อ.เจษฎา ไขสงสัย “ยาดมสมุนไพร” ก่อ ‘เชื้อราที่ปอด’ ได้จริงหรือ? แนะดมยังไงให้ปลอดภัย

อาจารย์เจษฎา ตอบข้อสงสัย “ยาดมสมุนไพร” ทำเชื้อราขึ้นปอด จริงหรือ? พร้อมแนะวิธีใช้ยาดมให้ถูกต้องและปลอดภัย ทำอย่างไร เช็กได้ที่นี่
ช่วงก่อนหน้านี้โลกโซเชียลได้มีการแชร์ข้อความเตือนภัยส่งต่อกันเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับ “ยาดมสมุนไพร” ในทำนองที่ว่า อาจมีเชื้อราซ่อนอยู่ หากเก็บรักษาไม่ดี นอกจากนี้ก็มีกระทู้ที่อ้างเคสจากหมอว่า เจอผู้ป่วยโรคเชื้อราที่ปอด เพราะดมยาดมสมุนไพรที่ก้นขวดมีเชื้อราขึ้น
ล่าสุด รองศาสตราจารย์ เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือ อาจารย์เจษฎา ก็ได้มีการออกมาโพสต์ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการใช้ยาดมสมุนไพร แล้วทำให้เป็น โรคเชื้อราในปอด ได้จริงหรือไม่? โดยอาจารย์ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านทางหน้าเพจเฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant ระบุว่า
“”ยาดมสมุนไพร” มีความเสี่ยงปนเปื้อนเชื้อรา จริงครับ .. แต่ก็ไม่ง่ายที่จะดมแล้วเป็นโรคติดเชื้อราที่ปอด”
เรื่องนี้เป็นข่าวมาหลายสัปดาห์แล้ว ยังไม่มีโอกาสเขียนซะที แต่มีแฟนเพจเขียนมาถามอยู่เรื่อย ๆ เลยขอรวบรวมข้อมูลมาอธิบายนะครับ
เริ่มจากการที่ บนโลกโซเชียบ มีการแชร์ข้อความเตือนภัยทำนองว่า ยาดมสมุนไพร พวกที่ใส่รากไม้ เปลือกไม้ กิ่งไม้ ลงไปด้วย อาจจะเชื้อราซ่อนอยู่ ต้องคอยระวัง เพราะถ้าเก็บรักษาไม่ดี หรือเปิดใช้งานนานๆ เชื้อราอาจจะตกลงไปปนเปื้อน และเติบโตได้ดีถ้ามีความชื้นสูง
ยิ่งกว่านั้น ยังมีการอ้างว่า มีเคสจากหมอ ไปเจอผู้ป่วยเป็นโรคเชื้อราติดในปอด ตอนแรกก็หาสาเหตุไม่เจอ จนคนไข้ดึงยาดมสมุนไพรออกมาใช้ต่อหน้าหมอ หมอเลยขอตรวจดู ปรากฏว่ามีเชื้อราขึ้นเต็มก้นขวด ส่งตรวจที่ห้องแล็บ ก็พบว่าสปอร์ (spore) ของเชื้อราชัดเจน .. พร้อมแคปชั่นว่า “เปิดขวดยาดมมา เชื้อราขึ้นเต็มก้นขวด เห็นแล้วนึกว่า Cordyceps ใน The Last of Us เดี๋ยวนี้ไม่ต้องโดนกัด แค่ดมก็เสี่ยงแล้ว…”
#การดมยาสมุนไพรทำให้ติดเชื้อราที่ปอดได้จริงหรือ ?
เรื่องนี้ ทางรายการ “รู้ทันกันได้” ของสถานีโทรทัศน์ ThaiPBS ตอน “สูดลมหายใจ หรือ ภัยเงียบ เมื่อ “ยาดม” บ่มเพาะเชื้อรา” ได้นำไปสัมภาษณ์ รศ. นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะเเพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล (ดูคลิป https://www.thaipbs.or.th/…/WanmaiVariety/watch/Hcijn4… ) ว่า การดมยาดม ทำให้ติดเชื้อราที่ปอด นั้นเป็นไปได้หรือไม่ เนื่องจากข้อความดังกล่าว ก็ไม่มีที่มาแน่ชัด
ซึ่งทาง อาจารย์หมอนิธิพัฒน์ ได้ให้ความเห็นไว้ว่า “กลไกป้องกันในปอดดีอยู่แล้ว เชื้อรานิดหน่อยที่เข้าไป ปอดกำจัดได้ แต่กรณีที่เชื้อราเข้าไปเยอะๆ เช่น กรณีที่เคยเกิดขึ้นเช่น คุณบิ๊กดีทูบี สำลักน้ำครำ ทำให้เกิดปอดอักเสบได้ หรือกรณีภูมิต้านทานต่ำมากๆ เช่น ติดเชื้อ เอชไอวีระยะลุกลาม หรือกินยากดภูมิร่างกาย แบบนั้นถึงจะมีโอกาสติดเชื้อราจนปอดอักเสบได้..
.. ซึ่งการติดเชื้อราที่ปอด เป็นกรณีที่เกิดได้ยาก โดยเฉพาะจากการดมยา โอกาสจะเกิดความผิดปกติ จะเกิดที่โพรงจมูกก่อน เป็นส่วนมาก..
..ยาดมเป็นภูมิปัญญาตะวันออก หมอก็ใช้บ้าง แต่การสูดสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกายปริมาณสูง และทำบ่อยๆ หากสิ่งนั้นปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ เชื้อรา ก็อาจปนเปื้อนเข้าไปในร่างกายได้
..จึงขอให้ใช้ในปริมาณที่พอดี และสังเกตสิ่งที่ใช้ ว่ามีสิ่งปนเปื้อนหรือไม่อยู่เสมอ ส่วนหากมีความผิดปกติของร่างกาย หรือติดเชื้อที่ปอด อาการของโรคจะค่อยเป็นค่อยไป อาจมีไข้ต่ำ ๆ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คล้ายอาการวัณโรค และหากไอต่อเนื่อง ก็ควรไปพบแพทย์”
#งานวิจัยพบว่ามีเชื้อราในยาดมสมุนไพรจริง
ส่วนรายการ “ชัวร์ก่อนแชร์” ของสำนักข่าวไทย ได้ทำการตรวจสอบประเด็นที่บอกว่า ในยาดมสมุนไพร บางครั้งมีเชื้อราซ่อนอยู่ ต้องคอยระวัง (ดู https://www.youtube.com/watch?v=qqW8ADKejI4 ) … โดยการไปสัมภาษณ์ ผศ.ดร.พัชรี กัมมารเจษฎากุล อาจารย์ประจำกลุ่มวิชาจุลชีววิทยาคลินิก คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
อาจารย์พัชรีทำเคยทำวิจัยเกี่ยวกับ “การปนเปื้อนของเชื้อราในยาดมสมุนไพร” ซึ่งมีการวิเคราะห์ตรวจหาเชื้อราปนเปื้อน ในยาดมสมุนไพร ตั้งแต่ “ก่อนเปิดขวด ใช้งาน” (ดูบทความละเอียดได้ที่ http://medtech.hcu.ac.th/…/journal/patcharee-%20herbal.pdf ) สรุปคร่าว ๆ ได้ว่า
จากการตรวจหาชนิดของเชื้อราปนเปื้อน จากยาดมสมุนไพรที่มีจำหน่ายอยู่ในท้องตลาด จังหวัดสมุทรปราการ ที่ยังไม่ได้เปิดใช้งาน ในระหว่างช่วงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2556 จนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2556 จำนวน 15 ยี่ห้อ (รวม 35 ตัวอย่าง)
นำตัวอย่างยาดมสมุนไพรมาแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 สมุนไพรตากแห้งไม่มีน้ำมันหอมระเหย 4 ยี่ห้อ , กลุ่มที่ 2 สมุนไพรตากแห้งผสมน้ำมันหอมระเหย 6 ยี่ห้อ , และกลุ่มที่ 3 สมุนไพรบดละเอียด (ส้มมือ) 5 ยี่ห้อ … แล้วจัดจำแนกเชื้อราปนเปื้อน ด้วยวิธีทางฟีโนไทป์ (phenotypic) และจีโนไทป์ (genotypic)
ผลการศึกษา พบว่า จากตัวอย่างยาดมสมุนไพร 15 ยี่ห้อ พบเชื้อราปนเปื้อน “ทั้งไม่ยังไม่ได้เปิดใช้งาน” จำนวน 11 ยี่ห้อ !
โดยกลุ่มที่ 1 “สมุนไพรตากแห้ง ไม่มีน้ำมันหอมระเหย” พบเชื้อทั้ง 4 ยี่ห้อ (100%) กลุ่มที่ 2 “สมุนไพรตากแห้ง ผสมน้ำมันหอมระเหย” พบเชื้อ 5 ยี่ห้อ (83.3%) และกลุ่มที่ 3 “สมุนไพรบดละเอียด” พบเชื้อ 2 ยี่ห้อ (40%)
แต่ปริมาณที่พบนั้น ยังไม่เกินเกณฑ์ข้อบังคับสําหรับการปนเปื้อนของเชื้อรา ที่คณะกรรมการจัดทําตํารับยาแห่งประเทศไทยกําหนดไว้
เชื้อราที่พบนั้น แบ่งออกเป็น “เชื้อฉวยโอกาส” (พบใน 11 ตัวอย่างยาดม หรือ 31.4%) ได้แก่ เชื้อ Aspergillus sydowii, Aspergillus aculeatus, Aaspergillus calidoustus, Cladosporium cladosporioides, Penicillium citrinum, Bipolais papendorfii, Clavispora lusitaniaeและ Candida orthopsilosis
ส่วนเชื้อรา “ที่ยังไม่มีรายงานการก่อโรคในคน/สรุปไม่ได้” (พบ 24 ตัวอย่าง หรือ 68.6%) ได้แก่ เชื้อ Emericella variecolor, Neurospora intermedia, Trametes polyzona, Glomerella graminicola, Aspergillus spp., Cladosporium spp., Neurospora spp. และ Penicillium spp.
มีข้อสังเกตว่า ยาดมสมุนไพรกลุ่มที่ 2 และ 3 นั้น พบเชื้อน้อยกว่ากลุ่มที่ 1 (ที่ไม่มีน้ำมันหอมระเหย)
ที่เป็นเช่นนั้น น่าจะเนื่องจากทั้ง 2 กลุ่มนี้ มีส่วนผสมเป็น “น้ำมันหอมระเหย” เหมือนกัน ซึ่งน้ำมันหอมระเหยมีคุณสมบัติสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลชีพได้ แต่ที่ยังพบเชื้อราได้ เนื่องจากบรรจุภัณฑ์ปิดไม่สนิท และไม่มีการซีลป้องกันอากาศจากภายนอก ขณะที่น้ำมันหอมระเหยก็สามารถระเหยได้ง่าย ที่อุณหภูมิปกติ จึงน่าจะเป็นสาเหตุที่ทําให้ตรวจพบเชื้อราปนเปื้อนได้
ทางรายการ ได้สรุปแนวทางในการ #การเลือกซื้อยาดมสมุนไพร ว่าควรพิจารณาสิ่งต่อไปนี้
1. ผลิตภัณฑ์ยาดมสมุนไพรจะต้องมีฉลากและบรรจุภัณฑ์ที่สมบูรณ์
2. มีเลขทะเบียน “อย” จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข
3. ตำรับยาที่ได้รับอนุญาต ต้องระบุสมุนไพรและสัดส่วนที่ใช้
4. มีการระบุ “วัน/เดือน/ปี” ที่ผลิต และ “วัน/เดือน/ปี” ที่หมดอายุ
5. ภาชนะบรรจุยาดมสมุนไพรต้องไม่แตก และห่อหุ้มด้วยพลาสติกที่อากาศเข้าไปไม่ได้
และ #การใช้ยาดมสมุนไพรอย่างปลอดภัย ควรปฏิบัติดังนี้
1. ไม่สูดดมจ่อเข้ารูจมูก
2. ปิดขวดให้สนิทหลังจากใช้ยาดมสมุนไพรทุกครั้ง
3. เก็บยาดมสมุนไพรในบริเวณที่ไม่มีความชื้น เพราะความชื้นส่งเสริมให้เชื้อราเจริญเติบโต
4. ไม่ใช้ยาดมสมุนไพรร่วมกับผู้อื่น เพื่อป้องกันเชื้อโรคปนเปื้อน
5. หมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงของรูปลักษณ์ยาดมสมุนไพร (เช่น สีและตัวสมุนไพร) ถ้าพบความผิดปกติไม่ควรใช้ต่อไป
ภาพประกอบจาก https://pantip.com/topic/43493607/desktop
————————————-
ป.ล. แถมด้วยว่า 2-3ปีก่อน ก็เคยเขียนบทความเรื่อง “ติดดมยาดม ก็อันตรายต่อสุขภาพได้ครับ” ไว้บนเพจอ๋อ เลยเอามาเตือนซ้ำอีกทีด้วยครับ
(รีโพสต์) ยาดม ถ้านานๆ ทีดมที ก็ไม่น่ามีปัญหาครับ แต่ถ้าดมบ่อย ดมมาก ดมจนติด ก็ต้องระวังผลข้างเคียงที่ตามมาต่อสุขภาพ โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจครับ
#ประโยชน์ของยาดม
1. สามารถบรรเทาอาการหวัด คัดจมูก
2. แก้อาการวิงเวียนศีรษะ
3. กลิ่นของยาดมช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย สดชื่น
4. หากเป็นแบบน้ำ สามารถใช้บรรเทาอาการเคล็ด ขัดยอก หรือแมลงสัตว์กัดต่อยได้
#ผลเสียจากการใช้ดมบ่อย ๆ
1. ส่วนประกอบของยาดม จะมีสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่ออวัยวะในระบบทางเดิน ได้แก่ จมูกแห้ง โพรงจมูกอักเสบ และปอดอักเสบ
2. ส่วนประกอบของยาดม จะมีสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบประสาท เนื่องจากมีฤทธิ์ที่สามารถกระตุ้นประสาท ซึ่งส่งผลให้เกิดการเสพติดในชนิดที่ไม่รุนแรงได้ อีกทั้งผลเสียจากการเสพติดใช้ดมบ่อย ๆ จะทำให้เสียบุคลิกภาพ
3. การใช้ยาดมร่วมกับผู้อื่น มีความเสี่ยงในการติดเชื้อบริเวณจมูก โดยเฉพาะยาดมที่มีลักษณะผลิตภัณฑ์แบบหลอด
4. อาจเกิดอุบัติเหตุจากการใช้ยาดมได้ เช่น หากยาดมกระเด็นเข้าตา จะทำให้ดวงตาเกิดการระคายเคืองได้ หรือหากยาดมกระเด็นเข้าปาก จะทำให้ลิ้น และช่องปากเกิดความแสบร้อนได้
#การใช้ยาดมอย่างถูกวิธี
1. อ่านวิธีใช้บนฉลากผลิตภัณฑ์ ก่อนใช้ยาดม
2. ในการใช้ยาดม ควรถือยาดมพอให้ห่างมือ ไม่ควรสูดดมยาดมโดยตรง และสอดแท่งยาดมไว้ในจมูก
3. ค่อย ๆ สูดดมยาดมช้า ๆ พอให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น ไม่ควรสูดดมอย่างรุนแรง
4. ไม่ควรใช้ยาดมต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานาน ๆ
5. ในการยาดมชนิดแบบน้ำ ควรชุบสำลีเพียงเล็กน้อยในการสูดดม หากใช้ทาผิวหนังควรทางแบบบาง ๆ และไม่ควรทาบริเวณที่มีแผลเปิด
6. เมื่อใช้ยาดมเสร็จแล้ว ควรเช็ดบรรจุภัณฑ์ให้สะอาด และปิดฝาให้มิดชิด
#ผู้ที่ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาดม
1. เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ปี
2. ผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับโพรงจมูก เช่น ผู้ป่วยโรคโพรงจมูกอักเสบ ผู้ป่วยโรคไซนัสอักเสบ และผู้ป่วยที่ติดเชื้อในโพรงจมูก
3. สตรีตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาดม
4. ผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาดม เช่น ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ผู้ป่วยโรคหัวใจ ผู้ป่วยโรคหอบหืด และผู้ป่วยโรคหลอดลมอักเสบ”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ฝรั่งว้าว ยาดมหงส์ไทย ชื่นใจทั่วปอด หลังซื้อมาลอง เพราะสงสัยคนไทยติดใจอะไร
- ชาวญี่ปุ่นทึ่ง ‘ยาดม’ เจอคนเป็นลมบนรถไฟฟ้า คนไทยปฐมพยาบาล สูดครั้งเดียวฟื้น
- เตือนคนไทย พก ‘ยาดม’ เที่ยวญี่ปุ่น ตร.สงสัย “สอดไส้กัญชา” คุมตัวสอบเครียดหลายชม.
อ้างอิงจาก : FB Jessada Denduangboripant
ติดตาม The Thaiger บน Google News: