คมนาคม สั่ง 5 มาตรการเหล็ก คุมรถโดยสารไม่ประจำทาง ป้องกันซ้ำรอยปราจีนบุรีฯ

กระทรวงคมนาคม เดินหน้า คลอด 5 มาตรการป้องกันอุบัติเหตุรถโดยสารไม่ประจำทาง หลังเกิดเหตุสลด ดับ 18 ศพ ที่ปราจีนบุรี สั่งทุกหน่วยงานบูรณาการด่วน ยกระดับความปลอดภัยก่อนสงกรานต์
เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2568 ที่กระทรวงคมนาคม ‘นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ’ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุมเร่งด่วน เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันอุบัติเหตุรถโดยสารสาธารณะไม่ประจำทาง ภายหลังเกิดเหตุการณ์รถบัสคณะดูงานเทศบาลพรเจริญ จังหวัดบึงกาฬ จำนวน 49 ราย (รวมคนขับรถ) ประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำบนทางหลวงหมายเลข 304 ในจังหวัดปราจีนบุรี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตถึง 18 ราย และบาดเจ็บ 31 ราย เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
นายสุรพงษ์ เปิดเผยว่า จากรายงานของกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยถึงสาเหตุหลักของอุบัติเหตุครั้งนี้ว่า เกิดจากพนักงานขับรถใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ไม่เหมาะสมกับเส้นทางลงเขาที่เป็นทางโค้งต่อเนื่อง จนรถเสียหลักฉี่ยวชนกับแผงกั้นแบ่งช่องทางจราจรและพลิกคว่ำ โดยไม่พบร่องรอยการเบรก ซึ่งสร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน

ด้วยเหตุต้องการป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงได้ประชุม และกำหนด 5 มาตรการเร่งด่วน เพื่อยกระดับความปลอดภัยรถโดยสารสาธารณะไม่ประจำทาง โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. การกำหนดเขตพื้นที่ (Zoning) รถโดยสาร 2 ชั้นไม่ประจำทาง ที่วิ่งในเส้นทางที่มีความเสี่ยง หรือมีความลาดชันเกิน 5% และมีข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 30 วัน โดยจะออกเป็นหลักเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อบังคับใช้กับรถโดยสารไม่ประจำทางก่อนเทศกาลสงกรานต์ 2568
2. ศึกษายกระดับ GPS ใช้งานในเชิงป้องกันสื่อสาร 2 ทาง โดยสามารถแจ้งเตือนผู้ขับขี่ในจุดที่มีความเสี่ยงและเกิดอุบัติเหตุ คาดว่า จะเริ่มดำเนินการใช้กับรถโดยสารไม่ประจำทางมาตรฐาน 2 ชั้นก่อนภายใน 4 เดือนนี้ พร้อมทั้งจัดทำ Safety Ratings รถโดยสารสาธารณะ
รวมถึงการเร่งรัดแผน/มาตรการด้านความปลอดภัยรถโดยสารสาธารณะให้มีความปลอดภัยทุกมิติ และเพิ่มความเข้มข้นหลักสูตรสำหรับผู้ขับรถบริเวณที่มีทางลาดชัน เช่น การใช้เกียร์ การตรวจสอบมาตรวัดแรงดันลม และ การเข้มงวดการเตรียมความพร้อมคนขับ เป็นต้น
3. การออกประกาศปรับปรุงระเบียบมาตรฐานรถโดยสารไม่ประจำทางให้เป็นมาตรฐานเดียวกับรถโดยสารประจำทาง อาทิ กำหนดให้มีผู้ขับรถ 2 คน (เดิมมี 1 คน) และพนักงาน 1 คน เพื่อสร้างความมั่นใจในการเดินทางให้กับประชาชน
4. มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่น อาทิ กรมทางหลวง (ทล.) และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เพื่อปรับปรุงเครื่องหมายจราจรให้เห็นได้อย่างชัดเจน พร้อมทั้งระบุข้อแนะนำการขับขี่ขึ้น-ลงทางลาดชัน โดยจัดทำเป็นแผนดำเนินงาน (Timeline) เสนอมาที่กระทรวงคมนาคม เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นวาระพิจารณาเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาต่อไป
5. ย้ายจุด Check Point รถโดยสารสาธารณะบน ทล.304 ไปอยู่อีกฝั่ง เนื่องจากปัจจุบันจุดดังกล่าวเส้นทางขาขึ้น – ขาล่องอยู่ฝั่งเดียวกัน

ทั้งนี้ นายสุรพงษ์ ได้สั่งการให้นำกรณีอุบัติเหตุที่ปราจีนบุรีมาเป็น “กรณีศึกษาต้นแบบ” ในการแก้ไขปัญหา โดยจะเร่งกำหนดหลักเกณฑ์มาตรฐานโซนนิ่งรถโดยสารไม่ประจำทางให้แล้วเสร็จก่อนเทศกาลสงกรานต์ที่จะมาถึง รวมถึงปรับปรุงมาตรฐานรถโดยสารไม่ประจำทางให้เทียบเท่ารถโดยสารประจำทาง เพื่อยกระดับความปลอดภัยสูงสุด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- คมนาคมฯ สั่งตรวจ GPS เปิดความเร็ว รถบัสคว่ำเขาโทน ดับ 19 ชีวิต
- คมนาคม จ่อออกกฎเหล็ก! ไม่สวมหมวกกันน็อค นั่งรอ 1 ชั่วโมง ค่อยปรับ
- เปิดความเร็ว รถบัสคณะดูงานเทศบาลพรเจริญ ก่อนพลิกคว่ำ ดับ 19 ศพ