ข่าวการเมือง

จตุพร ฝากถึง ทักษิณ 18 ปีลงใต้ อย่าลืมไปขอโทษคนกรือเซะ-ตากใบ อย่างจริงใจ

การเมืองเข้ม จตุพร แนะ ทักษิณ ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน ลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ อย่าลืมไปขอโทษประชาชนเหตุการณ์กรือเซะ ตากใบ สะบ้าย้อย คาดสูตรใหม่ปรับ ครม. ถอดภูมิใจไทย ไม่เสริมพรรคไหนเข้าเสียบแทน ย้ำซักฟอกนายกฯ คนเดียว

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ออกมากล่าวถึงนายทักษิณ ชินวัตร ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน ซึ่งเตรียมจะไปลงพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ พร้อมประชุมร่วมกองทัพภาค 4 ส่วนหน้าเพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดน โดยระบุเนื้อหาร่ายยาวผ่านเฟซบุ๊ก @Jatuporn.UDD โดยจั่วหัวว่า “18 ปีทักษิณลงใต้ ไปขอโทษกรือเซะ-ตากใบ อย่างจริงใจด้วยเด้อ”

Advertisements

จตุพร พรหมพันธุ์ระบุว่า เมื่อนายทักษิณลงใต้ไปนราธิวาสก็ควรมาที่ตากใบ กรือเซะ และสะบ้าย้อย แล้วขอโทษประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่เสียชีวิต บาดเจ็บมากมายและเป็นปฐมบทให้เหตุการณ์ไม่สงบ 3 จังหวัดชายแดนใต้ขยายประทุรุนแรงขึ้นมาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2547

นายจตุพร กล่าวต่อว่า นายทักษิณ เป็นายกฯ ครั้งแรกปี 2544 แล้วถูกทหารยึดอำนาจปี 2549 นับจากนั้นกว่า 18 ปี ไม่เคยลงไปพื้นที่ชายแดนใต้เลย ดังนั้น 23 ก.พ.นี้ มีกำหนดการไปชายแดนใต้ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน (นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯมาเลเซีย) จึงควรไปแสดงความขอโทษกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่สงบรุนแรงที่เกิดช่วงตัวเองใช้อำนาจรัฐตำรวจ จัดการปัญหาด้วยวิธีรุนแรงด้วย

จากเหตุการณ์ปล้นปืนและความไม่สงบที่เกี่ยวเนื่องกัน นายทักษิณ กลับซ้ำเติมปัญหายิ่งขึ้น ด้วยการพูดเย้ยหยันความรุนแรงภาคใต้ว่า เกิดจากฝีมือโจรกระจอก แต่รัฐบาลไม่สามารถจัดการได้มานานกว่า 21 ปีดังนั้น โจรกระจอกจึงไม่เป็นจริง

ส่วนความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลนั้น นายจตุพร กล่าวว่า เป็นปัญหาทางการเมืองเพราะการล็อกเป้าตรวจสอบที่ดินเขาใหญ่ ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดินทั่วไประดับประเทศ แต่โยงการตรวจสอบไปพัวพันกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย จึงคิดเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากต้องการเจาะจงและหวังผลทางการเมืองระยะสั้นช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงกลางเดือนมีนาคมนี้

อีกทั้งเตือนพรรคประชาชน ฝ่ายค้าน ที่มีข่าวจะถูกดึงเข้าร่วมรัฐบาลแทนพรรคภูมิใจไทยว่า พรรคประชาชนต้องการคิดแค่วันนี้หวังเอาตัวรอด หรือคิดถึงการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ถ้าคิดถึงการเปลี่ยนแปลง ในอนาคตแล้ว การอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องล็อกเป้าที่นายกรัฐมนตรีคนเดียว

Advertisements

นอกจากนี้ นายจตุพร กล่าวว่า การปรับครม.ยังมีการวิเคราะห์อีกสูตรหนึ่งอาจเกิดขึ้น โดยปรับพรรคภูมิใจไทยออกและไม่ดึงพรรคใดเข้ามาร่วมรัฐบาลอีก

ซึ่งจะทำให้เสียงรัฐบาลไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับเสียง 25 สส.พรรคประชาชนที่มีแนวโน้มจะถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ จะทำให้เสียงจำนวนครึ่งของสภาอยู่ที่ประมาณ 230 เสียง แต่รัฐบาลมีมากถึง 260 เสียงในกรณีปรับพรรคภูมิใจไทยออกไป.

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button