สพฐ. เผยผลสอบ ผอ.รร. ไส้กรอกแดง เป็นความบกพร่อง ไม่พบทุจริต กำกับดูแลใกล้ชิด 6 เดือน

จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน ได้แฉว่าโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบุรี เสิร์ฟไส้กรอกแดงหุ้มพลาสติก และราดหน้าหมูดิบ จนนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการสอบสวนของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. เหตุเกิดช่วงปลายเดือนกันยายน 2567 นั้น
ล่าสุด วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 มติชน และข่าวสด รายงานว่า นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่าจากการสอบสวน ไม่พบว่ามีการทุจริต แต่เป็นเรื่องของความหละหลวมในการกำกับดูแลจนส่งผลให้เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น โดยในเรื่องนี้มีผู้เกี่ยวข้องด้วยกันทั้งหมด 4 ราย คือ แม่ครัวที่ทำอาหาร ครูที่ทำหน้าที่กำกับดูแลการทำอาหารกลางวัน 2 ราย และผู้อำนวยการโรงเรียน
เนื่องจากเป็นความบกพร่อง ที่ส่งผลกระทบต่อตัวเด็กโดยตรง ทางคณะกรรมการสอบสวนฯ จึงมีมติให้โรงเรียนไปดำเนินการดังนี้ 1.ให้ทบทวนสัญญาจ้างกับแม่ครัวคนดังกล่าว โดยอาจจะเป็นการยกเลิกการจ้าง หรือ มีการตำหนิเป็นลายลักษณ์อักษร
2.ครูที่ทำหน้าที่ดูแลการจัดทำอาหารกลางวัน ซึ่งได้มีการรายงานปัญหาเข้ามา แต่ไม่ทำหน้าที่ในการระงับยับยั้ง จึงถือว่าผิดวินัยไม่ร้ายแรง
3.ผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งไม่พบว่ามีการทุจริต แต่ถือว่ามีความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่เพราะการจัดทำอาหารกลางวัน ไม่ได้เป็นหน้าที่ของผู้อำนวยการโรงเรียนในการกำกับดูแลโดยตรงแต่เป็นการมอบหมายหน้าที่ต่างๆอีกทีหนึ่ง
“สำหรับผู้อำนวยการโรงเรียนทางคณะกรรมการสอบสวนฯ จะแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามตรวจสอบ อีกชุดหนึ่งขึ้นมาเพื่อเข้าไปกำกับดูแลการทำงานอย่างใกล้ชิดเป็นระยะเวลา 6 เดือนเพื่อปลูกฝังเรื่องของการบริหารงานโรงเรียน ให้เกิดความรอบคอบในการบริหารและลดความผิดพลาดในการปฏิบัติหน้าที่ลง
กรณีนี้ทางสพฐ.ตรวจสอบแล้วว่าไม่มีการทุจริต แต่เป็นการบริหารงานบกพร่องจึงไม่ได้มีการสั่งย้ายและใช้วิธีการดูแลอย่างใกล้ชิดแทนเพื่อความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย
ในส่วนของเรื่องที่มีการกล่าวหาว่าผู้อำนวยการโรงเรียนนำอาหารกลับไปให้สามีรับประทานทุกวันนั้นไม่เป็นความจริง ข้อเท็จจริงคือสามีของผู้อำนวยการโรงเรียนได้เข้ามาทำหน้าที่เป็นวิทยากรที่มาบรรยายในโรงเรียนจึงต้องมีการนำอาหารมาจัดเลี้ยงซึ่งไม่ได้ผิดระเบียบหรือวินัยแต่อย่างใด เพราะวิทยากรรายอื่นก็ได้รับประทานเช่นเดียวกัน”
ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่เชิญผู้อำนวยการโรงเรียนคนดังกล่าวเข้ามาพบคณะกรรมการสอบสวนฯ ซึ่งมีการออกเป็นหนังสือคำสั่งเพื่อเรียกเข้าพบเรียบร้อยแล้ว โดยสพฐ.ยืนยันว่าตัดสินเรื่องนี้ด้วยความเป็นธรรมมากที่สุด
ขณะเดียวกันในขั้นตอนการสืบสวนก็ได้มีการพูดคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดรวมไปถึงตัวของผู้อำนวยการโรงเรียนซึ่งก็ได้ยืนยันตามข้อเท็จจริงว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความบกพร่องในการบริหารที่ไม่ได้มีโครงสร้างที่ดีมากพอเพื่อที่จะรายงานให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบหากมีปัญหาเกิดขึ้นและไม่ได้เกิดจากการทุจริตแต่อย่างใด
“สำหรับวัตถุประสงค์ที่จะต้องมีการเรียนผู้อำนวยการโรงเรียนเข้ามาคุย ที่สพฐ.นั้น เพื่อแจ้งมติของคณะกรรมการสอบสวนฯ ตามที่เลขาธิการกพฐ.มีความเห็นชอบ เพื่อความชัดเจน โดยจะเป็นการมุ่งเน้นให้ปรับปรุงด้านการบริหาร รวมไปถึงในขั้นตอนตรวจสอบอย่างใกล้ชิด
เพื่อปลูกฝังและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ ในส่วนของการดำเนินการที่ใช้เวลาตรวจสอบนานเพราะเรื่องนี้เป็นกระแสสังคมคณะกรรมการจึงต้องมีการตรวจสอบกันอย่างละเอียดให้มากที่สุดเพื่อไม่ให้มีข้อบกพร่อง หาข้อเท็จจริงและสร้างความเป็นธรรมให้ทุกฝ่าย”นายธีร์ กล่าว
นายธีร์ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยากเตือนให้ทุกโรงเรียนได้ปฎิบัติงานและบริหารให้มีความละเอียด ทั้งเรื่องกระบวนการจัดการเรียนการสอน เรื่องของกระบวนการบริหารบุคคล งบประมาณ และการควบคุมภาพรวมต้องมีความละเอียดมากกว่าเดิม เพื่อลดข้อผิดพลาดและความเข้าใจผิดต่อสังคมให้มากที่สุด อยากให้บุคลากรทางการศึกษาทุกคนปฏิบัติงานให้มีความรอบคอบ
หากมีข้อสงสัยหรือความไม่แน่ใจให้สอบถามผู้บังคับบัญชาตามระบบราชการ ในส่วนของผู้บริหารอยากให้มีการจัดสัดส่วนการใช้อำนาจให้เหมาะสมให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการบริหารมากขึ้น เพราะหลายเรื่องที่เกิดปัญหาเกิดจากการใช้อำนาจที่ไม่เหมาะสม ซึ่งทำให้เกิดข้อผิดพลาดและเกิดเป็นความเข้าใจผิดต่อสังคม
“ทุกครั้งที่มีการประชุมกับ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ผมจะเน้นย้ำให้ทางเขตพื้นที่ฯเข้าไปดูแลผู้อำนวยการโรงเรียนที่มีอายุงานไม่เกิน 5 ปี โดยเฉพาะในกลุ่มที่ไม่เคยเป็นรองผู้อำนวยการมาก่อน เพื่อลดปัญหาในการบริหารงานโรงเรียน
เนื่องจากผู้อำนวยการเหล่านี้ยังไม่มีประสบการณ์มากนักจึงอาจเกิดข้อผิดพลาดในการบริหารที่มีความซับซ้อนได้ ทั้งนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นจนเป็นกระแสสังคมขึ้นมาเป็นเพียงแค่ส่วนน้อยของโรงเรียนในสังกัดสพฐ.แต่โรงเรียนส่วนใหญ่ที่มีการบริหารการจัดการที่ดี แต่ไม่เป็นกระแส”นายธีร์ กล่าว