ข่าว

ไขสงสัย คบกับแฟนวัยเรียน เข้าข่ายผู้อยู่กินฉันสามีภริยา หรือไม่

คบแฟนวัยเรียน เข้าข่าย “อยู่กินฉันท์สามีภริยา” หรือไม่? เจาะลึกทุกประเด็น นิยาม-กฎหมาย-ความเสี่ยง-ผลกระทบ พร้อมคำแนะนำรักปลอดภัย วัยใสหัวใจว้าวุ่น

“การคบกับแฟนวัยเรียน” นั้น จะถูกนับว่าเป็น “ผู้อยู่กินฉันสามีภริยา” ตามกฎหมายหรือไม่? เพื่อคลายความสงสัยนี้ เราจะพาคุณไปสำรวจตั้งแต่ นิยามของคำว่า แฟนวัยเรียน และ ผู้อยู่กินฉันสามีภริยา ตามกฎหมายไทย จากนั้นจะ วิเคราะห์ว่าความสัมพันธ์วัยเรียนจะเข้าข่ายเกณฑ์นี้ได้อย่างไร โดยเฉพาะใน กรณีความสัมพันธ์ต่างวัย รวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ทั้งด้านการเรียน สังคม และจิตใจ พร้อมทั้งสรุป กฎหมายสำคัญที่เกี่ยวข้อง และให้ คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้วัยรุ่นทุกคนมีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในวัยเรียนได้อย่างปลอดภัยและมีความรับผิดชอบ

นิยาม “แฟนวัยเรียน”

“วัยเรียน” โดยทั่วไปหมายถึงช่วงอายุ 13-22 ปี ซึ่งเป็นช่วงวัยที่อยู่ในระหว่างการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาและอุดมศึกษา เป็นช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ เติบโต ค้นหาตัวเอง และเริ่มต้นเรียนรู้เรื่องความสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ

ลักษณะการคบหาของ “แฟนวัยเรียน” มีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับบริบทและสภาพแวดล้อมของแต่ละคู่ ตัวอย่างเช่น

  • การเรียนในสถานศึกษาเดียวกัน: การพบเจอ ทำกิจกรรม และใช้เวลาร่วมกันในโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย เป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่พบได้บ่อย
  • การไปรับ-ส่ง: การดูแลเอาใจใส่กันด้วยการไปรับไปส่งที่บ้าน หรือสถานที่ต่างๆ แสดงถึงความห่วงใยและใกล้ชิด
  • การทำกิจกรรมร่วมกัน: การใช้เวลาว่างทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นดูหนัง ฟังเพลง รับประทานอาหาร หรือท่องเที่ยว เป็นการสร้างความทรงจำและกระชับความสัมพันธ์

ไขข้อสงสัยตามกฎหมาย คบแฟนวัยเรียน เข้าข่าย อยู่กินฉันสามีภรรยา หรือไม่ ภาพคู่่รักที่กำลังจับมือแสดงความรักต่อกัน

นิยาม “ผู้อยู่กินฉันสามีภริยา” ตามกฎหมายไทย

“ผู้อยู่กินฉันสามีภริยา” ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของไทย หมายถึง ชายและหญิงที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส แต่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันและแสดงตนต่อสาธารณชนในฐานะสามีภริยา โดยมีองค์ประกอบสำคัญที่กฎหมายให้การรับรอง ดังนี้

การอยู่กินร่วมกันฉันสามีภริยา หมายถึง การที่ชายหญิงอาศัยอยู่ในที่พักเดียวกัน ใช้ชีวิตประจำวันร่วมกันในลักษณะคู่สมรส และมีความสัมพันธ์ทางเพศเยี่ยงสามีภริยา แม้จะไม่ได้มีทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย

การแสดงตนต่อสาธารณชนในฐานะสามีภริยา หมายถึง การที่คู่ชายหญิงแสดงออกต่อบุคคลภายนอก หรือต่อสาธารณชนทั่วไป ให้รับรู้ถึงความสัมพันธ์ในฐานะสามีภริยา เช่น การแนะนำตัว การเรียกขานกัน การไปร่วมงานสังคมด้วยกัน หรือการใช้ชื่อสกุลเดียวกันในบางกรณี

หลักฐานที่ใช้พิสูจน์ “การอยู่กินฉันสามีภริยา”

ในการพิสูจน์ความเป็น “ผู้อยู่กินฉันสามีภริยา” ในทางกฎหมาย สามารถใช้หลักฐานต่างๆ มาประกอบการพิจารณาได้ดังนี้

  • พยานบุคคล: บุคคลที่รับรู้และเห็นการใช้ชีวิตร่วมกัน และการแสดงตนของคู่ชายหญิงในฐานะสามีภริยา
  • พยานเอกสาร: เอกสารที่แสดงถึงความเกี่ยวพันกัน เช่น การใช้ชื่อสกุลร่วมกัน การมีบุตรด้วยกัน หรือการทำธุรกรรมร่วมกัน
  • พยานวัตถุ: รูปถ่าย วิดีโอ หรือหลักฐานอื่น ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงการใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน

ล่าสุด ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 142 ตอนที่ 11 ก (7 มีนาคม 2568) ได้เผยแพร่ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ฉบับใหม่ พ.ศ. 2568 ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ “ผู้อยู่กินกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสอันถือว่าเป็นคู่สมรส” ให้สอดคล้องกับ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2568 เป็นต้นไป

สาระสำคัญของประกาศ ป.ป.ช. ฉบับใหม่นี้ ได้กำหนดหลักเกณฑ์เพิ่มเติม เพื่อระบุลักษณะของผู้ที่ “อยู่กินกันฉันคู่สมรสโดยมิได้จดทะเบียนสมรสกับเจ้าพนักงานของรัฐ” และให้ถือว่าเป็นคู่สมรสตามกฎหมาย โดยเน้นที่การแสดงออกถึงสถานะคู่สมรสให้เป็นที่รับรู้ในสังคม ซึ่งครอบคลุมถึงกรณีดังต่อไปนี้

  • การจัดพิธีมงคลสมรส หรือพิธีอื่นใดที่เทียบเคียงได้ โดยมีบุคคลในครอบครัว หรือบุคคลภายนอก รับทราบถึงการอยู่กินกันฉันสามีภริยาตามประเพณี
  • การแสดงออกของเจ้าพนักงานของรัฐเอง ที่แสดงให้ปรากฏว่ามีสถานะเป็นคู่สมรส หรือมีพฤติการณ์ที่สังคมทั่วไปรับรู้ถึงสถานะดังกล่าว

ทั้งนี้ ประกาศ ป.ป.ช. ฉบับใหม่ ยังครอบคลุมไปถึง บุคคลที่จดทะเบียนสมรสกับเจ้าพนักงานของรัฐ และต่อมาได้จดทะเบียนหย่าขาดจากกันตามกฎหมายแล้ว แต่ยังคงแสดงออก หรือมีพฤติการณ์เป็นที่รับรู้ของสังคมทั่วไปว่ายังคงมีสถานะเป็นคู่สมรสกัน กรณีดังกล่าวก็ให้ถือว่าเป็นคู่สมรสตามกฎหมายด้วยเช่นกัน

คบกับแฟนวัยเรียน เข้าข่าย “ผู้อยู่กินฉันสามีภริยา” หรือไม่?

คำถามสำคัญคือ “การคบกับแฟนวัยเรียน” จะเข้าข่าย “ผู้อยู่กินฉันสามีภริยา” ตามกฎหมายหรือไม่? ประเด็นนี้ต้องพิจารณาจากพฤติกรรมและองค์ประกอบต่าง ๆ ของความสัมพันธ์เป็นสำคัญ ดังนี้

สิ่งที่ต้องพิจารณาเป็รอันดับแรกคือ ประเด็นด้านอายุ หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะ (อายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์) และอีกฝ่ายมีอายุ 20 ปีขึ้นไป การพาผู้เยาว์ไปอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง อาจเข้าข่ายความผิดฐานพรากผู้เยาว์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 ซึ่งมีโทษทางอาญาที่ร้ายแรง

นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาถึง พฤติกรรมที่ “เกินเลย” หากความสัมพันธ์ของแฟนวัยเรียน มีพฤติกรรมที่มากกว่าการคบหาดูใจแบบทั่วไป เช่น การมีเพศสัมพันธ์ หรือการพักอาศัยอยู่ร่วมกัน ก็อาจถูกมองว่ามีความใกล้เคียงกับการอยู่กินฉันสามีภริยามากขึ้น

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การยอมรับจากครอบครัวและสังคม การที่ครอบครัวและสังคมรอบข้างรับรู้และยอมรับความสัมพันธ์ในฐานะคู่สามีภริยา ก็เป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งที่อาจนำไปสู่การพิจารณาว่าเป็น “ผู้อยู่กินฉันสามีภริยา” ได้

คู่รักที่อยู่กินกันอย่างสามีภรรยา เข้าพิธีแต่งงาน ถูกต้องตามประเพณีและกฎหมาย

กรณีศึกษา ความสัมพันธ์ต่างวัยในวัยเรียน

1. กรณีฝ่ายหนึ่งอายุมากกว่า (วัยทำงาน) อีกฝ่ายวัยเรียน

เมื่อฝ่ายหนึ่งอยู่ในวัยทำงานและมีวุฒิภาวะมากกว่าอย่างชัดเจน ในขณะที่อีกฝ่ายยังอยู่ในวัยเรียน ความสัมพันธ์ลักษณะนี้อาจมีความเสี่ยงและปัญหาที่ต้องพึงระวัง แยกเป็นประเด็นได้ดังนี้

  • ความเสี่ยงต่อการล่วงละเมิดทางเพศ ฝ่ายที่มีอายุมากกว่า อาจใช้อำนาจ หน้าที่ หรือวุฒิภาวะที่เหนือกว่า แสวงหาประโยชน์ทางเพศจากฝ่ายวัยเรียน ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและผิดศีลธรรม
  • ความเสี่ยงต่อการแสวงหาประโยชน์อื่น ๆ นอกจากประเด็นทางเพศแล้ว ยังอาจมีการแสวงหาประโยชน์ในด้านอื่นๆ เช่น การหลอกลวง บังคับ ชักจูงให้กระทำการที่ผิดกฎหมาย หรือผิดศีลธรรม

2. กรณีทั้งสองฝ่ายอยู่ในวัยเรียน

แม้ทั้งสองฝ่ายจะอยู่ในวัยเรียนและมีวุฒิภาวะใกล้เคียงกัน แต่หากมีความสัมพันธ์ที่ “เกินเลย” จนเข้าข่าย “ผู้อยู่กินฉันสามีภริยา” ก็อาจส่งผลกระทบด้านต่าง ๆ ดังนี้

  • ผลกระทบด้านการเรียน การเสียเวลาและสมาธิไปกับความสัมพันธ์ อาจส่งผลให้ผลการเรียนตกต่ำลง
  • ผลกระทบทางสังคม อาจถูกวิพากษ์วิจารณ์ ตัดสินจากสังคม หรือถูกมองว่าไม่มีความรับผิดชอบในวัยเรียน
  • ผลกระทบด้านจิตใจ ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนในวัยเรียน อาจนำมาซึ่งความเครียด ความกดดัน และปัญหาสุขภาพจิตอื่นๆ

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

กฎหมายไทยมีบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองเด็กและเยาวชน รวมถึงการป้องกันการแสวงหาประโยชน์จากความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสม ดังนี้

  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์: บัญญัติเกี่ยวกับนิยามและหลักเกณฑ์ของ “ผู้อยู่กินฉันสามีภริยา” รวมถึงผลทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
  • พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์: มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ซึ่งรวมถึงการแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็กและเยาวชน
  • พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก: มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการคุ้มครองเด็กจากการถูกล่วงละเมิด และการแสวงหาประโยชน์ในรูปแบบต่าง ๆ

ไขข้อสงสัยตามกฎหมาย คบแฟนวัยเรียน ถือเป็นการอยู่กินฉะนสามีภรรยาหรือไม่ อยุเท่าไหร่ถึงเป็นนักเรียน วัยเรียน ผู้เยาว์

คำแนะนำสำหรับวัยรุ่น

เพื่อให้การคบกับแฟนในวัยเรียนเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ ปลอดภัย และไม่ผิดกฎหมาย วัยรุ่นควรตระหนักและปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้

  • ศึกษาและทำความเข้าใจกฎหมาย: ทำความเข้าใจเกี่ยวกับนิยามและหลักเกณฑ์ของ “ผู้อยู่กินฉันสามีภริยา” ตามกฎหมาย เพื่อป้องกันความผิดพลาดและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
  • คบหาดูใจกันอย่างเหมาะสม: ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ล่วงเกินทั้งทางร่างกายและจิตใจ เคารพขอบเขตของกันและกัน
  • มุ่งเน้นการเรียนเป็นสำคัญ: ตระหนักว่าการศึกษาเป็นรากฐานสำคัญของชีวิต ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง
  • ปรึกษาผู้ใหญ่เมื่อมีปัญหา: เมื่อเผชิญกับปัญหาหรือข้อสงสัยในความสัมพันธ์ ควรปรึกษาผู้ใหญ่ที่ไว้ใจ เช่น พ่อแม่ ครู อาจารย์ หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อขอคำแนะนำและความช่วยเหลือ

ความต่างของอายุและข้อควรระวังที่ต้องเน้นย้ำ

ในบริบทของความสัมพันธ์วัยเรียน ประเด็นเรื่องความแตกต่างของอายุเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรนำมาพิจารณาอย่างรอบด้าน ตามกฎหมายไทย ผู้เยาว์ หมายถึงบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ ดังนั้น หากคู่รักฝ่ายหนึ่งมีอายุ 20 ปีขึ้นไป และอีกฝ่ายอายุ 17 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ความสัมพันธ์นั้นจะไม่ถูกจัดว่าเป็นการคบหากับผู้เยาว์ในทางกฎหมาย (แต่ย้ำว่า หากมีการอยู่กินร่วมกัน ก็ควรได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองของฝ่ายที่อายุ 17 ปี เพื่อความเหมาะสมและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น) ถึงแม้กฎหมายจะไม่ได้กำหนดข้อจำกัดเรื่องความห่างของอายุในการคบหากัน แต่ในทางปฏิบัติ ความแตกต่างของอายุที่มากเกินไป อาจส่งผลต่อความแตกต่างในด้านมุมมอง ทัศนคติ วุฒิภาวะ และไลฟ์สไตล์ ซึ่งเป็นปัจจัยที่อาจนำไปสู่ความท้าทายและความขัดแย้งในความสัมพันธ์ระยะยาวได้ ดังนั้น การพิจารณาถึงความเหมาะสมและความพร้อมของทั้งสองฝ่ายจึงเป็นสิ่งสำคัญ

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

อ้างอิง: pdpathailand, sausaving, fercit

New Nidhikant

จบการศึกษาคณะอักษรศาสตร์ เอเชียศึกษา มหาวิทยาลัยศิลปากร นักเขียนสายมูเตลู และนักอ่านไพ่ทาโรต์ โหราศาสตร์ มีความสนใจด้านข่าวการเมือง ศิลปะวัฒนธรรม แฟชั่น และสายดูดวงมูเตลู งานเขียนเน้นเนื้อหาที่เข้าใจง่าย อ่านสนุก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button