ฮุน เซน ขู่ขนแรงงานกลับ แต่คนกัมพูชาขออยู่ไทย ค่าแรงสูง 3 เท่า เปิดยอดเฉียด 5 แสนคนทำงาน

บ้านก็รัก แต่ต้องกินก่อน! ฮุน เซน ขู่ขนแรงงานกลับประเทศ แต่คนกัมพูชา ขออยู่ไทย ค่าแรงสูงกว่าบ้านเกิด 3 เท่า เปิดยอดเฉียด 5 แสนคนทำงาน ส่วนใหญ่อยู่ภาคก่อสร้าง
กรุงพนมเปญเริ่มขยับตัวรับมือความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา สำนักข่าว Khmer Times รายงานเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 ว่า ผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญมีคำสั่งให้จัดเตรียมรถโดยสารจำนวน 400 คัน เพื่อรองรับการอพยพแรงงานกัมพูชาที่อาจต้องเดินทางกลับจากประเทศไทย หากสถานการณ์ระหว่างสองประเทศยกระดับตึงเครียดมากยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อดูแลสวัสดิภาพของประชาชนกัมพูชาในไทย
ท่าทีนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องจากคำปราศรัยของ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เรียกร้องให้แรงงานกัมพูชาในไทย ไม่ว่าจะอยู่แบบถูกกฎหมายหรือพำนักมานานเพียงใด ควรพิจารณาเดินทางกลับประเทศโดยเร็ว โดยฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชาระบุว่า ฝ่ายไทยอาจใช้มาตรการเนรเทศในอนาคต จึงควรเตรียมการล่วงหน้า
ด้าน ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ได้รับเสียงชื่นชมจากอดีตผู้นำคนดังกล่าว เนื่องจากมีการวางแผนรองรับแรงงานที่อาจเดินทางกลับประเทศ โดยมอบหมายให้กระทรวงแรงงานและอาชีวศึกษาจัดหางานใหม่ให้ พร้อมเปิดโอกาสให้เริ่มต้นทำธุรกิจในท้องถิ่น โดยระบุว่าขณะนี้กัมพูชาประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานเฉลี่ยมากถึง 70,000 ตำแหน่งทั่วประเทศ
ควบคู่กันนั้น ฮุน มาเนต ยังได้ออกข้อเสนอให้ สมาคมธนาคาร และ สมาคมสถาบันการเงินขนาดย่อมแห่งกัมพูชา พิจารณามาตรการผ่อนผันหนี้สินให้แก่แรงงานที่กลับประเทศ โดยเน้นให้พิจารณาภายในกรอบเวลาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับศักยภาพของลูกหนี้แต่ละราย เพื่อไม่ให้เป็นภาระซ้ำซ้อน
Khmer Times ยังรายงานเพิ่มว่า ในวันที่ 15 มิถุนายน ครบรอบ 63 ปีนับตั้งแต่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) มีคำตัดสินครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2505 ให้กัมพูชามีสิทธิเหนือพื้นที่ดังกล่าว และในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2556 (ค.ศ. 2013) ศาลโลกยังมีคำตัดสินย้ำอีกครั้งให้ไทยถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่โดยรอบปราสาท
บรรยากาศการเฉลิมฉลองปีนี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่ ฮุน มาเนต โพสต์เฟซบุ๊กว่า กัมพูชาได้ยื่นหนังสือถึง ICJ อย่างเป็นทางการอีกครั้ง เพื่อขอให้พิจารณาแนวทางแก้ไขข้อพิพาทในพื้นที่ชายแดน 4 จุดที่ยังคงเป็นประเด็นระหว่างไทยและกัมพูชา

เปิดสถิติแรงงานกัมพูชาในไทย ยอดทะลุแสน ไม่อยากกลับประเทศบ้านเกิด
ข้อมูลจากกรมจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ณ พฤษภาคม 2568 ระบุว่า มีแรงงานต่างด้าวในระบบ MOU (รวมทุกสัญชาติ CLMV) ราว 690,000 คน เป็นแรงงานกัมพูชา 183,000 คน และมีแรงงานกัมพูกาเถื่อน (ไม่ถูกกฎหมาย) ราว 100,000 คน
รายงานเพิ่มเติมจาก Winrock International และ IOM ระบุว่า ในเดือนมกราคม 2567 มีแรงงานกัมพูชาที่จดทะเบียนอย่างถูกกฎหมายประมาณ 459,863 คน แต่เมื่อรวมแรงงานที่เข้ามาไม่ถูกกฎหมาย ตัวเลขอาจสูงถึงประมาณ 1–1.5 ล้านคน
แรงงานที่ข้ามมาส่วนใหญ่ 36.5% อยู่ในภาค ก่อสร้าง รองลงมาอยู่ในสายการผลิตโรงงาน 23.7% ค้าปลีก–ค้าส่ง 13.2% เกษตร 10.8% งานบริการ 7.9% ประมง 1.7% อีกส่วนหนึ่งเป็นแรงงานไป–กลับตามฤดูกาลบริเวณชายแดน เช่น จ.สุรินทร์ ศรีสะเกษ สระแก้ว และจันทบุรี
อย่างไรก็ตาม แม้มีข่าวว่ารัฐบาลกัมพูชาพร้อมสนับสนุนแรงงานกัมพูชาหากต้องการเดินทางกลับมาตุภูมิ แต่เมื่อนักข่าวลงพื้นที่สอบถามตัวแรงงานในหน้างานจริงๆ กลับพบว่าส่วนใหญ่อยากอยู่ทำงานในไทยต่อ ด้วยเหตุผลด้านค่าแรงที่ได้รับสูงกว่านายจ้างดูแลดี ยุติธรรม ไม่มีปัญหาอะไรกับใคร
เมื่อได้รับเงินค่าจ้างเพียงพอ ก็สามารถส่งเงินกลับไปให้ครอบครัวที่อยู่กัมพูชาได้ทุกเดือน ถ้ากลับไปตอนนี้จะไม่มีรายได้แน่นอน ค่าแรงเฉลี่ยของแรงงานกัมพูชาอยู่ที่ 360–600 บาทต่อวัน ขึ้นอยู่กับทักษะฝีมือ สูงกว่ากัมพูชา 3 เท่า
เสียงจากแรงงานตัวเล็กตัวน้อย ฝากถึงผู้มีอำนาจว่า ไม่อยากให้ 2 ประเทศทะเลาะกัน คุยด้วยสันติวิธี เพราะกระทบต่อปากท้องประชาชนที่ต้องการหาเงินเลี้ยงครอบครัว
ด้านความเคลื่อนไหวของรัฐบาลไทย ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านช่องทางทางการ ระบุว่า ประเทศไทยไม่มีแนวคิดผลักดันแรงงานต่างด้าวออกนอกประเทศ โดยเฉพาะแรงงานที่เข้ามาทำงานถูกต้องตามกฎหมาย รัฐบาลยังคงยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชนและพร้อมดูแลสวัสดิการตามสิทธิที่แรงงานพึงได้รับ
นายกรัฐมนตรีหญิงยังกล่าวถึงกรณีที่ประเทศต้นทางมีมาตรการเรียกแรงงานกลับว่า เป็นสิทธิในการตัดสินใจของแรงงานแต่ละราย ซึ่งต้องอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของรัฐบาลประเทศนั้น ๆ โดยไทยจะไม่เข้าไปก้าวก่าย แต่ยังคงเน้นการเปิดรับและดูแลแรงงานอย่างสมดุล
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เทียบ “ค่าแรงขั้นต่ำ” ไทย VS กัมพูชา เศรษฐกิจใครเจริญกว่ากัน
- กัมพูชาโดนแล้ว! ทรัมป์ จ่อแบนเพิ่ม 36 ประเทศ เดินทางเข้าสหรัฐฯ
- ลีน่าจัง บุกชายแดนกัมพูชา ด่ากราด “ฮุนเซน-ฮุนมาเนต” อย่าโลภมาก
ติดตาม The Thaiger บน Google News: