รร.นายร้อย ยอมรับแล้ว อาจารย์สั่งลูกศิษย์ขัดจรวดโชว์
รอง ผบช.รร.นรต. ยอมรับเกิดขึ้นจริง อาจารย์นายร้อยสั่งลูกศิษย์ขัดจรวดโชว์ เผยมีผู้ก่อเหตุสองคน สั่งมอบหมายให้สอบสวนเพิ่มเติมแล้ว
จากกรณีที่เพจ บิ๊กเกรียน ได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กเล่าเรื่อง บิ๊กเกรียน ขอฟ้อง บิ๊กต่าย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.กับ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผช.ผบ.ตร. นำเรียนท่านเพื่อทราบ เนื่องด้วยผู้ปกครอง ญาติๆ มีความกังวลใจ เรื่องล่วงละเมิดนักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) ในรั้วสามพรานนครปฐม เรื่องใหญ่มาก และไม่ใช่รายเดียวที่ถูกกระทำ แต่เรื่องกลับเงียบสนิท เพราะมีนายตำรวจปกครองบางนายใน ร.ร.นรต.สั่งหาต้นตอและให้ช่วยกันปกปิดเรื่อง แทนที่จะรีบดำเนินการ แยกอาชญากรทางเพศออกจากสังคมรั้วสามพราน โดยระบุว่ามีการสั่งให้ นรต. ขัดจรวดโชว์ จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปก่อนหน้านี้นั้น
ล่าสุด พล.ต.ต.ศักดิ์รพี เพรียวพานิช รองผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ หรือ รร.นรต. ชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าว โดยระบุว่า ทราบเรื่องตั้งแต่วันเกิดเหตุโดยเป็นเรื่องที่เด็กนักเรียนไปปรึกษาตำรวจระดับผู้หมวด ซึ่งได้สั่งการให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว เบื้องต้น มีเด็กนักเรียนชั้นปีที่1 ถูกกระทำสองคนอ้างว่าเกรงใจรุ่นพี่
ส่วนผู้ก่อเหตุเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ 1 และอีกคนเป็นคนนอก อยู่ระหว่างการตรวจสอบยังไม่ได้ยืนยันแน่ชัดว่าเป็นบุคคลใดและเป็นเพื่อนตำรวจจริงหรือไม่ แต่ย้ำว่าเรื่องนี้อยู่ที่เจตนาของเด็กนักเรียนทั้งสองว่าจะเอาเรื่องหรือไม่ เพราะบรรลุนิติภาวะแล้วโดยเด็กขอปรึกษาผู้ปกครองก่อน ซึ่งคดีอนาจารเป็นความผิดที่ยอมความกันได้ และเด็กสองคนที่ถูกกระทำบรรลุนิติภาวะแล้ว จึงให้ตัดสินใจเองว่าจะเอาเรื่องหรือไม่เอาเรื่อง หากตัดสินใจเอาเรื่องก็ต้องถูกดำเนินคดี ส่วนคนที่กระทำหากตรวจพบว่าเป็นอาจารย์จริงก็ต้องถูกถอดถอนเพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่าง ยอมรับว่าเรื่องนี้ทำให้เกิดควมเสียหายต่อภาพลักษณ์ของโรงเรียนนายร้อยตำรวจและองค์กรตำรวจ
พล.ต.ต.ศักดิ์รพี กล่าวว่า กรณีดังกล่าวหากเด็กดำเนินคดี หรือดำเนินคดีไปแล้วมีการยอมความกัน ก็จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและต้องงดเว้นการปฎิบัติหน้าที่หรือถอดถอนการเป็นอาจารย์ ซึ่งการทำอนาจารเด็กเป็นเรื่องส่วนตัวและอ้างว่าเด็กรู้จัก
ขณะที่เด็กนักเรียนบอกว่าเห็นเป็นรุ่นพี่ด้วยความเกรงใจจึงยอมทำตาม เบื้องต้น ตนเองได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.จิรชาติ เจริญศรี ผู้บังคับการปกครอง โรงเรียนนายร้อยตำรวจดำเนินการเรียกทั้งสองฝ่ายมาสอบถามโดยและมอบแนวทางการทำงานแล้ว ย้ำว่าใครผิดก็ต้องว่าไปตามผิด
ส่วนที่ช่วงนี้มีข่าวฉาวของอาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจบ่อยนั้น ทางโรงเรียนฯได้มีการประชุมสั่งการเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องตลอด เพราะเป็นเรื่องที่ป้องกันได้แต่ห้ามไม่ให้เกิดไม่ได้ โดยเฉพาะสมัยนี้สังคมเปิดกว้างและ LGBTQ ก็เป็นที่ยอมรับในสังคม แต่การกระทำที่เปิดเผยมากเกินไปและมีการกระทำกันในรั้วโรงเรียนสถาบันหลักต้นแบบของตำรวจ เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้
ตนเองในฐานะที่เป็นตำรวจและเติบโตมาจากการทำงาน ไม่ใช่นักวิ่งเต้น ไปอยู่ที่ไหนก็ตั้งใจทำงานพยายามกวดขันวินัย อยากเห็นองค์กรเดินให้ตรงทาง อยากให้ทุกคนรู้หน้าที่และปฎิบัติหน้าที่ได้ทุกตำแหน่งตามที่ได้รับมอบหมาย กรณีที่เกิดขึ้นก็ต้องแก้ไขไม่มีความจำเป็นต้องปกปิดหรือซุกไว้ใต้พรม เพราะสุดท้ายแล้วความจริงก็ต้องเปิดเผยและจะยิ่งส่งผลเสียต่อองค์กร
ทั้งนี้ มีรายงานว่าสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีผู้ก่อเหตุเป็นนายตำรวจยศ พ.ต.ต. อักษรย่อ ม.ม้า (นรต.รุ่น66) ในฐานะที่เป็นอาจารย์ รร.นรต.กับนายตำรวจยศ พ.ต.ต. อักษรต่อ ต.เต่า ตำแหน่ง พนักงานสอบสวนพื้นที่นครบาล ซึ่งเป็นเพื่อนนักเรียนนายร้อยรุ่นเดียวกัน โดยมีรายงานว่าตำรวจทั้งสองนายได้ใช้ความเป็นรุ่นพี่ที่มีทั้งชั้นยศและมีค่านิยมปลูกฝังกันมาว่ารุ่นน้องต้องกลัวรุ่นพี่ทำให้เกิดความเกรงกลัวและปฎิบัติตามทั้งที่เป็นคำสั่งที่ผิดทั้งวินัยและอาญา
โดยมีนักเรียน นรต.ตกเป็นเหยื่อหลายนายและก่อนหน้านี้ผู้บังคับบัญชามีการเรียกไปตักเตือนแต่ยังไม่เลิกพฤติกรรมทำให้หวาดเกรงต่อนักเรียน นรต.จำนวนมาก แต่ต้องยอมรับว่าเพศสภาพ LGBTQ เป็นที่ยอมรับและมีกฎหมายยอมรับ แต่เรื่องความไม่เหมาะสมและวินัย อีกทั้งเป็นสถานที่สร้างตำรวจกลับต้องมาเป็นสถานหวาดกลัวกับต้นแบบตำรวจ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง