เชื่อมจิตกลับมาแล้ว ยิงปืนเลเซอร์ญาติธรรม ทนายอนันต์ชัย ซัดเดือด

เชื่อมจิตกลับมาแล้ว ครอบครัวเด็ก 8-9 ขวบ คัมแบ็ก โลกโซเชียลวิจารณ์สนั่น ถามแบบนี้เรียกละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ เผยแพร่คลิปนั่งสมาธิ ยิงปืนเลเซอร์ ร้อน ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช มูลนิธิกองทัพธรรม ซัดละเมิดอำนาจศาล จี้ 3 หน่วยงาน รวบรวมหลักฐานส่งให้กลับปล่อยเงียบจนจัดอีเวนต์ฉ่ำหนล่าสุด
กำลังเป็นประเด็นร้อนต้องกลับมานั่งวิพากษ์วิจารร์กันไม่จบสิ้นจริงๆ เมื่อล่าสุด “ลัทธิเชื่อมจิต” กลับมาแล้ว พร้อมกับโชว์ซีนยิ่งใหญ่แต่งชุดไทยจัดเต็ม ผู้ศรัทธาแห่ก้มกราบถึงขนาดที่ว่าผู้ประกาศสาวที่นั่งอ่านข่าวดังกล่าวหลุดตั้งคำถามไม่ได้ว่ากลุ่มผู้คนจำนวนมากไปรวมตัวกันทำกิจกรรมอะไร ถึงให้เด็กอายุ 8-9 ขวบ แต่งชุดสีทองมาออกงานเดินให้คนกราบไหว้อีกครั้ง
ล่าสุดช่องยูทูบ TOP NEWS LIVE ให้ข้อมูลเพิ่มเติมวานนี้ (17 มี.ค.) เกี่ยวกับรายละเอียดสถานที่จัดงาน ได้แก่ วัดป่ารัตนพรชัย ต.บ้านหวาย อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ซึ่งมีการจัดกิจกรรมรวมตัวนั่งสมาธิ โดยจะเห็นผู้คนใส่เสื้อสีม่วงซึ่งคาดว่าเป็นลูกศิษย์อาจารย์น้องไนซ์ที่เคยเป็นข่าวมาร่วมกันแสดงพลังศรัทธา

แฟนเพจนิรมิตรเทวาจุติรายหนึ่งที่เผยแพร่คลิปอ้างว่า “วันที่ 14 มีนาคม ปี 68 นั่งสมาธิผ่านวิดีโอคอลกับอาจารย์น้องไนซ์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตรงกับปิดภาคเรียนของโรงเรียนจึงอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดไทม์ไลน์การจัดงานนี้ขึ้นมา
อย่างไรก็ดีภายหลังคลิปแพร่บนออนไลน์ไม่ทันไร จากการตรวจสอบล่าสุดยังพบความเคลื่อนไหวของแดมินเพจ อัปโหลดคลิปลัทธิเชื่อมจิตจัดกิจกรรมร่วมกับแฟนคลับชาวพุทธในอีกหลากหลายคลิปวิดีโอซึ่งล้วนแต่ก่อให้เกิดประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอยางหนักหน่วง
คลิปหนึ่งจะเห็นภาพกิจกรรมที่ผู้เข้าร่วมเป็นเยาวชนในส่ชุดนักเรียน โดยจะเห็นเด็กใส่เสื้อสีม่วงยืนแจกซองอะไรบางอย่าง รับและยกมือไหว้ตลอดการรับมอบ
อีกคลิปเป็นตอนที่ญาติธรรมกับอาจารย์น้องไนซ์ร่วมกิจกรรมสวมชุดเกราะ-ยิงปืนเลเซอร์


น้องไนซ์ ล่าสุด เพจเชิญชวนสาธุชนทั้งหลายร่วมกันปฏิบัติธรรม ละเมิดศาลหรือไม่ ?
กระแสนาทีนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าทั่วทุกสารทิศตั้งคำถามกิจกรรมของลัมทธิชเชื่อมจิต ในช่วงปิดทเอมใหญ่หัวใจว้าวุ่นเล็กๆนี้จะละเมิดคำสั่งศาลเยาวชนฯ หรือไม่ เพราะย้อนกลับไปเมื่อ 28 ส.ค.67 ศาลเยาวชนและครอบครัวสุราษฎร์ธานี มีคำสั่งในคดี คส.2/2567 คดีที่พมจ.สุราษฎร์ธานีเป็นผู้ร้องให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองสวัสดิภาพน้องเชื่อมจิต (นามสมมติ) อายุ 8 ขวบ ห้ามไม่ให้ น.ส.นัฐพร (สงวนนามสกุล) แม่น้องเชื่อมจิตกับพวกรวม 2 คน โดยขอให้ศาลมีคำสั่ง 5 ข้อดังนี้
- ห้ามทำกิจกรรมไลฟ์สดอันเกี่ยวกับการเชื่อมจิต
- ห้ามเผยแพร่คำสอนทางพุทธศาสนาอันเป็นการบิดเบือน หรือผิดเพี้ยนจากหลักทางพระพุทธศาสนา และไม่ปรากฏหลักฐานในพระไตรปิฎ
- ห้ามใช้สื่อต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเด็กในการดำเนินกิจกรรมเชื่อมจิต ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่าย รวมถึงภาพเคลื่อนไหวหรือสื่ออื่นที่เป็นการยืนยันถึงตัวเด็ก
- ห้ามจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมจิต
- ออกคำสั่งกำหนดมาตรการ หรือวิธีการเพื่อเป็นการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กตามที่ศาลเห็นสมควร
ผู้ดำเนินรายการย้ำว่า ในฐานะสื่อมวลชนรายงานเพื่อให้ทราบว่ามีการกระทำที่ขัดคำสั่งศาลหรือไม่ จึงจำเป็นต้องขอนุญาตนำเสนอ มิใช่เจตนาช่วยเผยแพร่
ขณะที่ต่อมา ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช มีการโพสต์เฟซบุ๊ก ไม่นิิ่งเฉยกับกรณีสดๆไ ร้อนๆ นี้ โดยชี้ชัดการกระทำำดังกล่าว กระทบต่อพระพุทธศาสนา รัฐธรรมนูญและก่ารปกครองยอ่างไร รวมไปถึงที่ผ่านมามูลนิธิกองทัพธรรมทำอะไรไปแล้วบ้าง ก่อนจะตั้งคำถามไปถึง 2 หน่วยงานอย่างร้อนแรง ขาดข้อมูลอะไรก็จัดหาให้จนครบแต่ถึงขณะนี้ยังไม่ทราบดำเนินการอะไรคืบหน้าไปแล้วบ้าง
- กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.)
- กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
- สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
#ลัทธิเชื่อมจิต return จริงรึ เห็นข่าว “แก๊งส์ลัทธิเชื่อมจิตกำลังคืนชีพ” แล้วหดหู่ปนผิดหวังกับเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ขอทนกับระบบราชการแบบไทยๆ พวกคุณเล่นอะไรกัน เคยได้ยินแต่ชาวบ้านชาวช่องก่นด่าเหน็บแนมว่า “เปลืองภาษี” ส่วนตัวไม่เห็นด้วยเพราะเข้าใจระบบ แต่วันนี้ขอบอกว่า “เหลือทน” มาดูกันครับ
รัฐธรรมนูญไทยระบุชัดว่า “รัฐพึงอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาที่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่นับถือมาช้านาน..หลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาท และต้องมีมาตรการและกลไกในการป้องกันมิให้มีการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาไม่ว่าในรูปแบบใด และพึงส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนมีส่วนร่วมในการดำเนินมาตรการหรือกลไกดังกล่าวด้วย”
หมายถึง รัฐมีหน้าที่ในการปกป้องพุทธเถรวาทซึ่งถือว่าเป็น “#พันธกิจและภารกิจ” โดยตรงของพวกคุณ เมื่อเกิดกรณีเด็กคนหนึ่งอ้างว่า เชื่อมจิตได้ เป็นลูกพระพุทธเจ้าให้มาจุติเพื่อ..บลาๆๆ ซึ่งล้วนผ่านการพิสูจน์แล้วว่า เป็นเท็จและบิดเบือนจนกระทั่งชาวบ้านอย่างพวกผม

มูลนิธิทนายกองทัพธรรมและประชาชนรวมถึงสื่อมวลชนช่องต่างๆ ในฐานะชาวพุทธ ต่างอดรนทนไม่ได้กับการบิดเบือนหลักพระไตรปิฎกที่เสมือนเป็นธรรมนูญการปกครองของพุทธเถรวาท เพราะเรายึดถือตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสเป็นปัจฉิมโอวาทว่า “โย โว อานนฺท มยา ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต ปญฺญตฺโต โส โว มมจฺจเยน สตฺถา” ดูก่อนอานนท์ ธรรมและวินัยใด ที่เราได้แสดงแล้ว และบัญญัติแล้ว แก่เธอทั้งหลาย ธรรมและวินัยนั้น จะเป็นศาสดาของเธอทั้งหลายโดยกาลที่เราล่วงลับไป ดังนั้น “พระไตรปิฎกจึงมีความสำคัญต่อการธำรงรักษาพระพุทธศาสนา การรักษาพระไตรปิฎก จึงเท่ากับรักษาพระพุทธเจ้า”
ดังนั้น เมื่อเด็กคนหนึ่งที่ถูกพ่อแม่อุปโลกน์ให้เป็นเทพเจ้า ผมและคณะทำงานไม่นิ่งเฉยต้องออกมาปกป้องธรรม โดยใช้ช่องทางพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546, พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 และประมวลกฎหมายอาญา รวมถึงกฎหมายฟอกเงิน เพื่อเป็นเครื่องมือปกป้องพระธรรมคำสอน และเรียกร้องดังๆ ไปที่หน่วยงานรัฐ
อาทิ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่ตอนแรกลอยตัวเหนือปัญหาและความขัดแย้งใดๆ ทั้งที่เป็นหน่วยงานซึ่งมีพันธกิจและภารกิจในการปกป้องบ่อนทำลายพุทธเถรวาท เพราะถ้าหน่วยงานนี้ที่มีคำว่า “พระพุทธศาสนา” เป็นอักษรนำหน้า “สำนักงาน” และให้อำนาจหน้าที่โดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2543 มาตรา 8 ฉ และกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พ.ศ. 2557 สำนักงานแห่งนี้จึงมีทั้งอำนาจ หน้าที่ เครื่องแบบ และขั้นเงินเดือน ที่มาจากภาษีอากรคนไทย หากยังกล้ามาบอกว่า “ไม่มีหน้าที่” แล้วชาวบ้านตาดำๆ ไม่มีเครื่องแบบและเงินเดือนอย่างพวกเราจะมีหน้าที่ได้อย่างไรครับ พอผมกระทุ้งหนักเข้าก็ออกมาแบบเขินๆ และกระย่องกระแย่งไม่ทะมัดทะแมงเพราะกลัวสารพัด
แต่ยังดีที่ออกมาและเริ่มทำหน้าที่โดยรายงานไปที่มหาเถรสมาคม เพื่อทราบปัญหาบ่อนทำลายพระธรรมวินัย จนมหาเถรสมาคมใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 และ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 มาตรา 15 ตรี (4) รักษาหลักพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา นำไปสู่การออกมติมหาเถรสมาคมครั้งที่13/2567 มติที่ 424/2567 เรื่อง กรณีลัทธิเชื่อมจิต ในการประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 13/2567 เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 มีมติ 3 ข้อ
ต่อมามูลนิธิทนายกองทัพธรรม ไปกล่าวโทษแก๊งส์เด็กลัทธิเชื่อมจิต ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) สังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(บช.ก.) ถือว่าภารกิจของมูลนิธิจบลงแล้วในชั้นนี้เพราะส่งไม้ต่อให้หน่วยงานของรัฐเรียบร้อยแล้ว และทราบว่าสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเองก็ได้ไปกล่าวโทษเอาผิดกลุ่มก๊วนดังกล่าวเช่นเดียวกัน
ส่วนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี
เวลาต่อมาศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวห้ามเด็กและพ่อแม่กระทำการต่างๆ เป็นจุดเริ่มต้นที่กลุ่มก๊วนดังกล่าวต้องยุติบทบาทไปตั้งแต่บัดนั้น และเพิ่งเห็นข่าวคราวว่ากลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้งเมื่อวานนี้

ทนายตั้งคำถามดังๆ ถึง 3 หน่วยงานรัฐ
1. #กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) สังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พวกคุณสบายดีอยู่หรือ? มิใช่เชื่อมจิตไปแล้วนะ ทำไมถึงนิ่ง เงียบ และเฉยเมยนัก เหมือนถูกสะกดจิตจนหลับไหล มูลนิธิทนายกองทัพธรรม ทำงานปกป้องพระพุทธศาสนาแทนพี่น้องประชาชนชาวพุทธทั่วประเทศ แทนคณะสงฆ์ไทย
#ตอนไปกล่าวโทษกับคุณเราก็จัดทำเอกสารอย่างละเอียดและครบถ้วน ขาดข้อมูลใดก็จัดหาจนครบสมบูรณ์และสรุปเนื้อหาให้จนพร้อมใช้งานไม่มีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง เพื่อเร่งดำเนินการปกป้องพระพุทธศาสนาไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย แทนที่คดีจะรวดเร็วกลับช้าและขาดช่วง
#โดยผมและมูลนิธิทนายกองทัพธรรมติดต่อท่านไม่ได้อีกเลยตั้งแต่ปลายปีที่แล้วไปพบถึงที่ทำการก็ไม่ยอมพบ ผมอิดหนาระอาใจ จนถึงปัจจุบันยังไม่ทราบเลยว่า หน่วยงานแห่งนี้จะดำเนินการอย่างไรต่อคดีที่กล่าวโทษไว้ เอาอย่างนี้ครับ คุณไม่ทำก็ยกเรื่องทิ้งเลยอย่าอมพะนำผมและคณะทำงานกับพี่น้องประชาชนที่ห่วงใยพระศาสนาจะได้ไปต่อถูก อย่ามาถ่วงเวลาแบบนี้เลย สงสารพระพุทธศาสนาบ้าง
กฎหมายรัฐธรรมนูญบัญญัติเป็นนโยบายของรัฐว่าต้องปกป้องและคุ้มครองพุทธศาสนาเถรวาท และให้หน่วยงานของรัฐประชาชนชาวพุทธร่วมกันทำงาน หากมีหน้าที่แต่กลับกระทำเช่นนี้ความล่าช้าคือ ความอยุติธรรม ดังนั้น จะสั่งอย่างไรก็รีบๆ ถ้าไม่ทำก็สั่งไม่ฟ้องยกเรื่องทิ้งซะเลยครับ

2. #กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยสำนักงานพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี พวกคุณทำอะไรกันอยู่ ? เมื่อแก๊งส์เด็กและคณะละเมิดคำสั่งศาล พวกคุณมีหน้าที่ตรวจตราและดำเนินมาตรการให้มีการปฏิบัติตามคำสั่งศาลในฐานะเป็นผู้ยื่นคำร้องมิใช่หรือ
เมื่อเห็นข่าวที่เผยแพร่ไปทั่วว่า เค้าไม่สนใจอำนาจศาลหรือพวกคุณเช่นนี้ เพราะเหตุใดไม่รีบรายงานพฤติการณ์ดังกล่าวให้ศาลท่านทราบเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งบังคับหรือขยายระยะเวลาในการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กตามที่เห็นสมควร พวกคุณต้องปฏิบัติหน้าที่คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กเพราะเป็นอำนาจหน้าที่คุณอย่าเฉยนะครับ
3. #สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พวกคุณได้ติดตามทวงถามผลคดีที่ไปกล่าวโทษก๊วนเด็กเชื่อมจิตตามมติมหาเถรสมาคมที่ 424/2567 หรือเปล่าครับ ? นี่ขนาดมหาเถรสมาคมออกมติว่าผิดและบิดเบือนพระไตรปิฎกอย่างชัดเจนให้ดำเนินการ แต่พวกคุณได้ดำเนินการในเรื่องคดีอย่างไร มีการเร่งรัดและร่วมมือกับพนักงานสอบสวนหรือไม่อย่างไร หรือปล่อยเรื่องทิ้งไปเลย
ผมเหนื่อยใจกับหน่วยงานแห่งนี้ #รัฐบาลควรยุบให้ไปรวมกับกรมการศาสนากระทรวงศึกษาธิการ ตามเดิมครับ อย่างน้อยที่สุดสมัยอยู่ที่นั้นวงการพระพุทธศาสนาในประเทศไทยก็เจริญรุ่งเรืองและสนองงานคณะสงฆ์เป็นอย่างดี รัฐไม่ต้องสูญเสียงบประมาณแผ่นดินเพิ่ม เมื่อแยกออกมาและมีชื่อที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะแล้วกลับมีพฤติการณ์ทองไม่รู้ร้อน อ้างเพียงว่าคอยสนองงานคณะสงฆ์ ไม่มีหน้าที่ ไม่มีอำนาจ

อ้าว!!! ถ้าไม่มีอำนาจหน้าที่ปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนาแล้วใครจะมีหน้าที่ ผม มูลนิธิทนายกองทัพธรรม ประชาชนทั่วไป พี่น้องสื่อสารมวลชน และ ฯลฯ ที่เป็นเอกชนพลเมืองตาดำๆ หาเช้ากินค่ำ พวกเรามาทำหน้าที่ปกป้องพุทธศาสนาได้อย่างไร อย่าแถครับ พวกคุณมีอำนาจ หน้าที่ ตามกฎหมายในการปกป้องคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ เป็นนโยบายแห่งรัฐ ตามมาตรา 67 ในฐานะหน่วยงานรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พ.ศ. 2557 ไล่เรียงไปเป็นข้อๆ แต่ที่ชัดเจนให้ไปดู ข้อ 13 (1) (2) และ (5) ดำเนินการและประสานงานเกี่ยวกับการคุ้มครองพระพุทธศาสนา (6) เสนอแนวทางการกำหนดนโยบายและมาตรการในการคุ้มครองพระพุทธศาสนา เป็นต้น
คุณอ่านแล้วเข้าใจว่าอย่างไร หากอ่านแล้วตีความกฎหมายไม่ออก หรือบอกไม่ชัด แล้วยังตะแบงบอกว่าไม่มีอำนาจหน้าที่ ผมขอประชามติพี่น้องประชาชนสักเรื่องครับ “ #ยุบสำนักงานแห่งนี้ดีหรือไม่? ”
ประหยัดงบประมาณรัฐไม่น้อย พวกคุณก็จะได้ไม่ต้องมากังวลกับสถานการณ์พระพุทธศาสนาที่มีภัยและบ่อนทำลายรอบด้าน ให้เป็นหน้าที่ของพวกผม มูลนิธิทนายกองทัพธรรม พี่น้องประชาชนชาวพุทธ และพี่น้องสื่อมวลชนหัวใจพุทธก็ได้ เราพร้อมเสียสละเพื่อปกป้องบ้านของพระพุทธเจ้าเพื่อส่งต่อหลักธรรมคำสอนที่บริสุทธิ์ไปยังลูกหลานในอนาคต หากหน้าที่คุณมีเพียงสนองงานคณะสงฆ์อย่างเดียวตามที่ชอบอ้าง ผมว่ารัฐเสียเงินจ้างบริษัทเอกชนไปทำหน้าที่เลขาธิการฯ แทนก็ได้นะครับ

ผมว่าทำได้ดีกว่าและที่คุ้มค่าคือ ประหยัดงบประมาณเอาเงินส่วนนี้ไปพัฒนาประเทศในส่วนอื่นดีกว่า ระยะเวลาพิสูจน์ชัดแล้วว่า พวกคุณพลาดหลายเรื่อง อาทิ ตั้งแต่เกิด #กรณีเชื่อมจิต และ #กรณีคนสอนทำ ที่กักขระบิดเบือนซึ่งประชาชนทั่วประเทศรู้หมดแล้ว อันเป็นบ่อนนำลายพระสัทธรรมและสร้างสัทธรรมปฏิรูป มีการปรามาสก่นด่าและหมิ่นประมาทคณะสงฆ์โดยเฉพาะมหาเถรสมาคม แต่ปรากฏว่าพวกคุณเงียบ นิ่ง สงัด สงบ และปลีกวิเวก ไม่เคยออกมาป้องปราม และคาดโทษหรือดำเนินคดีบุคคลที่หมิ่นประมาทคณะสงฆ์ ทั้งที่พระราชาบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 มาตรา 44 ตรี บัญญัติไว้เพื่อปกป้องและป้องกันคณะสงฆ์เพื่อมิให้คนถ่อยมาดูหมิ่นด้อยค่าคณะสงฆ์อันเป็นการบัญญัติกฎหมายไว้เพื่อเจตจำนงปกป้องคณะสงฆ์ไทยโดยแท้
แต่..ไม่มีหน่วยงานของรัฐใดๆ ออกมาปกป้องเกียรติของคณะสงฆ์เลย ไม่เป็นไรครับ ผมและมูลนิธิทนายกองทัพธรรมออกมาทำหน้าที่ชาวพุทธแทนพวกคุณแล้ว เรากล่าวโทษแทนคณะสงฆ์แล้ว และในหนังสือกล่าวโทษเราอ้างพวกคุณเป็นพยานบุคคลด้วยเพราะให้เกียรติหน่วยงานของคุณเพราะอย่างไรเสียก็เป็นสำนักงานเลขาธิการขององค์กรปกครองสงฆ์ คือ มหาเถรสมาคม แล้วหากพนักงานสอบสวนเชิญไปให้ถ้อยคำในฐานะพยานที่ทำหน้าที่สนองงานคณะสงฆ์โดยตรงก็ไปด้วยนะ
สะท้อนใจและหดหู่กับเจ้าหน้าที่รัฐ ผมนึกถึงเพลงยาวอยุธยาวรรคที่ว่า “เทวดาซึ่งรักษาพระศาสนา จะรักษาแต่คนฝ่ายอกุศล สัปบุรุษจะแพ้แก่ทรชน มิตรตนจะฆ่าซึ่งความรัก ลูกศิษย์จะสู้ครูพัก จะหาญหักผู้ใหญ่ให้เป็นผู้น้อย ผู้มีศีลจะเสียซึ่งอำนาจ นักปราชญ์จะตกต่ำต้อย กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าอันลอยนั้นจะถอยจม” แต่ถึงอย่างไร #มูลนิธิทนายกองทัพธรรม จะไม่ทอดทิ้งพระพุทธศาสนา จะปกป้องพระไตรปิฎกที่จารึกพระธรรมวินัยที่เป็นตัวตนของพระพุทธศาสนา จะปกป้องคณะสงฆ์ไทยที่เป็นพระสุปฏิปันโน มิให้ผู้ใดมาปรามาสด้อยค่าและก่นด่า จะปกป้องประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของไทย มิให้บุคคลใดมาด้อยค่าและสร้างวาทกรรมบ่อนทำลายอันนำไปสู่การแตกสามัคคีในสังคม ดังภาษิตที่ว่า “#อย่าทำหินแตก #อย่าแยกแผ่นดิน”
ดังนั้นหากก๊วนเชื่อมจิตจะกลับมา โดยไม่มีหน่วยงานใดทำงานเพื่อพุทธศาสนา ทนายอนันตชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรมระบุ ด้วยเหตุนี้ก็ต้องเป็นหน้าที่ของชาวพุทธที่จะต้องร่วมด้วยช่วยกันอย่างมุ่งมั่น-สามัคคี ด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์ที่จะปกป้องพระธรรมวินัยและส่งต่อ “พระสัทธรรมอันบริสุทธิ์” ไปให้ลูกหลานในอนาคตด้วยพลังของพวกเรา“ จิรํ ติฏฺฐตุ พุทธสาสนํ ฯ
”ขอพระพุทธศาสนา จงดำรงอยู่ตลอดกาลนาน. #มูลนิธิทนายกองทัพธรรม “ธำรง ไม่ทำลาย พระพุทธศาสนา”
ทั้งนี้ อัปเดตล่าสุดเพจทนายอนันต์ชัยระบุว่า ด่วน ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ยกคำร้องขอขยายระยะเวลาคุ้มครองหัวหน้าแก็งลัทธิเชื่อมจิต ส่วนตำรวจ ปอท. ไม่ขยับ สำนักพุทธไม่หือไม่อือ ชาวพุทธเอาไงต่อครับ

ขณะเดียวกัน แม้จะมีร้องเรียนกรณีละเมิดศาล แต่ล่าสุดเพจนิรมิตเทวาจุติ เคลื่อนไหวเมื่อไม่ถึง 1 ชม.ที่ผ่านมา ของเข้าวันนี้ โดยลงคลิปบรรยากาศงานฉลองหรรษธร ร่วมกันนั่งสมาธิทุกวันอาทิตย์ผ่าน Video Call กับอาจารย์น้องไนซ์ โดยแอดมิจเพจน้องไนซ์ยังระบุ สามารถกดเข้าลิงค์ไลค์ไว้ให้กดเข้าไปติดตาม โดยอาจารย์น้องไนซ์และทีมงานนิรมิตเทวาจุติไม่ได้มีการออกมาตอบโต้ใดๆ กับประเด็นสังคมที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด.

อ่านข่าวเพิ่มเติม
- กรรชัย โฟนอินก่อนขึ้นศาล คดีเชื่อมจิต แม่เด็ก 8 ขวบ ลั่นไม่มีอะไรกังวล
- อัจฉริยะ รอดนอนคุก ศาลให้ประกันตัว 5 หมื่น หลังโดนละเมิดศาล
- สลด ดินถล่มฝังทั้งเป็นคนงานวางท่อประปา เสียชีวิต 2 ศพ เผยสาเหตุ