีสิทธิ์บัตรทอง
“ขอความช่วยเหลือช่วยแชร์ต่อเพื่อช่วยเหลือน้องด้วยค่ะ ขออนุญาติเล่าเรื่องราวของน้องนะคะ
น้องชื่อ เด็กชายคำ ลุงซาน อายุ 8 ปี เรียนอยู่ชั้น ป.2/5 บิดาชื่อ นายต๊ะ มารดาชื่อ นางเข็ม ทั้งสองคนอาชีพรับจ้าง ไม่มีบ้านเป็นของตนเอง อาศัยอยู่บ้านเช่าหมวด 6 บ้านอรุโณทัย
วันนี้ครูพาน้องมาหาหมอที่รพ.สต.บ้านอรุโณทัย เนื่องจากมีเลือดออกที่แผลเพราะน้องชนกับโต๊ะ แต่น้องไม่กล้าบอกครู ครูทราบเรื่องจากเพื่อนของน้องอีกที พอมาถึงเจ้าหน้าที่ทางรพ.สต.ได้สอบถามอาการดูแล้วไม่ใช่เพิ่งเกิดจากการชนโต๊ะในวันนี้เพียงอย่างเดียวแต่เป็นมานานแล้ว ตั้งแต่ก้อนบริเวณข้างซ้ายตรงชายโครงน้องเริ่มก้อนเท่าไข่ไก่ โตขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนนี้ก้อนเท่าไข่นกกระจอกเทศ ถามน้องว่าทำไมถึงไม่กล้าบอกครู น้องบอกว่ากลัวครูพามาหาหมอน้องไม่มีบัตรทอง กลัวเสียเงิน ครอบครัวไม่มีบัตรประชาชน ไม่มีบัตรทอง พ่อแม่หาเช้ากินค่ำ
ทางเราลูกจ้างและเจ้าหน้าที่ รพ.สต.บ้านอรุโณทัยอยากขอความช่วยเหลือจากผู้ที่พอมีกำลังทรัพย์ ไม่ว่าจะเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามจิตศัทธาที่อยากจะช่วยเหลือน้องให้ได้รักษาต่อ โดยการส่งตัวหรือรถรับส่งทางโรงเรียนและรพ.สต.จะหาทางช่วยเหลือแต่น้องยังขาดค่ารักษา ซึ่งไม่รู้ว่าจะต้องเสียเท่าไหร่ ถ้าหากผู้ใดต้องการช่วยเหลือน้องให้ติดต่อผ่านทางครูประจำชั้นของน้องนะคะ ครูประจำชั้น ครูชาลิสา ไชยพรม ชื่อเล่น ครูอ้อ
ขอขอบคุณผู้มีจิตศรัทธาที่ช่วยเหลือน้องไว้ล่วงหน้า ขอให้ท่านและครอบครัวพบแต่ความเจริญรุ่งเรืองนะคะ เรื่องนี้คือเรื่องจริงไม่ใช่มิจฉาชีพ สามารถตรวจสอบได้ทั้งตัวตนและสถานที่ที่ได้กล่าวมานะคะ สามารถช่วยแชร์และช่วยน้องได้นะคะ ติดต่อทางโรงเรียนได้เลยค่ะ”
ต่อมาเจ้าของเฟซบุ๊กคนดังกล่าวก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความอัปเดตอีกครั้ง โดยจะขอปิดรับบริจาคชั่วคราวก่อน เนื่องจากทางโรงเรียนและครูประจำชั้นของ ด.ช. 8 ขวบ กำลังตั้งกรรมการเพื่อจัดตั้งคนดูแลและบัญชีสำหรับโอนเงินเพื่อช่วยเหลือน้องต่างหาก จะได้เพิ่มความสบายใจให้กับทั้งผู้ให้และผู้รับว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่บริจาคมาน้องจะได้รับโดยตรง
“ขอแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับเงินรับบริจาคนะคะ ก่อนอื่นเลยขอบอกก่อนว่าเห็นน้องมาที่ รพ.สต. แล้ว ได้คุยกับน้องก็รู้สึกสงสารน้องมากเลยบอกคุณครูว่าขอโพสต์หน่อยนะคะ เผื่อมีคนช่วยน้องบ้างไม่มากก็น้อย พอโพสต์ไป สรุปว่ามีคนช่วยน้องเข้ามาเยอะมากจนครูตกใจ เลยขอปิดการรับบริจาคผ่านบัญชีครูก่อน ทางโรงเรียนจึงปรึกษากันว่า ต้องตั้งคณะกรรมการดูแลเรื่องเงินของน้องเพื่อให้สบายใจทั้งผู้ให้และผู้รับนะคะ ผู้ให้ก็จะได้สบายใจว่า เงินได้ใช้จ่ายในการรักษาน้องจริง ๆ ไม่ได้มีใครเอาไปใช้เองเป็นการส่วนตัว
เพราะบางคอมเมนต์ก็ไม่ค่อยเข้าใจบริบทของทางชายแดนบ้านเราว่า น้องไม่มีบัตรประชาชน ไม่มีบัตรทอง ไม่มีหัวเลข 0 แล้วก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำบัตรประชาชน ขนาดโค้ชทีมชาติทำประโยชน์เพื่อประเทศยังกว่าจะได้สัญชาติ
แล้วเรื่องการรักษาฟรีมีอนุเคราะห์ก็ยังไม่เคยเห็นเลย ขนาดคนไข้ฉุกเฉินถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลแต่เกิดเสียชีวิตจะเอาร่างกลับมาทำบุญยังมีค่าใช้จ่ายเลยค่ะ ถ้าใครที่คิดว่าสามารถทำได้ให้น้องได้รักษาฟรีก็เข้ามาช่วยเหลือได้นะคะ เรายินดีมาก ๆ ๆ เราจะไม่รับบริจาคใด ๆ เลย
บางคนว่าเราเป็น มิจ เราก็ยินดีให้ตรวจสอบได้นะคะว่าโรงเรียนมีจริงเด็กป่วยจริง ตอนนี้ขออัปเดตอาการน้องว่า น้องได้ถูกส่งตัวไปถึง รพ.นครพิงค์ แล้ว แต่หมอนัดให้ไปอีกทีในวันจันทร์เพื่อตรวจหาสาเหตุของอาการป่วยของน้องว่าเกิดจากสาเหตุอะไร ต้องมีแนวทางรักษายังไงต่อนะคะ
สรุปยอดเงินของน้องในเวลานี้นะคะเงินโอน 44,479.7 เงินสด 3,700 ค่ารักษาที่รพ.เชียงดาว 913 บาท เงินสดให้ผู้ปกครอง 2,787 บาท เงิดสดเหลือ 0 บาท ส่วนเงินโอนจะใช้ในการไปตรวจรักษาที่เชียงใหม่ค่ะ 04/07/68 ขอความเห็นใจหน่อยนะคะถ้าคอมเมนต์ในทางลบ อย่าคอมเมนต์เลยค่ะมันเสียกำลังใจของคนตั้งใจช่วย และขอขอบพระคุณสำหรับผู้ที่ช่วยเหลือมาก่อนหน้านี้ และยังถามช่องทางการช่วยเหลือน้องเข้ามามากมาย ถ้าได้รับการแจ้งจากทางโรงเรียนแล้วจะมาอัปเดตให้ทุกคนทราบอีกทีนะคะ ขอบพระคุณแทนน้องจริง ๆ จากใจค่ะ ฉันคือลูกจ้างของอนามัยตัวเล็ก ๆ ที่สื่อสารกับน้องได้ เลยช่วยโพสต์ค่ะ เพราะสงสารอยากช่วย ดิฉันไม่ใช่ครูค่ะ และมีใบเสร็จค่ารักษาจริงนะคะ ไม่มีสงเคราะห์ฟรีค่ะ”
อ้างอิงจาก : FB เจ๊ม้อย v+, Pornthip Sangmon
ติดตาม The Thaiger บน Google News: