ข่าวต่างประเทศ

สื่อดังเปิดโปง ‘ลิม กิมยา’ ฝ่ายค้านเขมร ถูกฆ่าในไทย รัฐบาล ‘ฮุน เซน’ ใครอยู่เบื้องหลัง?

ย้อนคดีดัง ลิม กิมยา ฝ่ายค้านเขมร ถูกฆ่าในไทย สื่อดังเปิดโปง ขบวนการฆ่าตัดตอน ผู้เห็นต่างฮุน เซนใครอยู่เบื้องหลัง?

ผู้สื่อข่าวไทยเกอร์รายงาน สำนักข่าว อัลจาซีร่า สร้างสารคดีตรวจสอบ การสังหารอดีต ส.ส. พรรคฝ่ายค้านของกัมพูชา นายลิม กิมยา ในประเทศไทย เมื่อเดือนมกราคม 2568 ชี้ให้เห็นถึง ประวัติความสัมพันธ์อันตึงเครียดของนายลิม กิมยา กับรัฐบาลกัมพูชา มีเหตุการณ์รุนแรง ลอบสังหารนักวิจารณ์ทางการเมืองเกิดขึ้นบ่อยครั้งในอดีต รวมถึงกรณีอื่นๆ ที่รัฐบาลกัมพูชาถูกกล่าวหาว่า ตามรังควานผู้เห็นต่างข้ามประเทศ แม้ว่าผู้ต้องสงสัยในการสังหารจะถูกจับกุม แต่ ผู้บงการชาวกัมพูชาที่ถูกกล่าวหา ยังคงลอยนวลอยู่ และ ทางการไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์ ที่สรุปคดีอย่างเร่งด่วนว่าเป็นเรื่องส่วนตัว แม้จะมีข้อสงสัยว่าเป็นการลอบสังหารทางการเมืองก็ตาม

ย้อนประวัติ ลิม กิมยา ฝ่ายค้านกัมพูชา ปฏิปักษ์ฮุนเซน

นายลิม กิมยา อดีตสมาชิกรัฐสภาวัย 73 ปี ของพรรคแกนนำฝ่ายค้านของกัมพูชา ที่เปิดปากวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลมาโดยตลอด ถูกยิงเสียชีวิตอย่างอุกอาจบนผืนแผ่นดินไทย ที่น่าตกใจของประวัติศาสตร์กว่า 30 ปีที่ผ่านมา มีผู้สนับสนุนฝ่ายค้านกว่า 80 รายถูกลอบสังหาร แม้รัฐบาลกัมพูชาจะปฏิเสธความเกี่ยวข้อง แต่ผู้นำฝ่ายค้านและครอบครัวของลิม กิมยา เชื่อมั่นว่านี่คือ “การลอบสังหารทางการเมือง

ร่างของนายลิม กิมยา ซึ่งมีสัญชาติฝรั่งเศส ได้ถูกนำไปประกอบพิธีฝังที่ประเทศฝรั่งเศส เขาใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่นั่น ได้พบกับแอนนี่ ลิม ภรรยาที่มหาวิทยาลัยในปี 2515 หลังแต่งงานจนมีบุตร 3 คน ลิม กิมยา ได้ทำงานให้กับกระทรวงการคลังของฝรั่งเศสมานานกว่าสามทศวรรษ แต่ด้วยความรักในประเทศบ้านเกิดกัมพูชา ผลักดันให้เขาตีพิมพ์นิตยสารการเมืองและภาษา ใช้บ้านเป็นสำนักพิมพ์

ลิม กิมยา สัญชาติฝรั่งเศส หลังเกษียณ กลับกัมพูชามาทำงานการเมือง
ลิม กิมยา สัญชาติฝรั่งเศส หลังเกษียณ กลับกัมพูชามาทำงานการเมือง

โซโฟนี ลูกสาวของลิม กิมยา กล่าวว่าพ่อของเธอมีแรงผลักดันที่จะต่อสู้กับการทุจริต ความไม่เท่าเทียม ซึ่งองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติจัดอันดับให้กัมพูชาเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการทุจริตมากที่สุดในเอเชีย ความมั่งคั่งกระจุกตัวอยู่ในมือของชนชั้นปกครอง อดีตนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ซึ่งเป็นปฏิปักษ์คนสำคัญของลิม กิมยา ได้ขึ้นสู่อำนาจตั้งแต่ปี 2528

หลังจากเกษียณจากราชการพลเรือนฝรั่งเศส ลิม กิมยา ได้กลับไปกัมพูชาเพื่อทำงานกับฝ่ายค้าน ได้รับเลือกเข้าสู่รัฐสภาในปี 2556 ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคกู้ชาติกัมพูชา (CNRP) ครอบครัวของเขาทราบดีว่าการเป็น ส.ส. ฝ่ายค้านมาพร้อมกับความเสี่ยง หลังการเลือกตั้งในปี 2556 พรรคของฮุน เซน ชนะกลับมาอย่างฉิวเฉียด แม้จะมีข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริตการเลือกตั้ง แต่ฮุน เซนก็ไม่แคร์ เปิดฉากโจมตีอย่างโหดร้ายต่อผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ ฝ่ายค้านอย่าง ลิม กิมยา กลายเป็นเป้าหมายสำคัญ การปะทะคารมกับฮุน เซน ในรัฐสภาของลิม กิมยา เป็นที่กล่าวขาน เขาได้กล่าวหาว่ากาชาดกัมพูชา ซึ่งภรรยาของฮุน เซน เป็นประธานมานานกว่า 30 ปี และได้รับเงินบริจาคหลายล้านดอลลาร์จากมหาเศรษฐีทุกปี เป็น “กองทุนลับ” แหล่งข่าวเผยนว่า ฮุน เซน โกรธมากที่มีคนวิพากษ์วิจารณ์สมาชิกในครอบครัว

ในปี 2557 ลิม กิมยา เป็นหนึ่งใน 10 คนที่ได้รับบาดเจ็บจากการฝ่าฝืนคำสั่งห้ามรวมตัวกันใน Freedom Park ที่กรุงพนมเปญ แม้เขาจะรอดจากการถูกทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง แต่มีหลายครั้งที่เขารู้สึกว่าชีวิตของเขาตกอยู่ในอันตราย เมื่อการสนับสนุนฝ่ายค้านเพิ่มขึ้นจากประชาชน สมาชิกพรรคมากกว่า 10 คนถูกจำคุก ผู้นำพรรคอย่าง กม สุขา ถูกกักบริเวณและถูกตัดสินจำคุก 27 ปีในข้อหากบฏ

จากนั้นในปี 2560 พรรค CNRP ก็ถูกประกาศให้เป็นพรรคผิดกฎหมาย ลิม กิมยา จำต้องกลับไปยังประเทศฝรั่งเศส แต่เนื่องจากไม่มีหมายจับ เขาจึงยังคงเดินทางกลับกัมพูชาได้เป็นประจำ จนกระทั่งปลายเดือนธันวาคม 2567 แม้จะอยู่ในช่วงวันหยุดกับภรรยาในกัมพูชา โพสต์สุดท้ายบนโซเชียลมีเดียของเขาคือการวิพากษ์วิจารณ์ฮุน มานี บุตรชายคนเล็กและรองนายกรัฐมนตรีของฮุน เซน ที่จัดงานฉลองปีใหม่อย่างฟุ่มเฟือยแถมทำลายภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของกษัตริย์

สุดท้ายน่าเศร้า 4 วันต่อมา ลิม กิมยา ก็ถูกยิงเสียชีวิตในกรุงเทพ ประเทศไทย

ภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพชายผู้จ้างวานฆ่าคนหนึ่งกำลังขับรถไปตามถนนในกรุงเทพฯ มุ่งหน้าไปยังเป้าหมาย กล้องวงจรปิดจับภาพมือปืนจอดรถฝั่งตรงข้ามสถานีขนส่งที่พลุกพล่าน เดินข้ามถนนอย่างใจเย็น แอนนี่ ลิม กับลิม กิมยา เพิ่งเดินทางมาจากเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา มือสังหารรออยู่แล้ว เพียงไม่กี่อึดใจ เสียงปืนก็ดังขึ้น ภาพถ่ายจากตำรวจแสดงให้เห็นถึงความจริงอันน่าตกใจ

