ออสเตรเลีย ปลดล็อก ชายรักชาย บริจาคเลือด-พลาสมาได้ ประเทศแรกของโลก

ออสเตรเลีย ปลดล็อกข้อจำกัดบริจาคเลือด-พลาสมา เปิดทางกลุ่ม LGBTQ+ เพิ่มโอกาสช่วยชีวิตคน ลดอคติทางเพศในระบบสาธารณสุข
วันที่ 18 มิถุนายน 2568 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป ออสเตรเลียเตรียมยกเลิกข้อจำกัดที่เคยห้ามชายรักชายและผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) ที่มีเพศสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง ให้สามารถบริจาคเลือดและพลาสมาได้แล้ว โดยประกาศตัวเป็นประเทศแรกของโลกที่ไม่จำกัดเพศวิถีในการบริจาคพลาสมา
กฎเกณฑ์เดิมที่จำกัดสิทธิ์ผู้บริจาคเลือดในอดีตนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อเอชไอวี แต่ปัจจุบันหน่วยงานกำกับดูแลผลิตภัณฑ์สุขภาพของออสเตรเลีย ได้อนุมัติการปรับเปลี่ยนแล้ว ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้มีผู้บริจาคเพิ่มขึ้นอีกกว่า 625,000 คน
ดร.โจ พิงค์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการแพทย์ของ Lifeblood (หน่วยงานบริจาคเลือดของออสเตรเลีย) ชี้ว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญที่ตอบสนองต่อความรู้สึกของกลุ่ม LGBTQ+ ที่เคยต้องเผชิญกับกฎเกณฑ์ที่สร้างการตีตรา แม้ว่าความปลอดภัยของผู้รับเลือดยังคงเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดก็ตาม
กฎเกณฑ์ใหม่สำหรับการบริจาดเลือดและพลาสมา
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนคนเดียวติดต่อกันนาน 6 เดือนขึ้นไป จะสามารถบริจาคเลือดได้ โดยไม่จำกัดเพศหรือรสนิยมทางเพศ และจะไม่ถูกถามโดยเจ้าหน้าที่ว่า เคยมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายหรือไม่ อีกต่อไป
- ผู้ที่เคยมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักกับคู่นอนคนใหม่หรือมีหลายคนในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา จะยังไม่สามารถบริจาคเลือดได้ในทันที แต่ยังสามารถบริจาคพลาสมาได้
- ผู้ที่ใช้ยาป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี (PrEP) แม้ยังบริจาคเลือดไม่ได้ แต่ก็ได้รับอนุญาตให้บริจาคพลาสมาได้
- ผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ที่มีคู่นอนติดเชื้อ จะยังไม่สามารถบริจาคพลาสมาได้
กฎใหม่เกี่ยวกับพลาสมาจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคมนี้ ส่วนการปรับเกณฑ์บริจาคเลือดจะเริ่มในปี 2026
ผลการศึกษาจากสถาบันเคอร์บี มหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ ร่วมกับ Lifeblood ยืนยันว่า การเปลี่ยนแปลงนี้ จะไม่กระทบต่อความปลอดภัยของเลือดและพลาสมา ที่จะนำไปใช้กับผู้ป่วย เพราะพลาสมาจะผ่านกระบวนการทำลายเชื้อ (Pathogen Inactivation) ซึ่งสามารถคัดกรองไวรัสและแบคทีเรีย ลดความเสี่ยงในการส่งต่อเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ร็อดนีย์ ครูม จากแคมเปญ Let Us Give มองว่า นี่คือการตัดสินใจที่สำคัญและล่าช้ามานาน แต่จะช่วยชีวิตคนจำนวนมากได้
ขณะที่ ดร.ชารอน เดน นักวิจัยจากกลุ่มเดียวกัน แม้จะเห็นว่านี่เป็นความก้าวหน้า แต่ยังตั้งข้อสังเกตว่า แนวทางของออสเตรเลียยังไม่ใช่มาตรฐานที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับสหราชอาณาจักร แคนาดา และสหรัฐอเมริกา ที่ใช้เกณฑ์ 3 เดือนในการประเมินความเสี่ยงจากพฤติกรรมทางเพศ ไม่ใช่ 6 เดือน
การยกเลิกข้อจำกัดเหล่านี้ ถือเป็นการตอบรับต่อเสียงเรียกร้องจากภาคประชาชน และเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการลดอคติทางเพศที่ซ่อนอยู่ในระบบสาธารณสุขมานานหลายทศวรรษ
ที่มา: BBC
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- วัยรุ่นติดเชื้อ HIV พุ่ง 500% ใน 4 เดือน เยอะสุดอายุ 15 สาธารณสุขฟิลิปปินส์ถกเครียด
- น้อยคนรู้ ผู้บริจาคเลือด ได้สิทธิช่วยค่ารักษาพยาบาล มาก-น้อย ขึ้นกับจำนวนครั้ง
- เตือนภัย ซิฟิลิส ระบาดหนัก วันเดียว 3 เคสซ้อน พ่วง HIV รู้แล้วป้องกันด่วน
ติดตาม The Thaiger บน Google News: