ทนายดัง วิเคราะห์ BMW ปาดหน้ากระบะ ใครผิดกันแน่ เข้าข่ายพยายามฆ่า
นักกฎหมาย วิเคราะห์ BMW ปาดหน้ากระบะ ประมาทร่วมหรือไม่ นายกเบี้ยว อ้างปกติลูกไม่เป็นแบบนี้ พีชยอมรับ ตกใจมาก เลยหนีไปบ้านเพื่อน

จากกรณีดราม่า พีช สมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ ขับรถยนต์ BMW ป้ายแดง ขับเบียดรถกระบะตาขาย จนเสียหลักชนขอบทาง คนขับ BMW อ้างว่าถูกรถกระบะขับปาดหน้าก่อนนั้น
ทนายอานนท์ เชื้อสัตตบงกช ได้ออกมาวิเคราะห์ในมุมมองของกฎหมายจราจรทางบก อ้างอิงจากคลิปวิดีโอเหตุการณ์ช่วงก่อนหน้า ซึ่งเกิดขึ้นบริเวณทางรวมเลนหลังด่านเก็บค่าผ่านทาง ชี้ให้เห็นว่า สภาพถนน ณ จุดเกิดเหตุมีการบีบช่องจราจรจาก 3 เลน เหลือเพียง 2 เลน
รถ BMW ขับอยู่เลนในสุดติดแบริเออร์ เมื่อถึงช่วงทางรวม รถกระบะและรถ BMW ซึ่งมาจากช่องทางต่างกัน ได้พยายามเข้าสู่ช่องทางเดินรถที่แคบลงในเวลาใกล้เคียงกัน ทำให้รถ BMW ต้องหักหลบเพื่อหลีกเลี่ยงการชนท้ายรถกระบะ แล้วไปเฉี่ยวชนกับขอบทางเสียหายเล็กน้อย ก่อนจะนำไปสู่การขับตามและเบียดกันในภายหลัง
การวิเคราะห์ตามข้อกฎหมาย ช่วงทางรวมเลน ตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 หากพิจารณาว่ารถกระบะเปลี่ยนช่องทางเดินรถเข้ามาอย่างกะทันหัน โดยไม่ให้สัญญาณไฟเลี้ยวล่วงหน้าอย่างน้อย 30 เมตร ตามกฎหมายแล้ว รถกระบะอาจถือว่ามีความผิด
กรณีมองว่าเป็นทางร่วมทางแยก เนื่องจากเป็นจุดที่ช่องทางเดินรถมารวมกัน อาจเข้าข่าย “ทางร่วมทางแยก” ตามนิยามในมาตรา 4(9) ซึ่งต้องปฏิบัติตามมาตรา 71
มาตรา 71 กำหนดว่า หากมีรถอยู่ในทางร่วมทางแยกก่อน ต้องให้รถคันนั้นผ่านไปก่อน แต่ถ้ามาถึงพร้อมกันและไม่มีรถอยู่ก่อนหน้า ต้องให้รถที่อยู่ทางด้านซ้ายมือผ่านไปก่อน (เว้นแต่กรณีทางเอก-ทางโท) ในสถานการณ์นี้ รถกระบะอยู่ทางซ้ายของรถ BMW จึงควรมีสิทธิไปก่อนตามหลักการนี้
มาตรา 40 (การเว้นระยะห่าง) หากพิจารณาตามภาพ รถกระบะดูเหมือนจะเข้าสู่จุดรวมเลนก่อนเล็กน้อยและอยู่ทางซ้าย ขณะที่รถ BMW พยายามเร่งความเร็วขึ้นมาจนเกือบชนท้าย และต้องหักหลบ กรณีนี้อาจมองได้ว่ารถ BMW เป็นฝ่ายขับขี่โดยประมาท เนื่องจากไม่เว้นระยะห่างที่ปลอดภัยเพียงพอ
ความเห็นทางกฎหมาย เหตุการณ์แรก (ทางรวมเลน) ทนายอานนท์เห็นว่า ไม่น่าจะใช่ความประมาทของฝ่ายรถกระบะเพียงฝ่ายเดียว อย่างน้อยควรพิจารณาเป็น “ประมาทร่วม” หากมีการแจ้งข้อหาว่ารถกระบะประมาทฝ่ายเดียว ผู้ขับขี่รถกระบะก็มีสิทธิ์ที่จะต่อสู้คดีได้
เหตุการณ์หลัง ขับไล่เบียด พฤติกรรมของคนขับ BMW ที่ขับไล่ตามและขับปาดหน้ารถกระบะจนเกิดอุบัติเหตุนั้น ไม่เข้าข่าย “ความประมาท” เพราะการประมาทคือการกระทำโดยขาดความระมัดระวัง แต่การกระทำของคนขับ BMW เป็นการกระทำโดย “เจตนา”
การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดฐานเจตนาทำร้ายร่างกาย หากผู้ขับขี่รถกระบะได้รับบาดเจ็บ หรือหากการกระทำนั้นส่อให้เห็นเจตนาที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต (แม้จะไม่ถึงแก่ชีวิต) ก็อาจเข้าข่ายพยายามฆ่า ได้
นอกจากนี้ ยังมีความผิดฐานขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น ตาม พ.ร.บ. จราจรทางบกฯ อีกด้วย
การวิเคราะห์นี้เป็นเพียงความเห็นในทางกฎหมายเบื้องต้น ซึ่งข้อเท็จจริงและข้อสรุปสุดท้ายจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาพยานหลักฐานทั้งหมดโดยละเอียดต่อไป
นายกเบี้ยว พ่อคนขับ BMW แจงผ่าน ‘โหนกระแส’ ลูกชายยังช็อก-สภาพจิตใจเปราะบาง ยันไม่เข้าข้างหากผิด
นายกฤษฎา หลีนวรัตน์ (นายกเบี้ยว) บิดาของนายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ (พีช) ผู้ขับขี่รถ BMW คันดังกล่าว ได้ต่อสายโทรศัพท์เข้ารายการ “โหนกระแส” ของหนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 เพื่อชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นายกฤษฎา เปิดเผยว่า ขณะให้สัมภาษณ์ ตนอยู่ที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 เพื่อเตรียมเข้ารายการอื่น ได้พูดคุยกับบุตรชายแล้ว แต่ “น้องพีชยังตกใจ” สภาพจิตใจยังเปราะบาง จิตใจเขาอ่อนไหวมาก ไม่พร้อมที่จะพูดคุยกับใคร รวมถึงยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถมาร่วมชี้แจงในรายการได้หรือไม่ เนื่องจากไม่เคยประสบเหตุเช่นนี้มาก่อน
นายกเบี้ยวยืนยันว่า ตนได้เดินทางไปเยี่ยมคุณลุงคุณป้าผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลแล้ว ได้สอบถามอาการเพียงสั้นๆ เนื่องจากทั้งสองท่านยังต้องพักรักษาตัว ได้ขออนุญาตถ่ายภาพก่อนเดินทางกลับ เมื่อถูกถามถึงสิทธิ์ในการเข้าเยี่ยมในขณะที่ผู้บาดเจ็บอาการยังหนัก นายกฤษฎายืนยันว่าได้ปฏิบัติตามขั้นตอน พยาบาลและแพทย์ผู้ดูแลได้อนุญาตแล้ว พร้อมทั้งปฏิเสธว่าตนเองไม่ได้เป็นผู้มีอิทธิพลแต่อย่างใด เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง
นายกฤษฎายังกล่าวด้วยว่า ตนรู้สึกตกใจเมื่อเห็นคลิปเหตุการณ์ เพราะน้องพีชไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนี้ ยืนยันว่าจะไม่เข้าข้างบุตรชายหากเป็นฝ่ายผิด เขาผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ตัวลูกชายเองมีความเป็นห่วงผู้บาดเจ็บอย่างมาก แต่ไม่กล้าเดินทางไปเยี่ยมด้วยตนเอง จึงขอร้องให้ตนไปเยี่ยมแทน โดยบอกว่า “ป๊า ป๊าต้องไปเยี่ยมเขานะ”
ในช่วงท้ายของการสนทนา คุณนุก บุตรสาวของผู้บาดเจ็บ และคุณอีฟ ทีมงานของ กัน จอมพลัง ได้ตั้งคำถามถึงการที่นายสมิทธิพัฒน์ยังไม่ได้ติดต่อพูดคุยกับทางญาติผู้เสียหายโดยตรงก่อนที่จะไปปรากฏตัวทางโทรทัศน์ ซึ่งนายกฤษฎาชี้แจงว่า บุตรชายอยู่ในอาการหวาดกลัวอย่างหนัก ถึงขั้นที่ตนซึ่งเป็นพ่อก็ยังติดต่อได้ยากในช่วงแรก และยังตกใจกับเหตุการณ์อย่างมาก จึงเป็นเหตุผลที่ยังไม่ได้ติดต่อทางญาติ ตนเองต้องค่อยๆ พูดคุยปลอบโยนลูก
พีช สมิทธพัฒน์ ออกรายการ คนดังนั่งเคลียร์ ช่อง 8
ด้าน พีช สมิทธิพัฒน์ ไม่ไปโหนกระแส แต่ไปออกรายการคนดังนั่งเคลียร์ ช่อง 8 เล่าความรู้สึกว่า ตกใจมาก ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ลุงป้าสาหัส ตกใจมากจนต้องหนีไปอยู่บ้านเพื่อนก่อน ไม่ได้ติดต่อใครเลย ใครโทรมาก็ไม่รับสาย กลัวพ่อจะรู้ กลัวใครจะรู้ กลัวว่ามันจะมีปัญหา
พีชอ้างว่า ไม่ได้หัวร้อนถึงขนาดจะเอาให้บาดเจ็บอะไรแบบนั้น เราไม่รู้จริงๆ ว่าเขาเป็นคนแก่ และไม่เห็นว่าเขายกมือไหว้ขอโทษ ถ้าเห็นคงไม่เกิดแบบนี้แน่นอน พีชพูดด้วยเสียงสะอื้นว่า เรารู้สึกผิดมาก ถ้าเขาเสียชีวิต เราก็คงยิ่งรู้สึกแย่กว่านี้ แค่คิดว่าเป็นพ่อแม่เราก็ใจเสียแล้ว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ประวัติ สมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ ลงชื่อชิงเก้าอี้ สท.ธัญบุรี เบอร์ 1 เขต 2
- ชาวเน็ตขุดโพสต์ “สส.ฟลุ๊ค” พี่ชาย “พีช” หลังมีข่าวทำร้ายร่างกาย ช่วงปี 66
- เปิดรถ bmw พีช ลูกนักการเมือง ขับปาดกระบะลุงป้าเจ็บหนัก