แฉ “คุกลับหญิง” ซาอุฯ คลิปหดหู่ รุมซ้อมเด็กสาว พ่อแม่ส่งไปขัง ข้อหาไม่เชื่อฟัง ไม่ยอมให้พ่อ-พี่ข่มขืน

Aindravudhเผยแพร่: 30 พ.ค. 2568 12:30 น.| อัปเดต: 30 พ.ค. 2568 10:09 น.

251

แฉ “คุกลับหญิง” ซาอุฯ คลิปหดหู่ รุมซ้อมเด็กสาว พ่อแม่ส่งไปขัง ข้อหาไม่เชื่อฟัง ไม่ยอมให้พ่อ-พี่ข่มขืน หลายคนทนไม่ไหวฆ่าตัวตาย

เว็บไซต์ข่าว MailOnline เผยแพร่คลิปวิดีโอสุดสะเทือนใจ เจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายรักษาความปลอดภัยของซาอุดีอาระเบีย เข้ารุมทำร้ายหญิงสาวหลายรายในสถานที่ลับแห่งหนึ่ง อ้างว่าเป็น “บ้านพักสงเคราะห์หญิงสาว” ในเมือง คามีส มุชอัยร์ จังหวัดอาซีร์ แต่แท้จริงคือสถานที่กักขังผู้หญิงที่ครอบครัวส่งมาเพื่อลงโทษในข้อหาไม่เชื่อฟัง

ในคลิปวิดีโอ ผู้หญิงในฐานะนักโทษ รวมตัวกันประท้วงอย่างสงบเรื่องสภาพความเป็นอยู่ในสถานที่ถูกเรียกว่า “ศูนย์การศึกษาเพื่อสังคมสำหรับเด็กหญิง” กลับถูกเจ้าหน้าที่บุกเข้ามาลากตัว บางคนถูกตีด้วยไม้และเข็มขัด ถูกกระชากผม ลากตัวไปกับพื้น ขณะที่บางรายนอนแน่นิ่งกับพื้นแล้วก็ยังถูกซ้อมซ้ำ

แม้คลิปนี้จะเผยแพร่ครั้งแรกในปี 2022 สร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงในกลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนในซาอุฯ แต่เพิ่งถูกนำกลับมาเผยแพร่อีกครั้ง หลังมีอดีตผู้ต้องขังหลายรายกล้าเปิดเผยประสบการณ์ในสถานที่เหล่านี้ที่รู้จักกันในชื่อ “ดาร์ อัล-เรอายา” (Dar al-Re’aya)

ดร.มาริยัม อัลดอสซารี นักวิชาการชาวซาอุฯ จากมหาวิทยาลัยรอยัลฮอลโลเวย์ กรุงลอนดอน ให้สัมภาษณ์กับ MailOnline ว่า แม้รัฐบาลซาอุฯ จะอ้างว่าได้ปฏิรูปกฎหมายสิทธิสตรีหลายอย่างในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่สถานที่ลักษณะนี้ก็ยังมีอยู่ ผู้หญิงที่ถูกส่งเข้าไปจะไม่สามารถออกมาได้ เว้นแต่ได้รับ “อนุญาต” จากผู้ปกครองเพศชายของตน

“พวกเธอถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง มีกล้องวงจรปิดทุกมุม หากใครถูกมองว่าประพฤติตัวไม่เหมาะสม ก็จะถูกส่งเข้าไปอยู่ในห้องขังแยก” ดร.อัลดอสซารีกล่าว

เธอยังเล่าว่า บางคนถูกบังคับให้ยืนเป็นเวลาหลายชั่วโมงเพื่อเป็นการลงโทษ, ถูกขังลืม, ถูกบังคับให้กินอาหารที่อาเจียนออกมา บางรายถึงขั้นฆ่าตัวตาย เช่น กรณีในปี 2015 หญิงคนหนึ่งผูกคอตายในห้องขัง พร้อมทิ้งจดหมายไว้ว่า “ฉันเลือกตายเพื่อหนีจากนรก”

ดร.อัลดอสซารีกล่าวว่า กฎหมายที่มีอยู่ในประเทศ “ไร้เหตุผลและโหดร้าย” หากสามีหรือพ่อไม่สามารถรับตัวผู้หญิงกลับได้ บางกรณีลูกชายก็จะได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ปกครองแทนแม่ของตนเอง

ที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นคือ มีกรณีที่ผู้หญิงถูกส่งไปยัง “ดาร์ อัล-เรอายา” เพราะปฏิเสธการล่วงละเมิดทางเพศในครอบครัว หรือไม่ยินยอม “หลับนอน” กับผู้ชายในครอบครัวตัวเอง พวกเธอถูกลงโทษฐาน “ดื้อดึง” ถูกตี ถูกขังเดี่ยว จนกว่าจะยอมคืนดีกับผู้ล่วงละเมิด

ซาราห์ อัล-ยะฮียา นักเคลื่อนไหวที่เรียกร้องให้ยกเลิกสถานที่เหล่านี้ เผยกับสื่อ The Guardian ว่า พ่อของเธอเคยขู่จะส่งเธอไป “บ้านพักหญิง” ถ้าเธอไม่ยอมทำตามการล่วงละเมิดทางเพศ

“ถ้าคุณถูกพ่อหรือน้องชายข่มขืน หรือท้องจากพวกเขา คุณนั่นแหละจะถูกส่งไปดาร์ อัล-เรอายา เพื่อปกป้องชื่อเสียงของครอบครัว” ซาราห์กล่าว

เธออธิบายว่า ผู้หญิงต้องเลือกระหว่างการทนอยู่ในบ้านที่เต็มไปด้วยการล่วงละเมิด กับสถานที่กักกันที่โหดร้าย หากวันหนึ่งออกมาได้ ก็มีความเสี่ยงจะถูกฆ่าจากคนในครอบครัวด้วยข้อหา “ทำให้เสียชื่อ”

“หากคุณถูกล่วงละเมิดทางเพศหรือตั้งครรภ์โดยพี่ชายหรือพ่อของคุณ คุณคือคนที่ถูกส่งไปที่ดาร์ อัล-เรยะห์ เพื่อปกป้องชื่อเสียงของครอบครัว ผู้หญิงอาจต้องเลือกระหว่างการทนทุกข์กับการทารุณกรรมที่บ้านกับสภาพที่โหดร้ายภายในค่ายกักกัน บางคนถูกรายงานว่าถูกญาติที่ทารุณกรรมฆ่าตายในเวลาอันสั้นหลังจากถูกปล่อยตัว”

แม้รัฐบาลซาอุฯ จะยืนยันว่าบ้านพักหญิไม่ใช่สถานกักกัน ผู้หญิงสามารถออกไปเรียนหรือทำงานได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจากผู้ปกครองเพศชาย แต่ผู้รอดชีวิตและนักเคลื่อนไหวต่างออกมาปฏิเสธคำกล่าวอ้างนี้อย่างสิ้นเชิง

“มันไม่ใช่บ้านพัก แต่มันคือคุก และเป็นเครื่องมือของรัฐซาอุฯ ที่ใช้ควบคุมผู้หญิง” ดร.อัลดอสซารีกล่าวทิ้งท้าย

ทั้งนี้ “ดาร์ อัล-เรอายา” ก่อตั้งมาตั้งแต่ทศวรรษ 1960 โดยอ้างว่าเป็นสถานฟื้นฟูผู้หญิงที่กระทำผิดกฎหมาย แต่ปัจจุบันถูกใช้เป็นสถานที่กักขังผู้หญิงและเด็กสาวอายุระหว่าง 7-30 ปี โดยไม่มีการตั้งข้อหาหรือการไต่สวนอย่างเป็นทางการ ผู้หญิงที่ถูกส่งมาอาจเป็นเพียงแค่ “ไม่เชื่อฟัง” หรือมีพฤติกรรมไม่ตรงตามค่านิยมของครอบครัวหรือรัฐเท่านั้น

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

ติดตามบน Google News