ข่าว

พ่อแม่ร้องปวีณา ช่วยน้องมายด์ ถูกสามีซ้อม ก่อนหายตัวปริศนาที่โอมาน

พ่อแม่ ‘น้องมายด์’ เข้าขอช่วยเหลือกับมูลนิธิปวีณา หลังหายตัวในโอมานกว่า 3 เดือน พบถูกสามีซ้อมทำร้ายสาหัส ก่อนขาดการติดต่อ สงสารหลานชาย 10 ขวบเป็นเด็กพิเศษ นั่งมองเครื่องบินรอวันแม่กลับบ้าน

จากกรณีที่ ‘น้องมายด์’ หรือ น.ส.อธิติญา วิลาจันทร์ วัย 29 ปี ได้หายตัวปริศนาในโอมานนานกว่า 3 เดือน โดยเพื่อนให้ข้อมูลว่าสามีชาวบังกลาเทศถูกจับคดียาเสพติด เคยซ้อมทำร้ายสาหัสก่อนติดต่อไม่ได้ ตอนนี้ไม่รู้ชะตากรรม ครอบครัวทำใจหากลูกจะกลับมาสภาพไหนก็ขอให้ได้กลับบ้าน

Advertisements

ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 พ่อแม่ของน้องมายด์ได้เข้าขอความช่วยเหลือกับ มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เนื่องจากเพื่อนของน้องมายด์ส่งคลิปมาให้ดู เผยให้เห็นสภาพของลูกสาวที่ถูกสามีทำร้ายร่างกายสาหัส ใบหน้าบวมปูด หน้ายุบ ผมร่วงเป็นกระจุก อีกทั้งยังมือหงิกงอ และมีร่องรอยช้ำตามตัว เชื่อว่าน้องมายด์ถูกฝ่ายชายบังคับให้เสพยาและทำร้ายร่างกาย

ตามหาตัว น.ส.อธิติญา วิลาจันทร์ หรือ มายด์
ภาพจาก Facebook : Lampang Variety – ลำปางวาไรตี้ ข่าว,รีวิว

ฝั่งเพื่อนน้องมายด์ เปิดเผยข้อมูลว่า เพื่อนไปทำงานร้านอาหารแห่งหนึ่งในประเทศโอมานตั้งแต่ปี 2563 จากนั้นได้รู้จักกับชายบังกลาเทศ ซึ่งทั้งคู่อยู่กินกันแบบสามีภรรยา ตอนที่เธอเคยกลับมาไทยช่วงเดือนนกุมภาพันธ์ 2567 ไม่ได้กลับไปหาครอบครัวและเพื่อน ๆ โดยจะติดต่อกันและเห็นความเคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊กเท่านั้น

นอกจากนี้ น้องมายด์จะโพสต์ภาพขณะที่เดินทางไปเที่ยวที่ต่างประเทศ เหมือนกับว่ามีความสุขกับสามี แต่จะไม่เคยเปิดให้เห็นหน้าตาของคนรักเลย ส่วนใหญ่จะเห็นเพียงรูปที่จับมือกันหรือมีสติ๊กเกอร์ปิดที่ใบหน้าของสามี

ต่อมาในเดือนตุลาคม 2567 น้องมายด์โพสต์ภาพขณะที่กำลังนอนให้เลือดอยู่ที่โรงพยาบาล เมื่อเพื่อนเห็นดังนั้นจึงทักไปสอบถามจนรู้ว่าถูกสามีทำร้ายร่างกาย แต่มายด์ไม่ได้บอกอะไรมากนัก เหมือนกับมีความลับแต่บอกใครไม่ได้ ซึ่งน้องมายด์เคยพูดว่าสามีเป็นเอเยนต์ค้ายา เคยฆ่าคนมาแล้ว 3 ศพ ถ้าวันหนึ่งตัวเองหายไปก็อาจเป็นศพที่ 4 ก็ได้”

ภาพจาก : มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี
ฝั่งเพื่อนพยายามโน้มน้าวให้น้องมายด์กลับไทย แต่เธอไม่เชื่อ ล่าสุดที่ได้คุยกับ น.ส.อธิติญา ประมาณเดือนพฤศจิกายน 2567 มายด์ได้ส่งข้อความมาคุยด้วย และขอให้ที่บ้านส่งเอกสารส่วนตัวมาให้ เพื่อไปทำวีซ่าเข้าประเทศอังกฤษ ซึ่งเพื่อนก็ส่งไปให้ และเห็นว่ามายด์ไปเที่ยวที่ไต้หวัน และกำลังจะไปเที่ยวประเทศอังกฤษ จากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อได้อีกเลย

Advertisements

ขณะเดียวกัน เพื่อนที่เพิ่งกลับจากโอมาน เผยว่า ตนรู้จักกับมายด์มานาน เพราะมีสามีอยู่ที่นั่น และเธอมักจะฝากซื้อของและนำไปส่งให้ที่ห้องพักในเดือนพฤศจิกายน 2567 และครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกันตนเองได้นำของไปส่งให้และพบว่ามายด์กับสามีกำลังเสพยากันอยู่ โดยที่เธอมีสภาพหน้าตาบวมปูด หน้ายุบ ผมหลุดร่วงเหลือเป็นกระจุก ๆ มือหงิกงอ นิ้วผิดรูป มีร่องรอยช้ำตามตัวทั้งแผลใหม่และแผลเก่า โดยเชื่อว่ามายด์ถูกสามีบังคับให้เสพยาและถูกซ้อมทำร้ายจนไม่รู้ถึงความเจ็บปวด

แม้น้องมายด์จะสวมเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวเพื่อปกปิดบาดแผล แต่ตนเองก็สังเกตเห็นว่ามีผ้าก๊อซพันที่ขาและเดินขากะเผลก เมื่อเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวและเอ่ยถามสามีของมายด์ว่าทำร้ายกันทำไม กลับถูกอีกฝ่ายด่าทอกลับมา และอ้างว่ามายด์ขโมยเงินไป

ตนเองจึงขอให้ฝ่ายชายสัญญาว่าห้ามซ้อมมายด์อีกซึ่งเขาก็ตกลง แต่ห้ามตนไปบอกใคร พร้อมข่มขู่หากใครนำเรื่องนี้ไปพูด ขอให้ระวังตัว เมื่อเป็นเช่นนั้นสามีของเธอจึงเตือนไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยว เพราะสามีมายด์เป็นเอเยนต์ค้ายาเสพติด จึงกลัวว่าจะเป็นอันตราย หลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้พบหน้ามายด์อีก

จากนั้น เธอได้ทราบว่าสามีมายด์ถูกจับกุมในคดียาเสพติดช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ขณะเดียวกันเพื่อนๆ ไม่สามารถติดต่อมายด์ได้นานกว่า 3 เดือน จึงได้ฝากเพจดังโพสต์ตามหาเกรงว่าจะเกิดอันตราย และได้ไปแจ้งความกับตำรวจโอมาน หลังจากที่สอบปากคำสามีของมายด์ เขาแจ้งว่าไม่รู้เรื่อง

อย่างไรก็ตาม พ่อของน้องมายด์เปิดใจว่า ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาลูกสาวไม่เคยกลับบ้านเลย มีแต่วิดีโอคอลคุยกัน และพูดคุยกันครั้งสุดท้ายในเดือนพฤษภาคม 2567 หลังจากนั้นเมื่อทางบ้านโทรศัพท์ไปลูกสาวก็ไม่รับ ซึ่งเธอยังคงอ่านข้อความในไลน์แต่ไม่ได้ตอบกลับมา ด้านครอบครัวยังโทรหาลูกทุกวันแต่ลูกไม่รับสาย กระทั่งในวันที่ 24 กรกฎาคม 2567 ลูกสาวอ่านข้อความเป็นครั้งสุดท้าย และจากนั้นไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาพ่อน้องมายด์รู้สึกผิดสังเกตที่ลูกหายไปแต่ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะอยู่ไกลกัน จนกระทั่งเพื่อนของลูกสาวโพสต์ตามหาตัวผ่านทางโซเชียล อีกทั้งมีข่าวถูกสามีทำร้ายร่างกาย พ่อแม่รู้สึกเป็นห่วงมาก ๆ ส่วนลูกชายของน้องมายด์ ปัจจุบัน 10 ขวบเป็นเด็กพิเศษ เมื่อเห็นว่าแม่หายตัวไปก็คอยถามตลอดกว่า ทำไมแม่ไม่กลับมาสักที อีกทั้งเวลาเห็นเครื่องบินบินผ่านก็จะถามว่า “แม่กลับมาแล้วใช่ไหม”

ทางครอบครัวรู้สึกสงสารหลานมาก ขณะนี้ก็คิดว่า 60 เปอร์เซ็นต์ลูกสาวอาจจะไม่อยู่แล้ว แต่ก็ยังหวัง 40 เปอร์เซ็นต์ว่าลูกจะปลอดภัย ไม่ว่าลูกสาวจะกลับมาในสภาพใดก็ขอให้กลับบ้านเพราะพ่อกับแม่รออยู่ หรือโชคร้ายที่สุดได้เถ้ากระดูกกลับมาก็ยังดี

ทั้งนี้ คุณพ่อเปิดเผยว่า น้องมายด์เป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน และเป็นเสาหลักของครอบครัว เนื่องจากภรรยาพิการตาบอด ส่วนลูกชายน้องมายด์ก็เป็นเด็กพิเศษ โดยน้องมายด์ไปทำงานในร้านอาหารที่โอมานตั้งแต่ปี 2563 และจะส่งเงินมาให้ที่บ้านทุก 2 เดือน ครั้งละ 10,000 บาท ขณะที่พ่อทำงานรับจ้างทั่วไปวันละ 300 บาท ได้เบี้ยผู้สูงอายุ และเบี้ยคนพิการของแม่

ณ ขณะนี้ยังไม่มีใครสามารถติดต่อน้องมายด์ได้เลยจึงไปแจ้งเรื่องที่กองคุ้มครองคนไทยในต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศเพื่อให้ช่วยเหลือ จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครทราบข่าวของมายด์จึงขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือ ทั้งนี้ หากมีรายละเอียดเพิ่มเติมจะรายงานให้ทราบอีกครั้ง

ข้อมูลจาก : มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

sukanlaya s.

นักเขียนบทความ SEO ประจำเว็บไซต์ The Thaiger จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เชี่ยวชาญงานเขียนประเภท ข่าวกระแสสังคม และบทความไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็น รีวิวที่เที่ยว เทรนด์แฟชั่นและความงาม พร้อมแนะนำกระแสมาแรง ทันเหตุการณ์ ช่องทางติดต่อ ying@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button