หญิงจีนเสริมหน้าอกหวังสวยขึ้น แต่ต้องพิการ เพราะเจอซิลิโคนผสมดีเอ็นเอ “วัว-กวาง”

หญิงจีนเรียกร้องความยุติธรรม เพราะต้องพิการจากการเสริมหน้าอก แต่เจอกับซิลิโคนที่มีส่วนผสมของดีเอ็นเอวัว และ กวาง
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมนี้ โดยหญิงสาวชาวจีนรายหนึ่งใช้นามสมมติว่า หลิงหลิง จากมณฑลเจียงซี ได้เล่าว่าเมื่อปี 2017 เธอเริ่มสนใจในเทคนิค การเสริมหน้าอกแบบใหม่ โดยคลินิกในกรุงปักกิ่งที่อยู่เบื้องหลังวิธีการดังกล่าวอ้างว่า พวกเขาสามารถสกัดและเพาะเลี้ยงคอลลาเจนของคนไข้ ก่อนที่จะฉีดกลับเข้าไปในหน้าอก เพื่อให้หน้าอกใหม่ใหญ่ขึ้นแบบเป็นธรรมชาติ แถมการันตีว่าไม่มีผลข้างเคียง
ต่อมาในเดือนกันยายนปีเดียวกัน หลิงลิง ได้ไปคลินิกเสริมความงาม Beijing Creating Medical Cosmetic Clinic และได้พบกับ ไป๋ จิน หัวหน้าศัลยแพทย์ของคลินิก ซึ่งเขาก็รับรองกับเธอว่าขั้นตอนนี้ง่ายและปลอดภัยอย่างแน่นอน
แต่ความเป็นจริงไม่เป็นเช่นนั้น เพราะหลังจากการผ่าตัด หลิงหลิง รู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก และรู้สึกว่าเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในหน้าอก
จากนั้นตลอดช่วงปี 2017-2023 เธอต้องเข้ารับการผ่าตัดอีก 9 ครั้ง รวมไปถึงการใส่และซ่อมแซมหน้าอกเทียม สุดท้ายเธอกลับพบว่า หน้าอกเทียมของเธอเกิดการรั่วไหลและเสียรูป โดยเธอบอกว่า “มีก้อนเนื้อ 2 ก้อนบนหน้าอกฉัน ลามไปถึงท้อง”
แม้ว่า หลิงหลิง จะร้องขอให้คลินิกในปักกิ่งทำการผ่าตัดแก้ไข แต่พวกเขาต้องการรายงานการประเมินทางแพทย์
ต่อมาในช่วงเดือนตุลาคม 2024 หลิงหลิง เดินทางไปที่โรงพยาบาลในเซี่ยงไฮ้เพื่อนำหน้าอกเทียมออกและทำการทดสอบ แต่ในขั้นตอนดังกล่าว แพทย์พบว่าวัสดุที่ฉีดเข้าไปนั้น ก่อนให้เกิดความเสียหายต่อร่างกายของเธอ ก่อนที่นักวิจัยจะพบว่า วัสดุเหล่านั้นมีส่วนผสมของ “ดีเอ็นเอของกวางมูสและวัวในหน้าอกเทียม” ซึ่งขัดแย้งกับคำกล่าวอ้างของคลินิกที่ว่า หน้าอกเทียมเกิดจากคอลลาเจนของคนไข้เอง
หลังจากที่ตรวจพบ สถาบันทางการแพทย์ได้จัดประเเภทความผิดปกติที่ หลิงหลิง ว่าเป็นความพิการร้ายแรง วึ่งนั่นทำให้เธอเจ็บปวดทางร่างกายและจิตใจเป็นอย่างมาก
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมความงามจากมณฑลเจียวซีได้กล่าวว่า นอกจากเคสนี้ ยังมีผู้ป่วยคนอื่นๆที่เป็นเหยื่อของคลินิกแห่งนี้ โดยพวกเขาพบทั้งดีเอ็นเอของอูฐ ค้างคาว และ กอริลลา ในหน้าอกของพวกเธอ
หลิงหลิง พยายามเรียกร้องค่าเสียหายกับทางคลิกนิก แต่พบว่าพวกเขาได้ปิดตัวไปแล้ว โดยถูกเพิกถอนใบอณุญาตประกอบกิจการ และมีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อพิพาททางการแพทย์อีกกว่า 398 คดี นอกจากนี้ ไป๋ จิน ที่ถูกอ้างว่าเป็นหัวหน้าศัลยแพทย์ของคลินิก ก็ไม่มีชื่อลงทะเบียนกับหน่วยงานทางการแพทย์ของจีน
แม้ว่าเมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา หลิงหลิง ได้รายงานเรื่องดังกล่าสต่อคณะกรรมการสุขภาพเทศบาลปักกิ่ง แต่ด้วยข้อพิพาทดังกล่าวเกี่ยวข้องกับสถาบันที่ปิดตัวลงไปแล้ว ทำให้เป็นเรื่องยากที่เธอจะได้รับความยุติธรรม
อ้างอิง : www.scmp.com
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- รวบตัวสามีโหด ผลักเมียลงจากหน้าผา โมโหเมินถ่ายรูปคู่ เคราะห์ดียังรอดชีวิต
- ย้อนโศกนาฏกรรม 5 คนงานถูกรถไฟชนดับ โพสต์ภาพปริศนา พบลางร้าย ก่อนเกิดเหตุ
- “ฮุนเซน” แจ้งข่าวเศร้า เผชิญช่วงลำบาก ‘ภรรยา-พี่ชาย’ ป่วยหนักพร้อมกัน