เศรษฐกิจ

ส่อง 10 เจ้าหนี้รายใหญ่กัมพูชา ไทยก็ติดท็อป เผยยุทธศาสตร์ กระตุ้นเศรษฐกิจ

เปิดโผ 10 อันดับเจ้าหนี้กัมพูชา ไทยก็ติดด้วย ล่าสุดชำระหนี้จีนแล้ว ยอดหนี้สาธารณะรวม 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ เปิดแผนสำคัญ ใช้เงินพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เป็นวิธีกระตุ้นเศรษฐกิจดีที่สุด

กระทรวงเศรษฐกิจและการคลังของกัมพูชาเปิดเผยรายงานหนี้สาธารณะล่าสุด ณ วันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ระบุว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 กัมพูชาได้ชำระหนี้เงินกู้คืนแก่ประเทศจีนไปแล้ว 117 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 3.8 พันล้าน ส่งผลให้ยอดหนี้คงค้างกับจีนลดลงเหลือ 3.98 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 126 แสนล้านบาท สิ้นเดือนมีนาคมปีนี้กัมพูชายังไม่ได้กู้ยืมเงินจากจีนเพิ่มแต่อย่างใด

แม้จะไม่มีการกู้ยืมใหม่ในปีนี้ แต่จีนยังคงเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของกัมพูชา 3.981 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามมาด้วยธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ที่มียอดหนี้คงค้าง 2.58 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามมาด้วยธนาคารโลก (World Bank) 1.72 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และญี่ปุ่น 1.32 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนลำดับที่ 5 – 12 มีรายชื่อประเทศ ดังนี้

  • เกาหลีใต้ : 689 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • ฝรั่งเศส : 686 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • กองทุนระหว่างประเทศเพื่อการพัฒนาการเกษตร (IFAD) : 170 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • EID : 53.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • ไทย : 53.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.724 พันล้านบาท)
  • AIIB : 33 ล้านดอลลาร์

ย้อนกลับไปในปี 2552 กระทรวงเศรษฐกิจและการคลังของกัมพูชาได้ลงนามข้อตกลงเงินกู้กับประเทศไทย มูลค่ากว่า 1.4 พันล้านบาท เพื่อใช้ในการซ่อมแซมถนนสาย 68 เชื่อมจากจุดผ่านแดนช่องจอมไปยังจังหวัดอุดรมีชัย ระยะทางกว่า 113 กิโลเมตร แต่หลังจากเกิดปัญหาบริเวณปราสาทพระวิหารจนกลายเป็นความขัดแย้งชายแดน ทำให้กัมพูชาขอถอนตัวจากข้อตกลงเงินกู้โดยให้เหตุผลว่ามีเงินทุนเพียงพอแล้ว

ในปี 2567 กัมพูชาชำระคืนเงินต้น 5.21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และดอกเบี้ย 900,000 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนในปี 2568: ชำระคืนเงินต้นเพิ่มเติม 1.72 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และดอกเบี้ย 330,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ข้อมูลในเดือนมีนาคม 2568 หนี้สาธารณะรวมของรัฐบาลกัมพูชาอยู่ที่ 12.18 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 396 แสนล้านบาท ในจำนวนนี้ 99% หรือ 12.06 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นหนี้ต่างประเทศ โดย 61% มาจากพันธมิตรเพื่อการพัฒนาแบบทวิภาคี อีก 39% มาจากพันธมิตรเพื่อการพัฒนาพหุภาคี ส่วน 1% หรือ 118.33 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นหนี้ภายในประเทศ

‘เชย เทค’ นักวิเคราะห์เศรษฐกิจและสังคม ให้ความเห็นกับสื่อ Kiripost ว่า การกู้ยืมเงินเพื่อพัฒนาประเทศหรือกระตุ้นการเติบโตไม่ใช่เรื่องเลวร้าย และเป็นสัญญาณที่ดีเมื่อประเทศสามารถชำระคืนหนี้ได้ “ปัจจุบันกัมพูชายังไม่ได้กู้ยืมจากจีน ถือเป็นการรักษาสมดุลของงบประมาณประเทศที่ดี และเป็นการดียิ่งขึ้นหากเราสามารถถ่ายโอนเงินกู้ไปสู่การลงทุนผ่านข้อตกลงใด ๆ รวมถึงการลงทุนแบบหุ้นส่วนภาครัฐและเอกชน”

ด้าน ‘ดุจ ดาริน’ นักเศรษฐศาสตร์ ให้ข้อสังเกตว่า รายงานหนี้สาธารณะของกัมพูชาทำให้เห็นการชำระหนี้สาธารณะที่รอบคอบเป็นข้อพิสูจน์ความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่มีเสถียรภาพในระยะยาว พร้อมชี้ว่าความสำเร็จในการปฏิบัติตามภาระผูกพันปัจจุบันจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในสายตาของเจ้าหนี้ระหว่างประเทศ พันธมิตรเพื่อการพัฒนา และนักลงทุน

“การกู้ยืมในระดับปานกลางทำให้ประเทศอยู่ในสถานะที่ดี ช่วยส่งเสริมแนวทางโดยรวมของความยั่งยืนของหนี้ตามแบบจำลองเศรษฐกิจแห่งชาติที่แข็งแรง โดยมีพื้นที่ทางการคลังเพียงพอสำหรับการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในอนาคต”

ส่อง 12 ประเทศเจ้าหนี้กัมพูชา ไทยก็ติดด้วย
ภาพจาก Facebook : Cambonomist

นักเศรษฐศาสตร์ ระบุว่า ในปี 2568 และ 2569 ผลดีหรือผลเสียจากหนี้ที่เพิ่มขึ้นขึ้นอยู่กับวิธีการสร้างและการบริหารจัดการอย่างสิ้นเชิง หากนำเงินกู้สาธารณะไปใช้อย่างชาญฉลาด เช่น ลงทุนที่มีผลกระทบสูงและก่อให้เกิดประสิทธิผลในโครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน การศึกษา และการเชื่อมโยง อาจเป็นเครื่องมือที่ดีในการกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจและการเติบโตของชาติ

เงินกู้ที่มีเงื่อนไขผ่อนปรนและมีโครงสร้างที่ดีจากพันธมิตรที่เชื่อถือได้สามารถมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ประเทศเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจที่มีการแข่งขันและครอบคลุมมากขึ้น

ข้อมูลจาก : kiripost

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

0 0 โหวต
Article Rating
สมัครรับข้อมูล
แจ้งเตือนเกี่ยวกับ
0 Comments
เก่าแก่ที่สุด
ใหม่ล่าสุด ถูกโหวตมากที่สุด
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

sukanlaya s.

นักเขียนบทความ SEO ประจำเว็บไซต์ The Thaiger จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เชี่ยวชาญงานเขียนประเภท ข่าวกระแสสังคม และบทความไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็น รีวิวที่เที่ยว เทรนด์แฟชั่นและความงาม พร้อมแนะนำกระแสมาแรง ทันเหตุการณ์ ช่องทางติดต่อ ying@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button
0
เราอยากทราบความคิดเห็นของคุณ โปรดแสดงความคิดเห็นx