ข่าว

ฮือฮา “ทนายตั้ม” น่ารักมาก เอฟซีคอมเมนต์สนั่น หล่อ-เก่งครบวงจร

แฟนโหนกระแสกริ๊ดแตก “ตั้ม” ทนายความไฮโซเมย์ หล่อมาก พูดจาฉะฉาน เคลียร์ข้อกฎหมาย “ดิว อริสรา” ยืมทรัพย์สินเข้าข่ายฉ้อโกงหรือไม่

สุดเดือดกับโหนกระแสวันนี้ (19 มี.ค.) หลังดร.วาสนา อินทะแสง หรือ ไฮโซเมย์ เปิดใจเคลียร์ประเด็น ดิว อริสรา นักแสดงสาวคนสนิท ขอยืมทรัพย์สินของตนมูลค่ารวมกว่า 62 ล้านบาทเพื่อนำไปหมุนเงิน แต่พอถึงกำหนดคืนของนั้น อีกฝ่ายกลับบ่ายเบี่ยงจนทราบอีกทีว่าทรัพย์ถูกเอาไปจำนำแล้ว แถมสร้อย Lotus Arts Devivre มูลค่ากว่า 26 ล้านที่เป็นของรักยังตกไปอยู่ในมือของรัฐมนตรีท่านหนึ่งแล้วด้วย

ทว่านอกจากเรื่องราวสุดเข้มข้นนั้น “หนุ่ม กรรชัย” ถือโอกาสชม นายเกรียงไกร อินทจันทร์  หรือ “ตั้ม” ทนายความของคุณเมย์ว่า หล่อมาก ผู้ชมทางบ้านและทีมงานห้องส่งพากันกริ๊ดสนั่น เพราะปกติสัดส่วนของแขกรับเชิญขวัญใจแฟนรายการมักเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ทำเอาพี่ทนายยิ้มกรุบไปหนึ่งที พร้อมขอบคุณทุกท่านที่เอ็นดูตน

ภาพจาก โหนกระแส

เมย์ เล่าว่า พอทราบเรื่องทรัพย์สินไปอยู่ที่อื่น ไม่ได้อยู่กับ “ดิว” แล้ว อีกฝ่ายพยายามขอให้ตนไปเอาเงิน 20 ล้านไปจ่ายกับแหล่งจำนำนั้น ๆ เพื่อนำของออกมาก่อน จากนั้นค่อยนำเงินมาคืนตนอีกที พี่หนุ่ม จึงหันไปถาม “ทนายตั้ม” ว่า หากวันนั้นเมย์ไปตกลงทำสัญญาประนีประนอม รับสภาพหนี้ เรื่องจะกลายเป็นคดีแพ่งเลยหรือไม่ ต้องตามชดใช้หนี้แทน ไม่มีการติดคุกเกิดขึ้น

ทนายตั้ม กล่าวว่า ใช่ เพราะลักษณะนั้นตามภาษากฎหมาย เขาเรียกว่าการยอมความ และทีมทนาย-คุณเมย์มองว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นคือการเบียดบังหรือฉ้อโกง ซึ่งมันเป็นคดีอาญา เนื่องจากการแจ้งว่าจะนำของไปเป็นหลักทรัพย์กับผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง แต่สุดท้ายกลับนำไปจำนำนั้น เป็นการเบียดบัง-ฉ้อโกงชัดเจน

ส่วนท่านใดที่ถือกำลังถือทรัพย์สินคุณเมย์ไว้นั้น ทนายตั้ม แนะนำว่า ควรให้ความร่วมมือกับพวกตน เพราะไม่อยากดำเนินคดี แค่ต้องการของคืนเท่านั้น หากไม่คืนหรือพยายามหาข้อต่อสู้ว่ารับมาโดยสุจริตอะไรก็แล้วแต่ รับรองว่าเจ้าหน้าที่กองปราบ สอบสวน ฯลฯ ต้องมาดำเนินคดีถึงตัวแน่นอน

ภาพจาก โหนกระแส

กรรชัย ถามต่อ หากทรัพย์สินดังกล่าวที่ถูกจำนำไปนั้น ผู้รับนำของไปส่งต่อให้มือที่ 2 3 4 เรื่อย ๆ ลักษณะนี้จะเข้าข่ายรับของโจรหรือไม่ ทนายตั้ม ชี้แจงว่าเข้าข่ายหมด แต่เป็นเพียงองค์ประกอบภายนอกในคดีอาญาเท่านั้น แต่เขา (คนรับ) มีสิทธิสู้คดีเรื่องเจตนาได้ แต่ยังไงของก็ต้องคืนอยู่ดี

สรุป ความผิดของคนที่รับไปนั้นเกิดขึ้นแน่นอน แต่สามารถสู้ได้ตามข้อกฏหมาย ทว่าอาจลำบาก เนื่องจากเคสสร้อย 26 ล้านมีเพียงเส้นเดียว จึงทราบอยู่แล้วว่าเจ้าของคือใคร จึงแนะนำว่าให้ความร่วมมือจะดีที่สุด

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

yo

นักเขียนข่าว บทความทั่วไปประเภทไลฟ์สไตล์ สำเร็จการศึกษาจากคณะอักษรศาสตร์ สาขาวิชาปรัชญา มศก. ติดต่อได้ที่อีเมล yo@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button