กต.ไทย แถลงโต้ กัมพูชา ไม่ยอมรับ แผนที่ 1:200,000 ผิดหวังดึงดันขึ้นศาลโลก

กระทรวงการต่างประเทศ แถลงการณ์โต้ กัมพูชา ไม่ได้ยอมรับ แผนที่ 1:200,000 ไม่มีการพูดคุยในที่ประชุมเจรจา ผิดหวังดึงดัน 4 พื้นที่พิพาทขึ้นศาลโลก
กระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์ว่า เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2568 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา มีการจัดประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (Joint Boundary Commission: JBC) ครั้งที่ 6 ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี นับตั้งแต่การประชุมครั้งก่อนเมื่อปี 2555 ที่กรุงเทพฯ ฝ่ายไทยมีนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศด้านเขตแดน เป็นหัวหน้าคณะ ขณะที่ฝ่ายกัมพูชา นำโดยนายลำ เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติ
สาระสำคัญของการประชุมครั้งนี้ เน้นไปที่ความคืบหน้าในประเด็นด้านเทคนิคของการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างกัน โดยมีข้อตกลงร่วมหลายประการ ได้แก่
รับรองผลการประชุมคณะอนุกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชา (JTSC) ครั้งที่ 4 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2567 ณ เมืองเสียมราฐ ทั้งสองฝ่ายตกลงรับรองตำแหน่งของหลักเขตแดนจำนวน 45 หลัก และเห็นชอบให้ใช้เทคโนโลยี LiDAR (การสแกนภูมิประเทศด้วยแสงเลเซอร์) เพื่อจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ เพื่อความรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น
เห็นชอบการปรับปรุงแผนแม่บทฯ (TOR 2003) ที่เคยจัดทำร่วมกันเมื่อปี 2546 เพื่อเปิดทางให้เทคโนโลยี LiDAR เข้ามามีบทบาทในการจัดทำแผนที่
ตกลงจัดส่งชุดสำรวจร่วมลงพื้นที่ ที่ทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันแล้ว โดยเฉพาะบริเวณที่ใช้ลำน้ำหรือเส้นตรงเป็นเขตแดน พร้อมมอบหมายให้คณะ JTSC จัดทำ “ข้อกำหนดทางเทคนิค” (Technical Instruction) ต่อไป
เดินหน้าแก้ปัญหาค้างเก่าตั้งแต่ปี 2554 ด้วยการเห็นชอบให้จัดทำข้อกำหนดทางเทคนิคสำหรับการสำรวจใน “ตอนที่ 6” ซึ่งครอบคลุมพื้นที่จากเขาสัตตะโสม ถึง ช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ เพื่อดำเนินการควบคู่กับการจัดทำภาพถ่ายทางอากาศ เสนอต่อที่ประชุม JBC ในลำดับต่อไป
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการประชุมไม่ได้ราบรื่นในทุกมิติ เมื่อฝ่ายไทยแสดงความผิดหวังต่อท่าทีของกัมพูชา ที่ยังคงเดินหน้าจะนำกรณีพื้นที่พิพาท 4 จุด ได้แก่ ช่องบก, ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย เข้าสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) โดยไม่ใช้กลไกทวิภาคีที่ทั้งสองฝ่ายมีอยู่ร่วมกัน
ฝ่ายไทยยืนยันว่า การดำเนินการทุกอย่างในพื้นที่ดังกล่าวของไทย ล้วนเป็นไปตามหลักการป้องกันตัวอย่างเหมาะสม ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมกันนี้ ไทยยังย้ำว่า ทางออกของปัญหาควรอยู่บนพื้นฐานของ MOU ปี 2543 ซึ่งทั้งสองประเทศเคยเห็นชอบร่วมกัน ไม่ควรดำเนินการใด ๆ ที่เปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่หรือเป็นการรุกล้ำเขตแดน
นอกจากนี้ ฝ่ายไทยยังขอให้ทั้งสองฝ่ายหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสาธารณชน เน้นย้ำถึงความจำเป็นของการใช้กลไกความร่วมมืออื่น ๆ อย่าง GBC, RBC และการประชุมระดับผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่และอำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง-การค้าชายแดน แต่ฝ่ายกัมพูชาปฏิเสธที่จะหารือในประเด็นเหล่านี้
ทั้งนี้ แถลงการณ์ย้ำว่า ที่ประชุม JBC ครั้งนี้ ไม่มีการพูดถึง แผนที่ 1:200,000 ตามที่ฝ่ายกัมพูชาอ้าง และไม่มีการหารือเรื่องที่กัมพูชาจะนำพื้นที่พิพาทเข้าสู่การพิจารณาของ ICJ แต่อย่างใด โดยการประชุมเน้นเฉพาะขั้นตอนที่ 2 ในการสำรวจและจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศเท่านั้น
สำหรับการดำเนินงานต่อไป ฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษในเดือนกันยายน 2568 ซึ่งคาดว่าจะมีการหารือเพิ่มเติมในรายละเอียดทางเทคนิค เพื่อเดินหน้ากระบวนการปักปันเขตแดนตามแผนที่ทุกฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน
ทั้งที่ ท่าทีแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศ เกิดขึ้นหลังจาก ฝ่ายประเทศกัมพูชาชิงออกแถลงการณ์ อ้างว่าในที่ประชุม ไทยยอมรับแผนที่ 1:200,000 ใจความว่า
“ฝ่ายกัมพูชาและไทยจัดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทย ครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2568 ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อหารือและส่งเสริมการกำหนดเขตแดนทางบกระหว่างสองประเทศต่อไป ก่อนการประชุมเต็มคณะของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา
หลังจากการประชุมแบบปิด ทั้งสองฝ่ายหารือกันต่อในการประชุมเต็มคณะของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทย โดยเห็นพ้องที่จะอนุมัติวาระการประชุม 4 หัวข้อดังต่อไปนี้
1. ทบทวนและอนุมัติรายงานการประชุมครั้งที่ 4 ของคณะอนุกรรมการเทคนิคร่วมกัมพูชา-ไทย-กัมพูชา (JTSC) ลงวันที่ 14 กรกฎาคม 2567 ณ เมืองเสียมเรียบ ราชอาณาจักรกัมพูชา
2. ทบทวนและหารือเกี่ยวกับการแก้ไข TOR ปี 2003 เกี่ยวกับการผลิตแผนที่ภาพถ่ายมุมฉาก (ขั้นตอนที่ 2 ในข้อ 4 ของ TOR)
3. หารือและอนุมัติการส่งคณะสำรวจร่วมไปสำรวจและกำหนดแนวเขตบนพื้นดินจริงระหว่างจุดที่ตั้งที่แน่นอนของจุดผ่านแดนที่ตกลงกันไว้ (ส่วนของเส้นเขตแดนตามแนวน้ำและส่วนของเส้นตรง)
4. หารือแนวทางการวัดผลใน Sector 6 (ข้อ IX ของการประชุมครั้งที่ 4 และการประชุมพิเศษของ JBC 2009)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการชายแดนและประธานคณะกรรมการชายแดนร่วมกัมพูชาได้แจ้งต่อคู่เทียบทางรถไฟในการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วมกัมพูชา-ไทย (JBC) ว่าเพื่อให้แน่ใจว่าปัญหาชายแดนของทั้งสองประเทศจะได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างยุติธรรม เท่าเทียม และถาวร ฝ่ายกัมพูชาจึงได้ขอให้ฝ่ายไทยร่วมมือกับกัมพูชาในการนำข้อพิพาทนี้ไปสู่ประชาคมระหว่างประเทศ
ส่วนเขตแดนบริเวณพื้นที่หม่อมเตย วัดตาเมือนธม วัดตาเมือนโตช และวัดท่ากระเป่ย จะถูกโอนไปอยู่ในความดูแลของศาล กระทรวงการต่างประเทศ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) และยืนยันจุดยืนของกัมพูชาในการเริ่มดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างอิสระ แม้ว่าฝ่ายไทยจะปฏิเสธเขตอำนาจศาลของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ก็ตาม
นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังยืนยันต่อฝ่ายไทยต่อไปว่า ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พื้นที่ทั้งสี่แห่งนี้จะไม่เป็นหัวข้อหรือวัตถุในการหารือและการยุติข้อพิพาทภายใต้กรอบของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทย (JBC) อีกต่อไป
ขณะเดียวกัน ฯพณฯ ลัม เจีย กล่าวว่า นอกเหนือจาก 4 ด้านที่อยู่ในการฟ้องร้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) แล้ว ฝ่ายกัมพูชายังคงรักษาจุดยืนและความปรารถนาดีในการให้ความร่วมมือกับฝ่ายไทยอย่างต่อเนื่องในการส่งเสริมการวัดเขตแดนและปักปันเขตแดนโดยใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทย (JBC)
ฯพณฯ ลัม เจีย ยังได้กล่าวถึงนโยบายของรัฐบาลกัมพูชาในการยึดมั่นในสันติภาพและแสวงหาพรมแดนที่สันติ มิตรภาพ และความร่วมมือที่ดีกับฝ่ายไทย โดยยึดถือตามเอกสารกฎหมายและแผนที่ที่ตกลงกันตามที่ระบุไว้ในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2000 ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายตกลงที่จะใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ตามเจตนารมณ์ของอนุสัญญาฝรั่งเศส-สยามปี 1904 และสนธิสัญญาฝรั่งเศส-สยามปี 1907 เพื่อดำเนินการปักปันเขตแดนและงานปักปันเขตแดน ในเรื่องนี้ ฝ่ายกัมพูชาปฏิเสธอย่างเด็ดขาดที่จะยอมรับแผนที่ที่ฝ่ายไทยได้วาดขึ้นโดยฝ่ายเดียวและใช้เป็นข้อมูลอ้างอิง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของข้อพิพาทเรื่องพรมแดนเรื้อรังในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทย (JBC) จัดขึ้นในบรรยากาศที่เป็นมิตรและเข้าใจกัน โดยมีจิตวิญญาณของการสนทนาที่เปิดกว้างและเป็นบวก การประชุมสิ้นสุดลงด้วยการหารืออย่างเต็มรูปแบบเกี่ยวกับวาระการประชุมที่ตกลงกันไว้และการลงนามบันทึกการประชุมอย่างเป็นทางการในวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน 2025 ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะพบกันอีกครั้งในเดือนกันยายน 2025″
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สุดดื้อ กัมพูชา ฟ้องศาลโลก ยึด 4 พื้นที่ข้อพิพาท ลั่นต้องการความเป็นธรรม
- สื่อกัมพูชา โต้กลับ แทค ภรัณยู ปมโพสต์ “ประเทศ…ึงไม่มีอะไรให้แบน”
- สหพันธ์กุนแขมร์ แบนนักชกไทย ในกัมพูชา ห้ามนำเสนอทุกสื่อ มีผลวันนี้
ติดตาม The Thaiger บน Google News: