นายก ส.แท็กซี่ อ้างไม่รับผู้โดยสาร เพราะไม่คุ้ม มีสิทธิ์เลือก

Thosapolเผยแพร่: 27 พ.ค. 2568 13:42 น.| อัปเดต: 27 พ.ค. 2568 13:42 น.

160

นายกแท็กซี่ลั่น “เรานักธุรกิจ-ปัดลูกค้าได้” ทนายเกิดผล สวนเดือด ผิดกฎหมายชัด ๆ หลังขู่ปิดสุวรรณภูมิ ถ้า Grab ยังอยู่ ศึกแท็กซี่-แอปฯ ป่วนไม่เลิก ปมขัดแย้งเรื้อรัง ใครแก้?

ประเด็นร้อนแท็กซี่สาธารณะขอให้รัฐบาลยกเลิกแอปเรียกรถยังคงระอุ ล่าสุด นายวรพล แกมขุนทด นายกสมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่ จุดไฟให้ดราม่าลุกโชนอีกครั้ง เมื่อออกมาให้ทัศนะสุดปัง (หรือพัง?) ว่า อาชีพคนขับแท็กซี่ก็เหมือนนักธุรกิจ ย่อมมีสิทธิ์เลือกลูกค้า หากดูแล้วไม่คุ้มค่าบริการ

ทนายเกิดผล แก้วเกิด ไม่ปล่อยให้ลอยนวล ออกมาตอกกลับความคิดเห็นของนายกสมาคมแท็กซี่แบบทันควัน โดยชี้แจงข้อกฎหมายให้ฟังชัด ๆ ว่า “การปฎิเสธผู้โดยสาร การทอดทิ้งผู้โดยสาร การพาผู้โดยสารอ้อม ผิดกฎหมายทั้วนั้น เป็นถึงนายกฯ ไม่รู้ดรื่องเลยเหรอครับ”

ทนายเกิดผล ยืนยัน ปฏิเสธผู้โดยสาร ผิดกฎหมาย — ทนายเกิดผล แก้วเกิด

ทนายเกิดผลยังตั้งคำถามแรง ๆ ไปยังนายวรพลด้วยว่า ในฐานะที่เป็นถึงนายกสมาคมฯ เหตุใดถึงไม่ทราบข้อกฎหมายพื้นฐานเหล่านี้? เท่านั้นไม่พอ ทนายคนดังยังโพสต์ข้อความเหน็บแนมตามมาอีกว่า “คำพูดของนายกสมาคมแท็กซี่ฟังดูเหมือนจะหลักแหลม แต่การนิ่งเงียบอาจจะทำให้ดูฉลาดกว่านี้เยอะ!”

ทนายเกิดผลแซะ นายกฯแท็กซี่ — ทนายเกิดผล แก้วเกิด

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 20 และ 21 พฤษภาคม ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ขับขี่รถแท็กซี่ พร้อมรถแท็กซี่กว่า 50 คัน ได้รวมตัวกันไปปักหลักชุมนุมกันที่หน้าประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล (ตรงข้ามกระทรวงศึกษาธิการ) เพื่อยื่นข้อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร และ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม ให้รีบดำเนินการแก้ไขปัญหาสร้างความเป็นธรรมให้พี่น้องแท็กซี่ โดยข้อเรียกร้องหลักคือ

ขอให้ยกเลิกกฎกระทรวงสองฉบับ ได้แก่ กฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างฯ พ.ศ.2560 และกฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2564 โดยอ้างว่ากฎหมายทั้งสองฉบับนี้มันเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มนายทุนและผู้ให้บริการแอปเรียกรถอย่าง Grab มากเกินไป

นายวรพลให้เหตุผลในการชุมนุมครั้งนั้นว่า การที่รัฐบาลไฟเขียวให้ Grab ไปตั้งจุดรับ-ส่งผู้โดยสารภายในสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้แท็กซี่มิเตอร์เสียเปรียบอย่างหนัก เพราะจำนวนรถในระบบแอปฯ มันเยอะกว่า ทั้งยังมองว่ารัฐบาลกำลังทำลายระบบรถรับจ้างสาธารณะด้วยโครงการซอฟต์พาวเวอร์ที่เปิดให้มีการค้าเสรีและการใช้แอปพลิเคชันอย่างเสรี

นายวรพลถึงกับกล่าวหาแรงว่า หากรัฐบาลเลือก Grab ซึ่งไม่ใช่บริษัทของคนไทย ก็ถือเป็นการขายชาติ พร้อมขู่ทิ้งท้ายว่า หากการเจรจาไม่เป็นผล จะยกระดับการชุมนุมถึงขั้นปิดทางเข้า-ออกสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อสร้างความวุ่นวายกดดันรัฐบาลกันเลยทีเดียว ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มแท็กซี่ดั้งเดิมและผู้ให้บริการผ่านแอปฯ ยังคงเป็นมหากาพย์ที่รอการแก้ไขอย่างจริงจังจากภาครัฐต่อไป

แท็กซี่ ปฏิเสธผู้โดยสาร แบบนี้ผิดกฎหมายไหม?

เรื่องปวดหัวของคนใช้รถสาธารณะ เคยไหมโบกแท็กซี่แล้วไม่ไป หรือโดนทิ้งกลางทาง หรือเจอขับอ้อมซะไกล? รู้ไว้เลยนะ กฎหมายไทยมีไว้คุ้มครองเราอยู่ คนขับรถสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นแท็กซี่ หรือรถโดยสารอื่น ๆ มีหน้าที่ต้องให้บริการผู้โดยสารที่เรียกใช้ จะมาปฏิเสธดื้อ ๆ ไม่ได้ ยกเว้นแต่ว่าจะมีเหตุอันตรายจริง ๆ เช่น ผู้โดยสารเมาอาละวาด หรือจะพาไปในที่เปลี่ยวเสี่ยงภัย แบบนั้นถึงจะพออ้างได้ แต่ถ้าไม่มีเหตุผลสมควรแล้วทำผิด โดนปรับแน่ ตาม พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 และ ประกาศของกรมการขนส่งทางบก

1. ปฏิเสธผู้โดยสารแบบไม่มีเหตุผล: ผิดเต็มประตู

แท็กซี่หรือรถสาธารณะอื่นๆ ห้ามปฏิเสธผู้โดยสาร ที่เรียกใช้บริการระหว่างที่รถเปิดไฟ “ว่าง” หรือกำลังวิ่งรับงานอยู่ (ตามมาตรา 57 จัตวา) ข้อยกเว้นเดียวคือ หากดูแล้วอาจเกิดอันตรายต่อตัวคนขับหรือผู้โดยสารคนอื่นจริง ๆ ถ้าฝ่าฝืนเจอ ปรับไม่เกิน 2,000 บาท จำไว้เลย

2. ทอดทิ้งผู้โดยสารกลางทาง แบบนี้ก็ผิด

ตาม พ.ร.บ.การขนส่งทางบกฯ (มาตรา 104 ประกอบมาตรา 127) ห้ามคนขับนำผู้โดยสารลงกลางทางก่อนถึงที่หมายปลายทาง ที่ตกลงกันไว้เด็ดขาด ถ้าฝ่าฝืน ปรับไม่เกิน 5,000 บาท จุก ๆ กันไป

3. พาผู้โดยสารอ้อมทาง กะโก่งมิเตอร์ เข้าข่ายฉ้อโกงนะ

ถ้าคนขับมีเจตนา ขับรถอ้อมเกินความจำเป็นเพื่อจะเรียกเก็บค่าโดยสารเกินจริง หรือทำให้เราเสียเวลา เสียหาย ถือว่ามีความผิด อาจจะผิดฐาน “ฉ้อโกง” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 หรือผิด พ.ร.บ.จราจรทางบก ฐานเรียกเก็บค่าโดยสารเกินอัตราที่กำหนด นอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว เรายังสามารถ เรียกร้องค่าเสียหายในทางแพ่ง ได้อีกด้วยนะ