งามไส้ คลังเมกา ขึ้นบัญชีดำ บริษัทหลาน “ฮุนเซน” ซุกฟอกเงินแก๊งคอลฯ

ตำรวจไซเบอร์ ตอบปม กระทรวงการคลังอเมริกา ขึ้นบัญชีดำ บริษัทหลาน “ฮุนเซน” ซุกฟอกเงินแก๊งคอลฯ ย้ำข้อมูลยังไม่แน่ชัด เพราะกำลังตรวจสอบอยู่
จากกรณี สื่อต่างประเทศ รายงานว่า กระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกา ประกาศขึ้นบัญชี Huione Group กลุ่มบริษัททางการเงินขนาดใหญ่ของกัมพูชาให้เป็นองค์กรฟอกเงินระดับโลก ซึ่งมีฮุน โต (Hun To) หลานชายสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาฯ กัมพูชา และมีศักดิ์เป็นญาติของฮุน มาเน็ต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ให้เป็นองค์กรฟอกเงินระดับโลก หลังบริษัทดังกล่าวและเครือข่าย ได้ฟอกเงินไปแล้วกว่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่ปี 2021 ให้กับกลุ่มอาชญากรต่าง ๆ รวมถึงแฮกเกอร์ Lazarus Group จากเกาหลีเหนือ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ขณะที่ CSI LA เผยว่า Huione Group เป็นกลุ่มบริษัทที่ฟอกเงินจากเว็บพนัน หลอกลงทุน (Pig Butchering) และแรงงานผิดกฎหมาย ส่งผ่านตลาด OTC ไทย-กัมพูชา ก่อนย้อนกลับมาเป็นเงินสะอาดในรูปอสังหาริมทรัพย์ ทองคำ และ คริปโคเคอเรนซี ซึ่งมีมูลค่าการฟอกมากเกือบ 4 แสนล้านบาท
ล่าสุด (16 มิ.ย.) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ กล่าวถึงกรณีข้างต้นว่า บริษัทดังกล่าวเป็นที่จัดตั้งขึ้นภายในประเทศกัมพูชา จดทะเบียนเป็นบริษัทรับแลกเงินสกุลต่าง ๆ รวมถึงรับแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิทัลจริง ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์และเว็บพนันออนไลน์ที่ได้จากเงินในบัญชีของผู้เสียหายชาวไทยไปยังบัญชีม้าแถวต่าง ๆ
จากนั้นจะแปลงเงินเหล่านี้เป็นเงินสกุลดิจิทัล ก่อนนำไปแปลงเป็นเงินสดและทรัพย์สินที่บริษัทแห่งนี้ ซึ่งทางตำรวจให้ความเป็นไปได้ 2 อย่าง คือ บริษัทดังกล่าวตั้งอยู่ในประเทศกัมพูชาและตั้งอยู่ในพื้นที่ของแก๊งสแกมเมอร์ตามแนวบริเวณชายแดน จึงอาจใช้บริษัทแลกสกุลเงินดิจิทัลเหล่านี้ในการแลกเงินสกุลดิจิทัลออกมาเป็นเงินสดหรือเงินเข้าสู่บัญชีอื่น ๆ

อีกทั้งที่ผ่านมาคดีเว็บพนันฯ – แก๊งคอลเซนเตอร์ต่างมีเส้นทางการเงินไปที่บริษัทแห่งนี้เป็นส่วนใหญ่ แต่ไม่สามารถฟันธงได้ เนื่องจากบริษัทดังกล่าวเปิดถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนข้อสงสัยว่าการที่สหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำจะมีผลต่อการสืบสวนสอบสวนของตำรวจไซเบอร์หรือไม่นั้น ตนมองว่าแนวทางการสืบสวนไม่เป็นปัญหาต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ แต่จะเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ต้องจับตามองตามบัญชีดำที่หน่วยงานต่างประเทศทำข้อมูลไว้
อย่างไรก็ดี ตำรวจไซเบอร์เคยประสานขอข้อมูลไปยังหลายบริษัทที่เป็นผู้ให้บริการแลกเงินสกุลดิจิทัล ซึ่งส่วนใหญ่บริษัทในประเทศไทยจะให้ความร่วมมือ 100% แต่หากเป็นบริษัทในต่างประเทศ ก็จะมีให้ความร่วมมือตั้งแต่ 10-50% ไม่เหมือนกัน ซึ่งในเคสบริษัทข้างต้นก็มีการให้ความร่วมมือส่งข้อมูลให้เป็นบางกรณี
บางคดีก็ไม่ได้ส่งข้อมูลกลับมาให้เหมือนกับบริษัทผู้ให้บริการนอกประเทศไทยหลายรายที่อาจจะให้ความร่วมมือกับทางตำรวจไทยต่ำ ส่วนที่มองว่า บริษัทแห่งนี้จะมีความผิดปกติหรือมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดหรือไม่ ยังไม่สามารถระบุชี้ชัดลงไปได้ อีกทั้งตนยังไม่สามารถตอบได้ว่าบริษัทดังกล่าวเป็นของหลานชายยสมเด็จฮุนเซนจริงตามที่เพจ CSI LA กล่าวอ้างหรือไม่ เพราะยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- พิพัฒน์ ย้ำไทยไม่กระทบ หากกัมพูชาเรียกแรงงานกลับ ชี้มีแรงงานสำรอง
- ฮุนเซน ลั่นวาจา หากไทยไม่เปิดด่านวันนี้ กัมพูชาจะปิดชายแดน-แบนสินค้าไทย
- กัมพูชาโดนแล้ว! ทรัมป์ จ่อแบนเพิ่ม 36 ประเทศ ห้ามเดินทางเข้าสหรัฐฯ
ติดตาม The Thaiger บน Google News: