พีระพันธุ์ แก้เกม จ่อขับสุชาติ แรมโบ้อีสาน ลั่นทวง พรรค รทสช.

แรมโบ้อีสาน เปิดศึก ประกาศกร้าวผ่านคลิป ทวงคืนพรรค “รวมไทยสร้างชาติ” จากอก “พีระพันธุ์”! จี้ลาออกหัวหน้าพรรคทันที อ้างบริหารห่วยแตก ทำพรรคตกต่ำ-แตกแยก
ศึกภายในพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ปะทุเดือดระลอกใหม่ เมื่อ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งพรรค ได้ออกมาประกาศกร้าวผ่านคลิปวิดีโอและข้อความข่าวที่เผยแพร่ด้วยตนเอง ขอทวงคืนพรรครวมไทยสร้างชาติกลับมาบริหารจัดการเอง พร้อมทั้งจี้ให้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค โดยอ้างเหตุผลว่า นายพีระพันธุ์ บริหารพรรคอย่างไร้ประสิทธิภาพ สร้างความแตกแยก และทำให้พรรคตกต่ำลงกว่าเดิม
แรมโบ้อีสาน กล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันว่า ตนในฐานะผู้ก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อเห็น นายพีระพันธุ์ เข้ามาบริหารพรรคแล้วกลับทำให้เกิดปัญหาความแตกแยกภายใน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ในพรรคต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าขาดความอบอุ่น หัวหน้าพรรคเข้าถึงยาก มีความคิดเป็นใหญ่ ไม่ค่อยรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น เอาแต่พวกพ้องของตนเอง จึงจำเป็นต้องออกมาทวงพรรคคืน เพราะตนเพียงให้ยืมพรรคไปบริหาร ไม่ได้ขายขาดให้ และเมื่อบริหารได้ไม่ดี ทำให้พรรคมีแต่จะตกต่ำลง สร้างความแตกแยกมาโดยตลอด ก็สมควรที่จะให้คนอื่นที่เหมาะสมกว่านี้เข้ามาทำหน้าที่หัวหน้าพรรคแทน
นายเสกสกล ยังได้กล่าวถึงกรณีที่ นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ได้เคยไปยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เกี่ยวกับพฤติกรรมของ นายพีระพันธุ์ ซึ่งข้อมูลที่นายสนธิญานำไปร้องเรียนนั้นค่อนข้างน่าเชื่อถือ แต่ นายพีระพันธุ์ กลับไม่เคยออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงให้สังคมได้รับทราบแต่อย่างใด
นอกจากนี้ แรมโบ้อีสาน ยังได้กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่ม สส.พรรครวมไทยสร้างชาติประมาณ 20 คน ที่นำโดย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรองหัวหน้าพรรค ซึ่งไปร่วมรับประทานอาหารและหารือกันก่อนหน้านี้
โดยมีกระแสข่าวว่าจะย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองตั้งใหม่ชื่อ พรรคโอกาสใหม่ นายเสกสกลระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความไม่สบายใจและวิตกกังวลให้ตนเป็นอย่างมาก จึงจำเป็นต้องออกมาเคลียร์ให้ชัดเจนถึงจุดยืนของตนเองในการทวงคืนพรรคครั้งนี้ การประกาศศึกของแรมโบ้อีสานครั้งนี้ ย่อมสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อเสถียรภาพภายในพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเป็นที่น่าจับตามองว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค จะออกมาตอบโต้หรือชี้แจงต่อข้อกล่าวหาเหล่านี้อย่างไร
จากนั้นไม่นาน มีรายงานข่าวจาก มติชน ว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รัฐมนตรีพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้จัดการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรครวมไทยสร้างชาติ พ.ศ. 2563 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยการแก้ไขนี้ทำมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 และ มีผลบังคับใช้พร้อมประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมาสด ๆ ร้อน ๆ
การแก้ข้อบังคับครั้งนี้ ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่การ “ยกเลิกความในข้อ 53 เดิม” และ “ให้ใช้ข้อความใหม่แทน” ซึ่งเนื้อหาที่เพิ่มเข้ามานั้นเข้มข้นดุเดือด จนหลายฝ่ายมองว่าเป็นการ “ลับดาบ” เตรียมจัดการกับความเคลื่อนไหวภายในพรรค โดยเฉพาะข้อความที่ระบุว่า สมาชิกภาพของสมาชิกพรรคจะสิ้นสุดลงทันที หาก
5) คณะกรรมการบริหารพรรคมีมติให้พ้นสมาชิกภาพ เพราะทำผิดวินัยหรือมาตรฐานจริยธรรมจรรยาบรรณอย่างร้ายแรง, ไม่ทำตามหน้าที่และความรับผิดชอบต่อพรรค (ตามข้อ 55), ทำผิดกฎหมายร้ายแรง หรือมีเหตุร้ายแรงอื่น ๆ
6) ห้ามเด็ดขาด หากไปฝักใฝ่พรรคการเมืองอื่น หรือสนับสนุนผู้สมัครในตำแหน่งการเมืองใดๆ ที่ไม่ใช่คนของพรรคตัวเอง
7) ห้ามเด็ดขาด หากกระทำการใดๆ ที่ทำให้เกิดความแตกแยก หรือความเป็นเอกภาพในพรรค หรือการบริหารพรรค รวมถึงการสนับสนุนหรือส่งเสริมการกระทำเหล่านั้น
งานนี้หลายคนมองว่าเป้าหมายหลักของข้อบังคับใหม่ที่ “พีระพันธุ์” เพิ่งชักออกมาใช้นี้ อาจจะพุ่งเป้าไปที่การ “ดัดหลัง” หรือ “ล้างบาง” สส. ในพรรคบางกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มของ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะ สส. บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวหนาหูว่าได้ยกก๊วน สส. ในสังกัด รทสช. ไปเจรจาเตรียมซบ “พรรคโอกาสใหม่”
ดังนั้น หาก “นายพีระพันธุ์” ในฐานะหัวหน้าพรรค เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อบังคับใช้บทลงโทษตามข้อบังคับใหม่นี้เมื่อไหร่ ก็มีความเป็นไปได้สูงมากว่า “นายสุชาติ ชมกลิ่น” อาจจะเป็นรายแรกๆ ที่โดน “ใบแดง” สมาชิกภาพความเป็น สส. และสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติอาจสิ้นสุดลงทันที
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ไทยสั่งปิด 6 ด่าน-10 จุดผ่อนปรน ชายแดนกัมพูชา หลังเหตุปะทะ-ปลุกกระแสแบนของไทย
- โลกปั่นป่วน พายุแม่เหล็กโลก G4 ถล่มหนัก แต่ไทยรอด อ.เจษฎ์ ยันเอง
- หวั่นซ้ำรอย! แผ่นดินไหว 4.5 เขย่าเชียงใหม่ ลึกแค่ 1 กม. แรงสั่นรู้สึกได้ชัดเจน
ติดตาม The Thaiger บน Google News: