ดำเนินคดีแล้ว 4 ราย กองทัพมดเก็บกระป๋องเบียร์ หลังรถบรรทุกเทกระจาด
ภาพ: Thanakrit Asulyakul / Mana Sombat / Kanlaya Singkangrang / Kritsada Mueanhawong
ภูเก็ต – ผกก.เมืองภูเก็ตเผย ดำเนินคดีแล้ว 4 ราย กองทัพมดเก็บกระป๋องเบียร์หลังรถบรรทุกเสียหลักเทกระจาดสูญกว่า 8 หมื่นกระป๋อง เร่งติดตามตัวและออกหมายเรียกเพิ่ม
สืบเนื่องจากกรณีที่รถเทรลเลอร์บรรทุกสินค้าของบริษัท ศิริมงคล โลจิสติกส์ จำกัด ซึ่งมีนาย สมพร พริ้มจรัส 58 ปี เป็นคนขับ ได้บรรทุกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยี่ห้อลีโอ เพื่อมาส่งให้กับบริษัทภูเก็ต สิวลี จำกัด ได้เกิดอุบัติเหตุเสียหลักขณะเข้าโค้ง ในช่วงเวลาประมาณ 05.20 น.วันที่ 11 ม.ค.62 บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อเซเว่นอิเลฟเว่น ปากซอยกิ่งแก้ว ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ตส่งผลให้เครื่องดื่มเทกระจาดลงจากรถ จำนวนมากและมีทรัพย์สินประชาชน
ซึ่งเป็นรถซาเล้งซึ่งจอดอยู่ริมถนนได้รับความเสียหาย 3 คัน รวมถึงป้ายต่างๆ ก่อนที่ในช่วงเช้าจะมีประชาชนที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวมาเก็บ ถึงแม้จะมีบางส่วนห้ามปรามแต่ก็ยังมีการเก็บนำกลับบ้าน ก่อนจะพบว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยี่ห้อลีโอที่บรรทุกมาทั้งหมด จำนวนกว่า 3,600 แพ็ก หรือ ประมาณ 86,400 กระป๋อง เทกระจาดลงจากรถ จำนวน กว่า 3,300 ถาดหรือประมาณ 79,200 กระป๋อง เหลือบนรถ 300 ถาด หรือประมาณ 7,200 กระป๋อง
แต่หลังจากที่มีประชาชนมาเก็บที่ตกหล่น และบางส่วนยังเก็บส่วนที่อยู่บนรถไปอีก ทำให้เหลืออยู่ประมาณ 200 กว่าถาด ประมาณ 4,800 กระป๋อง รวมสูญหายไปทั้งหมด 3,400 แพ็กหรือประมาณ 81,600 กระป๋อง รวมความเสียหายเบื้องต้นกว่า 2 ล้านบาท
ต่อมาในเวลา 14.00 น.ของวันเดียวกัน ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจ ของบริษัท ศิริมงคล โลจิสติกส์ จำกัด และนาย สมพร พริ้มจรัส 58 ปี เป็นคนขับ เข้าพบ พ.ต.อ.สมพงษ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต และ พ.ต.ท.ทักษิณ ภิญโญเทพประทาน สารวัตรสอบสวนสภ.เมืองภูเก็ต และเพื่อแจ้งความดำเนินคดีตามกฏหมาย ในข้อหา “ลักทรัพย์ฯ”
ความคืบหน้าการดำเนินคดีทางกฏหมาย ล่าสุดในวันนี้ (21 ม.ค.62 )พ.ต.อ.สมพงษ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนดำเนินคดีกับผู้ที่ลักทรัพย์ไปแล้วบางส่วน โดยแยกเป็นรายบุคคลไป โดยแยกเป็น 2 คดีใหญ่ๆคือถ้าผู้กระทำความผิดไม่มียานพาหนะ ก็จะดำเนินคดีตามความผิดฐาน “ลักทรัพย์ฯ” แต่ถ้ามียานพาหนะก็จะดำเนินคดีตามความผิด “ลักทรัพย์โดยมียานพาหนะฯ” ซึ่งลักษณะความผิดและน้ำหนักโทษจะไม่เท่ากัน
ซึ่งล่าสุดสามารถจับกุมดำเนินคดีมาแล้ว 4 ราย โดยทั้ง 4 ราย รับสารภาพทั้งหมดว่าได้เอาไปดื่มกิน หลังจากที่เห็นคนอื่นเก็บ จึงเก็บด้วย ส่วนรายอื่นๆนั้นอยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวนฯ โดยจะตรวจสอบเพิ่มเติมตามหลักฐานที่ปรากฏ ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายเรียกมาทำการสอบสวน ก่อนแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป
ส่วนคนที่รับซื้อนั้นขณะนี้ยังไม่ปรากฏพบ แต่ถ้าสอบสวนแล้วเกี่ยวข้อง มีพยานหลักฐานชัดเจนก็จะต้องดำเนินคดีฐานความผิด “รับซื้อของโจรฯ”
ทั้งนี้ในส่วนของคนที่เหลือนั้นหากต้องการให้โทษจากหนักเป็นเบาก็ควรจะมาติดต่อขอมอบตัวหรือแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งในชั้นศาลในการพิจารณาคดีนั้นศาลท่านอาจจะใช้ดุลพินิจ ในการบรรเทาโทษให้ได้
อย่างไรก็ตามอยากฝากถึงพี่น้องประชาชนกรณีเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ควรเข้าไปหยิบข้าวของหรือทรัพย์สินมาเป็นทรัพย์สินส่วนตัว เพราะนอกจากจะเป็นการซ้ำเติมผู้ประสบเหตุซึ่งได้รับความเดือดร้อนอยู่แล้ว ให้ได้รับความเดือดร้อนเพิ่มอีก ยังเป็นการกระทำที่ผิดกฏหมาย ควรจะให้การช่วยเหลือกันมากกว่า