มือปืนคือ จ่าเอ็ม นายเอกลักษณ์ แพน้อย อดีตนาวิกโยธินไทยที่ถูกไล่ออกจากราชการ สารภาพว่าเขาถูกว่าจ้างให้ลงมือสังหาร แต่ผู้ต้องสงสัยชาวกัมพูชา 2 คนซึ่งเชื่อว่าเป็นผู้บงการ ได้บินออกจากประเทศไทยกลับไปยังกัมพูชาเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังเกิดเหตุ ปัจจุบันยังคงลอยนวล

ภาพวงจรปิด จ่าเอ็ม ขี่รถมอเตอร์ไซค์ ก่อนลอบสังหาร ลิม กิมยา
ภาพวงจรปิด จ่าเอ็ม ขี่รถมอเตอร์ไซค์ ก่อนลอบสังหาร ลิม กิมยา

หัวหน้าการสอบสวนของตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า จากภาพกล้องวงจรปิด ตำรวจสามารถระบุมือสังหารได้อย่างรวดเร็วจนนำไปสู่การออกหมายจับ ทางการกัมพูชาจับได้ขณะกำลังข้ามพรมแดนเข้ากัมพูชา วันต่อมา ตำรวจไทยออกหมายจับอีกฉบับ ได้แก่ นายปิ๊ก กิมสิน ชาวกัมพูชา ซึ่งภาพวงจรปิดแสดงให้เห็นว่าเขาอยู่บนรถบัสกับลิม กิมยา และอยู่ที่จุดเกิดเหตุ ตำรวจเชื่อว่าเขาทำหน้าที่เป็นผู้ชี้เป้า

อ่านข่าว : ขุดประวัติ จ่าเอ็ม ทหารเรือ ยิงอดีต ส.ส. กัมพูชา โดนออกจากราชการ เป็นคนนิสัยดี

จ่าเอ็ม ยอมรับสารภาพว่าสังหารลิม กิมยา อ้างว่าทำเพื่อช่วยเหลือชาวกัมพูชาอีกคนหนึ่งคือ ลี รัฐนาค รัศมี เขาอ้างว่าลีได้ช่วยเหลือทางการเงินหลังจากเขาถูกปลดจากราชการทหารเรือไทยในปี 2566 ข้อมูลจากตำรวจเผยว่า ลี รัฐนาค รัศมี เดินทางมาถึงประเทศไทยในวันก่อนเกิดเหตุ และบินกลับไปกัมพูชาในเช้าวันรุ่งขึ้น มีหลักฐานว่าเขาส่งเงินให้มือปืน

รัฐบาลกัมพูชา ตกเป็นผู้ต้องสงสัย เงาอำนาจมืด

สม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านกัมพูชาอาวุโส โพสต์เล่าว่า จดจำนายลี รัฐนาค รัศมี ได้ทันที เคยพบชายคนนี้ในงานของพรรค CNRP ที่ประเทศไทย ลีมักจะขอเงินเพื่อทำงาน แต่ดูไม่น่าเชื่อถือ ทำให้คนในพรรคไม่ไว้ใจ ต่อมาความจริงปรากฎว่า ลีได้แปรพักตร์ไปอยู่กับฮุน เซน เส้นทางชีวิตก้าวหน้าอย่างรวดเร็วภายใน 2 ปีหลังจากเข้าร่วมพรรครัฐบาล

มีรายงานข่าว ประกาศแต่งตั้งเขาเป็นที่ปรึกษาของฮุน เซน แต่เพียงไม่กี่วันหลังจากหนีหมายจับออกจากประเทศไทย ทั้งๆ ที่ 9 เดือนก่อน ฮุน เซน เพิ่งปลดลีออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาไป ด้วยข้อหาละเมิดกฎของพรรค สม รังสี มองว่านี่เป็น “เรื่องบังเอิญที่แปลกประหลาด” ตั้งคำถามว่าทำไมเอกสารปลดนี้จึงไม่ถูกเปิดเผยก่อนหน้าหมายจับ

ซ้าย ลิม กิมยา ขวา จ่าเอ็ม
ซ้าย ลิม กิมยา ขวา จ่าเอ็ม

นายปิ๊ก กิมสิน อีก 1 ผู้ต้องสงสัย เชื่อกันว่าเป็นคนชี้เป้า ก็มีความใกล้ชิดกับบุคคลสำคัญทางการเมืองกัมพูชาเช่นกัน พี่ชายของเขาคือ ปิ๊ก รอส เป็นนักการเมืองกัมพูชาที่มีบทบาทสำคัญในการทำให้พรรคฝ่ายค้านของลิม กิมยา ถูกแบน ที่สำคัญกว่านั้นคือ ปิ๊ก กิมสิน เป็นผู้จัดการตลาดกลางพนมเปญ ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารงานของศาลาว่าการเมือง

สม รังสี กล่าวหาว่ารัฐบาลของฮุน เซน อยู่เบื้องหลังการจัดตั้งกลุ่มมือปืนไม่ทราบฝ่าย เพื่อทำร้ายและลอบสังหารคู่แข่งทางการเมืองอย่างอุกอาจตามท้องถนน ซึ่งเป็นรูปแบบความรุนแรงที่เกิดขึ้นซ้ำรอย ขณะที่รัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว

กรณีล่าสุดคือการยิงนายลิม กิมยา เสียชีวิต เพียง 1 สัปดาห์หลังเกิดเหตุ แต่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของไทยได้ปฏิเสธความเชื่อมโยงกับพรรครัฐบาลกัมพูชา ครอบครัวของผู้เสียชีวิตมองว่าเป็นคำชี้แจงที่ไร้สาระ

ด้านผู้บัญชาการตำรวจไทยยืนยันว่า มือปืนที่ถูกจับกุมได้ให้เบาะแสสำคัญ แต่ไม่สามารถให้รายละเอียดเกี่ยวกับปมขัดแย้งได้ ขณะที่สม รังสี ไม่เชื่อคำชี้แจงนี้ ยืนยันว่านายลิม กิมยา ทำงานการเมืองในเขตเลือกตั้งของตนเท่านั้น ไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งส่วนตัวกับใคร

การเสียชีวิตของ ลิม กิมยา ทำให้ ฮิน สุกัลย์ เพื่อนร่วมงานของเขา หวนนึกถึงเหตุการณ์ที่คล้ายกัน นี่เป็นเพื่อนร่วมงานคนที่2 ที่ถูกสังหารแล้วทางการอ้างว่าเป็น “ข้อพิพาทส่วนตัว”

ก่อนหน้านี้คือ เคม เลย นักวิจารณ์การเมืองชื่อดัง ถูกยิงเสียชีวิตกลางกรุงพนมเปญในปี 2559 เพียง 2 วันหลังวิจารณ์ผลประโยชน์ทางธุรกิจของครอบครัวฮุน เซน แม้ทางการจะจับกุมมือปืนได้ รับสารภาพอ้างว่าปมลงมือมีสาเหตุจากหนี้สิน แต่สาธารณชนเชื่อว่าเป็นการลอบสังหารทางการเมือง สม รังสี วิเคราะห์ว่า ฮุน เซน ต้องการให้สังคมตีความการสังหารเหล่านี้เป็นเพียงเรื่องขัดแย้งส่วนตัว

ฮุน มาเนต ปัดรัฐบาล เอี่ยวสังหาร ลิม กิมยา ในไทย ถามคิดว่าโง่หรอ?

ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ออกมาปฏิเสธว่า รัฐบาลมีความเกี่ยวข้องกับเหตุสังหารนาย ลิม กิมยา เพราะหากรัฐบาลลอบสังหารนาย ลิม กิมยา จริง ทางรัฐบาลจะไม่ให้ความช่วยเหลือในการควบคุมตัวผู้ก่อเหตุ (จ่าเอ็ม) และส่งตัวกลับประเทศไทย

ฮุน มาเนต กล่าวอย่างเผ็ดร้านว่า พวกนักวิจารณ์ยังกล่าวหาว่า ฮุนเซน และครอบครัวเราเป็นคนบงการเหตุการณ์ครั้งนี้ ตนขอถามจริงๆ คิดว่ารัฐบาลโง่หรอ ไม่งั้นเราจะช่วยจับกุมและนำตัวผู้ก่อเหตุกลับประเทศไทยทำไม และถ้าพวกเขาเกี่ยวข้องจริง พวกเขาสามารถซ่อนตัวผู้ก่อเหตุได้ง่ายๆ พร้อมย้ำว่าทางรัฐบาลกัมพูชาก็อยากรู้ความจริงไม่ต่างกัน แต่เขาคิดว่าข้อกล่าวหาพวกนี้ไม่ยุติธรรม

ในอดีต ประเทศไทยเคยเป็นที่ลี้ภัยของผู้เห็นต่างทางการเมือง แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นพื้นที่อันตรายของชาวกัมพูชา ที่เป็นศัตรูฮุนเซน

นักรัฐศาสตร์ชาวไทย ชี้ว่า การปราบปรามผู้เห็นต่างเกิดขึ้นข้ามพรมแดน มีกรณีที่ผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชาถูกคุกคามในไทย ขณะที่นักกิจกรรมชาวไทยก็เคยหายตัวหรือถูกสังหารในลาวและกัมพูชาเช่นกัน

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ได้ให้คำมั่นกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนต ว่า “ไทยจะไม่อนุญาตให้ใครใช้พื้นที่เพื่อแทรกแซงหรือสร้างความเสียหายต่อประเทศเพื่อนบ้าน”

นักรัฐศาสตร์ชาวไทย มองว่า ความสัมพันธ์ส่วนตัวเป็นอีกปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะความใกล้ชิดระหว่างตระกูล “ฮุน” และตระกูล “ชินวัตร” ซึ่งแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นผ่านความสัมพันธ์ทางเครือญาติ เห็นได้ชัดจากการที่ฮุน เซน เดินทางมาเยี่ยมทักษิณ ชินวัตร ทันทีที่เดินทางกลับไทย

เรื่องราวของ พร พนา เป็นอีกหนึ่งกรณีของนักเคลื่อนไหวฝ่ายค้านกัมพูชา ที่แม้จะได้รับสถานะผู้ลี้ภัยในประเทศไทยจากหน่วยงานของสหประชาชาติ (UNHCR) แต่กลับต้องเผชิญการคุกคามอย่างต่อเนื่อง จนถูกควบคุมตัว ท้ายที่สุดต้องดิ้นรนหาทางลี้ภัยไปยังประเทศที่สาม

พร พนา เริ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองตั้งแต่ปี 2550 แต่หลังจากพรรคของเขาถูกสั่งห้ามลงเลือกตั้ง จึงตัดสินใจหลบหนีมายังประเทศไทยในปี 2565 ก่อนหน้านั้น เขาเคยถูกเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรครัฐบาลกัมพูชากดดันให้แปรพักตร์ และภรรยาของเขายังเคยถูกรถชนในเวลาไล่เลี่ยกัน

การคุกคามยังคงตามมาถึงไทย พร พนารู้สึกว่าถูกจับตามองขณะสอนหนังสือให้เด็กแรงงานชาวกัมพูชา เคยต้องรีบหนีหลังจากกล้องวงจรปิดจับภาพชายฉกรรจ์เข้ามาหาเขา ต่อมา เขาพบตำรวจไทยรออยู่นอกที่พัก เพียง 5 วันก่อนการพบปะระหว่างนายกรัฐมนตรีไทยกับกัมพูชา

พร พนากับครอบครัวถูกควบคุมตัวไปแยกกันกักขังที่ศูนย์กักกันของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โชคดีที่ได้แรงกดดันจากทนายความ รวมถึงองค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ภรรยากับลูกๆ ได้รับการปล่อยตัวหลังผ่านไป 3 เดือน ส่วนตัวเขาถูกปล่อยในอีก 2 เดือนต่อมา พร้อมเงื่อนไขต้องมีผู้ค้ำประกันและวางเงินประกันเกือบ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ในท้ายที่สุด ด้วยความช่วยเหลือจาก คิม ฮุน ทิต สมาชิกพรรคฝ่ายค้านในต่างแดน พร พนา พร้อมครอบครัวจึงสามารถเดินทางลี้ภัยไปยังสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ

ต่อมาในเดือนกันยายน 2567 พร พนา ได้รับคลิปเสียงจากคนวงในรัฐบาลกัมพูชา เป็นเสียงที่เชื่อว่าเป็นของฮุน เซน กำลังสั่งการให้จัดการกับ พร พนา โดยตรง ระบุชื่อผู้รับผิดชอบปฏิบัติการคือ คลัง ฮุต รองผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ แม้รัฐบาลกัมพูชาจะอ้างว่าเสียงถูกสร้างโดย AI แต่ผู้เชี่ยวชาญอิสระเชื่อว่าเป็นของจริง

ชื่อของ คลัง ฮุต กลายเป็นกุญแจสำคัญ เพราะ ปิ๊ก กิมสิน หนึ่งในผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรม ลิม กิมยา เป็นพนักงานในศาลาว่าการกรุงพนมเปญภายใต้การดูแลของเขา แม้ คลัง ฮุต จะปฏิเสธความเกี่ยวข้อง แต่ สม รังสี ชี้ว่าศาลาว่าการฯ มีชื่อในการจัดหา “อันธพาล” เพื่อโจมตีฝ่ายค้าน นอกจากนี้ คลัง ฮุต ยังมีหน้าที่ประสานงานกับเครือข่ายในไทย มีภาพถ่ายยืนยันความใกล้ชิดกับทักษิณ ชินวัตร ซึ่งสอดคล้องกับเนื้อหาในคลิปเสียงที่อ้างว่าได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มคนเสื้อแดง

คลิปเสียงฮุนเซน สร้างความหวาดกลัวให้ พร พนาจนต้องพาครอบครัวย้ายที่อยู่หลายครั้ง ก่อนจะได้รับความช่วยเหลือจากเครือข่ายของ คิม ฮุน ทิต และได้รับจดหมายคุ้มครองฉุกเฉินจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของไทย ทำให้ทั้งหมดเดินทางถึงสหรัฐอเมริกาได้อย่างปลอดภัยในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567

แต่ทว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะโชคดีเช่นเขา ไม่นานหลังจากนั้น ทางการไทยได้เนรเทศนักเคลื่อนไหวชาวกัมพูชา 6 คนกลับประเทศ ทั้งที่ 5 คนมีสถานะผู้ลี้ภัยจาก UNHCR และอีก 1 คนกำลังรอการพิจารณา ปัจจุบันทั้งหมดถูกคุมขัง ถูกตั้งข้อหาสมคบคิดล้มล้างรัฐบาล มีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี

ไม่ใชแ่ค่ในไทย เครือข่ายปราบปรามข้ามชาติ กรณีศึกษาในประเทศมาเลเซีย

การปราบปรามผู้เห็นต่างจากรัฐบาลกัมพูชาไม่ได้จำกัดวงอยู่แค่ในไทย แต่ยังขยายไปยังมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนในขณะนั้นด้วย กรณีของ นน ทุน แรงงานหญิงชาวกัมพูชาวัย 36 ปี เดือนกันยายน 2567 เธอถูกจับกุมในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เพียงเพราะโพสต์เฟซบุ๊กวิจารณ์ตระกูลฮุน หลังจากนั้นเพียง 3 วัน ก็ถูกส่งตัวกลับไปคุมขังในกัมพูชาทันทีในข้อหายุยงปลุกปั่น

หว่อง เฉิน ส.ส. ของมาเลเซีย อธิบายกลไกที่กัมพูชาใช้ว่า รัฐบาลกัมพูชาได้ยกเลิกหนังสือเดินทางของนน ทุน ทำให้สถานะของเธอกลายเป็นผู้เข้าเมืองผิดกฎหมายในมาเลเซียโดยอัตโนมัติ ซึ่งเปิดทางให้ทางการมาเลเซียเนรเทศนน ทุนได้อย่างรวดเร็ว

คดีนี้สร้างความเห็นที่แตกต่างกันในรัฐบาลมาเลเซียเอง หว่อง เฉิน ในฐานะผู้แทนด้านสิทธิมนุษยชนของอาเซียน แสดงความผิดหวัง ชี้ว่าทางการควรสอบถาม นน ทุน ก่อนว่าต้องการขอลี้ภัยทางการเมืองหรือไม่ ยิ่งเมื่อนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม เอวก็เคยมีประสบการณ์ถูกข่มเหงทางการเมืองมาก่อน

นายกรัฐมนตรีอันวาร์ยืนยันว่าการส่งตัวเป็นไปตามกฎหมายของมาเลเซีย อ้างว่ารัฐบาลได้พิจารณาหลักฐานที่ได้รับจากกัมพูชา เมื่อคำร้องขอสอดคล้องกับระเบียบการ ก็จำเป็นต้องปฏิบัติตาม

แม้ทางการไทยจะออกหมายจับ ตำรวจสากลเองจะออกหมายแดงแล้ว แต่ผู้ต้องสงสัยชาวกัมพูชา 2 คนที่บงการสังหาร ลิม กิมยา ยังคงลอยนวลในประเทศของตน ท่าทีของรัฐบาลกัมพูชาคือการปฏิเสธความร่วมมือ โฆษกกระทรวงมหาดไทยได้เยาะเย้ยหมายจับดังกล่าว ฮุน เซน ชัดเจนว่าปฏิเสธการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน

อย่างไรก็ตาม การต่อสู้เพื่อความยุติธรรมได้เปิดแนวรบใหม่ในยุโรป เมื่อกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศสยืนยันว่าได้เริ่มการสอบสวนคดีนี้ในชั้นศาลแล้ว สม รังสี ซึ่งเป็นพลเมืองฝรั่งเศสเช่นกัน เชื่อว่าคดีนี้มีหวังมากกว่าคดีลอบวางระเบิดในปี 2540 ที่เขาเคยให้การในศาลฝรั่งเศส เพราะคดีเก่าเกิดขึ้นในกัมพูชาทำให้ถูกขัดขวางได้ง่าย แต่คดีฆาตกรรม ลิม กิมยา เกี่ยวพันกับทั้งไทยและฝรั่งเศส เขาเชื่อว่าจะทำให้รัฐบาลกัมพูชา “ซ่อนอาชญากรรมนี้ไม่ได้”

ความหวังนี้ส่งไปถึงครอบครัวของลิม กิมยา เช่นกัน โซโฟนี ลูกสาวของเขา ติดต่อกับหน่วยงานของฝรั่งเศสอย่างสม่ำเสมอ ขณะที่โธมัส น้องชายของเธอ เชื่อว่าแรงกดดันทางการทูตเป็นสิ่งสำคัญ

แม้โฆษกพรรครัฐบาลกัมพูชาจะปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด แต่ครอบครัวและมิตรสหายในฝรั่งเศสยืนยันว่า พวกเขาจะไม่มีวันนิ่งเงียบ จนกว่าความยุติธรรมจะบังเกิด

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

0 0 โหวต
Article Rating
สมัครรับข้อมูล
แจ้งเตือนเกี่ยวกับ
0 Comments
เก่าแก่ที่สุด
ใหม่ล่าสุด ถูกโหวตมากที่สุด
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

Aindravudh

นักเขียนประจำ Thaiger มีประสบการณ์เขียนข่าวมากกว่า 5 ปี จบการศึกษาด้านภาษาและประวัติศาสตร์ จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความสนใจ ประเด็นความเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง เจาะประเด็นข่าวทางสังคม ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องแบบย่อยง่าย อย่างงานเขียนสร้างสรรค์ สั้น กระชับ จับทุกประเด็น หัวข้อที่เชียวชาญคือเรื่องไลฟ์สไตล์ เลขเด็ด หวยรัฐบาลไทย หวยลาว ช่องทางติดต่อ vajara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button
0
เราอยากทราบความคิดเห็นของคุณ โปรดแสดงความคิดเห็นx