
ร่วมอาลัย ประวัติ คุณแม่งามทิพย์ ฉัตรบริรักษ์ อายุ 68 ปี แม่ผู้เป็นที่รักของลูกทั้ง 4 บอย ปกรณ์ แจ้งข่าวเศร้า คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว สั่งสอนลูกจนได้ดีทุกคน
ผู้สื่อข่าวบันเทิงไทยเกอร์ รายงานว่า คุณแม่ งามทิพย์ ฉัตรบริรักษ์ เกิดและเติบโตที่จังหวัดอ่างทอง บ้านเกิดที่เปรียบเสมือนบ้านอีกหลังของลูกชายคนโต บอย ปกรณ์
ชื่อเดิมของสามีคือ เลอพงศ์ มหมณีขจร มีลูกชายหัวแก้วหัวแหวน 3 คือ บอย ปกรณ์ หน่อง ธนา และ ภัทร ต่อมาจะรับเด็กหญิงมาอุปการะอีก 1 คน น้องวันใหม่ กลายเป็นสมาชิกคนสุดท้องของครอบครัว
ชีวิตสุดเข้มแข็ง ในวันเสียเสาหลักของบ้าน
คุณแม่งามทิพย์กลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว หลังสามีเสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งตับ ขณะบอย ปกรณ์ยังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 2 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่คุณแม่ก็ทำหน้าที่ทั้งพ่อและแม่ได้เป็นอย่างดี ทุ่มเทชีวิตทั้งหมดเพื่อเลี้ยงดูลูกชายทั้ง 3 คนด้วยตัวคนเดียว จนทุกคนเติบโตมีชีวิตที่ดี
ก่อนที่ลูกชายจะเข้าสู่วงการบันเทิง คุณแม่งามทิพย์รับบทบาทเป็นแม่บ้านและแม่เลี้ยงเดี่ยวผู้เข้มแข็ง ดูแลความเป็นอยู่และการศึกษาของลูกๆ อย่างใกล้ชิด พยายามเลี้ยงดูลูกให้ช่วยเหลือตัวเองได้มากที่สุด ไม่ได้ตามใจจนเคยตัว ยอมตามใจบ้างเป็นบางครั้งเท่านั้น
แนวทางการเลี้ยงดูของแม่ทำให้ลูกๆ มีวินัย ความรับผิดชอบในตัวเองตั้งแต่วัยเด็ก พร้อมกันนั้นก็เน้นปลูกฝังให้ลูกรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา ไม่เห็นแก่ตัว นึกถึงความรู้สึกของผู้อื่นอยู่เสมอ“ลูกแม่ต้องไม่เป็นคนเห็นแก่ตัว… ต้องคิดถึงใจเขาใจเราและแคร์คนรอบข้างเสมอ”
คุณแม่งามทิพย์ให้ความสำคัญกับการศึกษาอย่างมาก ลูกชายต่างได้รับการศึกษาที่ดี สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศทุกคน เป็นความภาคภูมิใจของคนเป็นแม่ ได้แก่
บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ จบปริญญาตรี คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
หน่อง ธนา ฉัตรบริรักษ์ จบปริญญาตรี คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ภัทร ฉัตรบริรักษ์ จบปริญญาตรี คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (เกียรตินิยมอันดับ 1) และปริญญาโท คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
แม่งามทิพย์ ในฐานะคุณแม่พระเอกดัง
เมื่อบอย ปกรณ์เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิง ในฐานะพระเอกเจนใหม่ช่อง 3 เมื่อ 15 ปีก่อน คุณแม่งามทิพย์ก็ยังคงอยู่เคียงข้างสนับสนุน เบื้องหลังรอยยิ้มและความสำเร็จของลูกๆ นั้น คือความเสียสละของแม่ที่ยืนหยัดดูแลลูกด้วยตัวเองมานานกว่า 20 ปี
ในช่วงเริ่มต้นที่บอยเข้าสู่วงการบันเทิง แม่ยอมรับว่าอดเป็นห่วงไม่ได้ กลัวลูกจะเจอคนไม่ดีหรือถูกหลอก แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็เริ่มวางใจ เห็นว่าการทำงานในวงการบันเทิงไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด
หลังจากที่ลูกๆ มีชื่อเสียง คุณแม่งามทิพย์ก็ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการส่วนตัว คอยดูแลงานในวงการให้กับลูกๆ อย่างใกล้ชิด มีรับงานในวงการร่วมกับลูกบ้าง ภาพที่แฟนคลับชินตาคือ ครอบครัวที่รักใคร่กลมเกลียว เต็มไปด้วยความอบอุ่น
คนในวงการและแฟนคลับมักเรียกอย่างเอ็นดูว่า “แม่โมโม่” ซึ่งมาจากชื่ออินสตาแกรมของคุณแม่ (momomama1234)
คุณแม่ผู้เป็นที่รักของลูกๆ ทั้ง 4
ปี พ.ศ. 2556 คุณแม่งามทิพย์ได้ตัดสินใจรับ น้องวันใหม่ มาอุปการะเป็นบุตรบุญธรรม ทำให้ครอบครัวฉัตรบริรักษ์มีสีสัน ความอบอุ่นมากยิ่งขึ้น น้องวันใหม่เติบโตขึ้นมาท่ามกลางความรักของพี่ชายทั้ง 3 ได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดีของคุณแม่ กลายเป็นขวัญใจของทั้งคนในครอบครัวและแฟนๆ
ความสัมพันธ์ในครอบครัวฉัตรบริรักษ์เป็นไปอย่างแน่นแฟ้น สมาชิกทุกคนสนิทสนมดูแลกันเป็นอย่างดี เห็นได้จากการที่คุณแม่งามทิพย์มักติดตามลูกชายไปร่วมงานต่างๆ ตามโอกาส จนได้รับรางวัล “ครอบครัวแห่งปี” จากงานไนน์เอ็นเตอร์เทน อวอร์ดส์ 2014
ในปี 2557 ครอบครัวฉัตรบริรักษ์ยังได้รับเกียรติเมื่อคุณแม่งามทิพย์คว้ารางวัล “แม่ดีเด่นแห่งชาติ” สาขาแม่ของผู้ทำประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ ในโอกาสวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2557 อีกด้วย
ชีวิตลูกทุกคนได้ดีเพราะคุณแม่งามทิพย์
คุณแม่งามทิพย์ได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดคุณแม่ที่เลี้ยงดูลูกๆ ได้ดีเยี่ยม จนหลายคนสงสัยว่าเธอมีเคล็ดลับอย่างไรในการทำให้ลูกๆ เป็นเด็กดี ประสบความสำเร็จทุกคน สิ่งสำคัญที่คุณแม่ยึดมั่นคือ การปลูกฝังวินัย ความรับผิดชอบ ควบคู่กับ ความรักและการสื่อสารในครอบครัว
แม่งามทิพย์พยายามเลี้ยงลูกให้สามารถพึ่งพาตนเอง ทำสิ่งต่างๆ ได้ด้วยตัวเองตั้งแต่ยังเล็ก ไม่ตามใจจนเกินไป เพื่อให้ลูกรู้จักความพยายามและคุณค่าของความสำเร็จของตนเอง
วางข้อตกลงเพื่อสร้างวินัย ใช้วิธีตั้งเงื่อนไขที่สร้างแรงจูงใจให้ลูก เช่น เคยตกลงกับบอย ปกรณ์ว่า “ถ้าสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ แม่จะให้อิสระมากขึ้น” ซึ่งเมื่อบอยทำได้จริง แม่ก็อนุญาตให้เขาเลือกทำสิ่งที่รัก เช่น การทำงานในวงการบันเทิง ได้อย่างเต็มที่ เป็นการให้รางวัลเมื่อเขาทำตามเป้าหมายด้านการเรียนสำเร็จ
ในฐานะที่บอย ปกรณ์เป็นพี่ชายคนโต แม่มักกำชับบอยเสมอว่าเขาต้องทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีให้น้องๆ หากเขาปฏิบัติตามข้อตกลงและวินัยที่ตั้งไว้ น้องคนอื่นๆ ก็จะเอาอย่างตาม ช่วยสร้างความเป็นผู้นำและความรับผิดชอบในหมู่พี่น้อง
ครอบครัวนี้มีการพูดคุยเปิดอกกันทุกเรื่อง คุณแม่งามทิพย์ฝึกให้ลูกๆ มีอิสระในการคิดและตัดสินใจ ด้วยตัวเองตั้งแต่วัยเด็ก แต่ทั้งนี้ต้องอยู่บนพื้นฐานที่ว่า “เสรีภาพของตนต้องไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น” เป็นข้อตกลงร่วมกันภายในบ้านที่ทุกคนยอมรับและปฏิบัติตาม
แม้บางครั้งลูกๆ อาจมองว่าแม่จริงจังและดุ แต่แม่งามทิพย์ย้ำว่าตนมีเหตุผลในทุกการอบรมสั่งสอน เมื่อลูกโตพอจะอธิบายเหตุผลให้ฟังได้ แม่ก็จะพูดคุยชี้แจงจนลูกเข้าใจ
หลักในการเลี้ยงดูของแม่งามทิพย์คือให้รู้จักคำว่า “ได้” และ “ไม่ได้” ตั้งแต่ยังเด็ก เพื่อเรียนรู้ทั้งความสมหวังและความผิดหวัง โดยไม่ตามใจลูกทุกอย่างและไม่ยอมแพ้เมื่อลูกร้องไห้เรียกร้องสิ่งที่ไม่เหมาะสม ทั้งนี้แม่งามทิพย์เคยยอมรับว่าอาจมีลงโทษลูกบ้างเป็นบางครั้ง เช่น การตีเบาๆ เตือนสติเมื่อดื้อไม่ฟัง แต่จะบอกเหตุผลทุกครั้งที่ต้องลงโทษ เพื่อให้ลูกรู้สำนึกและเข้าใจว่าทำผิดเรื่องใด ซึ่งวิธีนี้ได้ผลสำหรับลูกๆ ของเธอ
สิ่งที่แม่งามทิพย์เน้นย้ำมาตลอดคือการไม่เห็นแก่ตัว ไม่เอาตนเองเป็นศูนย์กลาง แต่ให้คำนึงถึงผู้อื่น รอบคอบเรื่องคำพูดไม่ให้กระทบจิตใจผู้อื่น
นอกจากนี้แม่ยังสอนให้ลูกๆ “ทำดีกับพ่อแม่ให้มากๆ” เพราะเชื่อมั่นว่าหากลูกมีความรักและความกตัญญูต่อพ่อแม่อย่างแท้จริง ชีวิตลูกจะพบเจอแต่ความเจริญรุ่งเรือง
ด้วยแนวทางการเลี้ยงดูดังกล่าว ทำให้ลูกชายทั้งสามของคุณแม่งามทิพย์เติบโตมาเป็นบุคคลที่ทั้งมีวินัย สุภาพ และไม่ลืมบุญคุณผู้มีพระคุณ จนได้รับคำชื่นชมจากคนรอบข้างอยู่เสมอ ซึ่งคำชมเหล่านี้เองที่แม่งามทิพย์ถือเป็นกำลังใจและรางวัลอันล้ำค่าสำหรับเธอในฐานะแม่คนหนึ่ง
วันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2568 วงการบันเทิงไทยได้รับข่าวเศร้าสะเทือนใจ บอย ปกรณ์ได้แจ้งข่าวการสูญเสียครั้งใหญ่ของครอบครัว คุณแม่งามทิพย์ ฉัตรบริรักษ์ได้จากไปอย่างสงบในวัย 68 ปี ท่ามกลางความอาลัยของคนในวงการและแฟนคลับจำนวนมาก
การจากไปของคุณแม่งามทิพย์ ถือเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของครอบครัวฉัตรบริรักษ์ แต่ทว่าความรัก ความอบอุ่น และความเข้มแข็งที่เธอได้มอบให้ลูกๆ และผู้คนรอบข้างตลอดชีวิตของเธอ จะยังคงอยู่ในความทรงจำและหัวใจของทุกคนตลอดไป
ทีมมข่าวไทยเกอร์ขอแสดงความเสียใจมา ณ โอกาสนี้



ติดตาม The Thaiger บน Google News: