ข่าวต่างประเทศ

ไขปริศนา เนินเขาริมฝีปาก ความงามลึกลับกลางทะเลทราย

ไขปริศนา เนินเขาริมฝีปาก ไวรัลจาก Google Earth เผยภูมิประเทศสุดแปลกตา นักธรณีวิทยาชี้อาจเกิดจากแนวหิน ‘ไดก์’ ที่ทนทานต่อการกัดเซาะ แต่ยังคงเป็นปริศนาที่รอการพิสูจน์

เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Sin Chew เผยถึงกระแสไวรัลที่ปะทุขึ้นบนโลกออนไลน์อีกครั้ง เมื่อภาพถ่ายจาก Google Earth เผยให้เห็นเนินเขาสุดแปลกตาในซูดาน ด้วยรูปลักษณ์ที่คล้ายริมฝีปากขนาดมหึมา กลายเป็นที่สนใจอย่างแพร่หลายจนถูกเรียกว่า ริมฝึปากที่ถูกปิดกั้น (Landlocked Lips)

จากข้อมูลของ LIVESCIENCE เผยว่าภาพเนินเขาประหลาดนี้ เป็นภาพถ่ายจาก Google Earth ที่ถูกบันทึกไว้ครั้งแรกในปี 2012 ซึ่งเผยให้เห็นภูมิประเทศสุดแปลกตาในซูดาน ด้วยรูปทรงอันน่าทึ่งของสันเขาสองฝั่งที่โค้งเข้าหากันอย่างสมมาตร ทำให้เกิดภาพที่ทำให้นึกถึงริมฝีปากที่กำลังเผยอออกเล็กน้อย ความแห้งแล้งจากภัยแล้ง ทำให้สันเขาดังกล่าวมีสีชมพูจาง ๆ โดดเด่นขึ้นมาอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ในภาพถ่ายปัจจุบัน พื้นที่นั้นกลับเปลี่ยนเป็นสีเขียวชอุ่มไปแล้ว สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติอยู่ตลอดเวลา

ไขปริศนา เนินเขาริมฝีปาก ความงามลึกลับกลางทะเลทราย
ภาพจาก: LIVESCIENCE

ผู้ใช้งานบนแผนที่ Google Maps จึงได้ตั้งชื่อเล่นให้กับสันเขานี้ว่า Landlocked Lips หรือ ริมฝึปากที่ถูกปิดกั้น ชื่อที่โดดเด่นและสะท้อนถึงความแปลกประหลาดของภูมิประเทศ

ปริศนาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความสวยงาม

เบื้องหลังความงามอันน่าทึ่งนี้ มีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจซ่อนอยู่ จากการวิเคราะห์ของ จอช โรริง (Josh Roering) นักธรณีสัณฐานวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านพลวัตทางภูมิศาสตร์ มหาวิทยาลัยออริกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเขาเผยว่า ปรากฏการณ์นี้เกิดจากโครงสร้างหินที่เรียกว่า ไดก์ (Dike)

ไขปริศนา เนินเขาริมฝีปาก ความงามลึกลับกลางทะเลทราย
ภาพจาก: Wikipedia

ไดก์ คือ แนวหินแข็งที่ทนทานต่อการกัดเซาะสูง พาดผ่านใจกลางของเนินเขา เมื่อเวลาผ่านไปนับล้านปี ลมและฝนได้กัดเซาะหินที่อ่อนนุ่มกว่าบริเวณด้านข้างให้ค่อย ๆ พังทลายและลาดลงไป คงเหลือไว้เพียงแนวหินแข็งตรงกลางที่ยังคงนูนเด่นเป็นสันเขา ก่อเกิดเป็นรูปทรงคล้ายริมฝีปากบนและล่างในที่สุด

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญย้ำว่านี่เป็นเพียงสมมติฐานจากการวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศเท่านั้น การที่จะยืนยันสาเหตุที่แท้จริงได้นั้น จำเป็นต้องมีการลงพื้นที่สำรวจและศึกษาชั้นหินโดยตรง ซึ่งยังไม่เคยเกิดขึ้น ซึ่งการสำรวจภาคสนามจะช่วยให้เข้าใจกลไกการก่อตัวและวิวัฒนาการของภูมิประเทศอย่างละเอียดยิ่งขึ้น

ที่มา: Sin Chew, LIVESCIENCE

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

0 0 โหวต
Article Rating
สมัครรับข้อมูล
แจ้งเตือนเกี่ยวกับ
0 Comments
เก่าแก่ที่สุด
ใหม่ล่าสุด ถูกโหวตมากที่สุด
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button
0
เราอยากทราบความคิดเห็นของคุณ โปรดแสดงความคิดเห็นx