เผยข้อความ “ทนายตั้ม” ฝากถึงเมีย อัจฉริยะ เตือน ทนายสายหยุด ถอนตัว ไม่งั้นเสียชื่อ
“ทนายสายหยุด” รุดเยี่ยม “ทนายตั้ม” หลังคนสนิท นุ และ สารินี ถูกจับ ลั่นพร้อมถอนตัวหากพยานหลักฐานมัดแน่น ทนายตั้ม ฝากข้อความถึงภรรยา ให้ทนไปก่อน
กรุงเทพฯ – 12 พ.ย. 67 ความคืบหน้าคดีฉ้อโกง 39 ล้าน นายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เปิดเผยหลังเข้าเยี่ยมทนายตั้มในเรือนจำ โดยยืนยันว่าไม่ได้หลบเลี่ยงสื่อมวลชน แต่รีบเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังทราบข่าวการจับกุมนายนุวัฒน์ และ น.ส.สาริณี คนสนิทของทนายตั้ม
ทนายสายหยุด เผยว่า รีบตรวจสอบกับพนักงานสอบสวนว่าจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับทนายตั้มหรือไม่ เนื่องจากมีกระแสข่าวลือหนาหู ซึ่งตนในฐานะทนายความมีสิทธิ์ที่จะรับทราบรายละเอียด
“หากพยานหลักฐานชี้ชัดว่าทนายตั้มร่วมขบวนการ ผมก็จะไม่ทำคดีนี้ให้ และจะต้องไปพูดคุยกับทนายตั้มอีกครั้ง” ทนายสายหยุด กล่าว
อย่างไรก็ตาม ทนายสายหยุด ยืนยันว่า การเข้าเยี่ยมทนายตั้มในวันนี้ ยังไม่ได้พูดคุยถึงคดีความ เนื่องจากตนเพิ่งทราบข่าวการจับกุมคนสนิทของทนายตั้ม และไม่อยากให้ทนายตั้มกังวลใจ
ทนายสายหยุดย้ำว่า ขอให้ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาก่อน แล้วค่อยดูพยานหลักฐาน หากชัดเจนว่าเกี่ยวข้องก็คงต้องถอนตัว แต่เบื้องต้นยังเชื่อว่าทนายตั้มไม่ได้เกี่ยวข้องไม่อยากพิพากษาทนายตั้มไปก่อนเหมือนที่สังคมกำลังพิพากษา
นอกจากนี้ ทนายสายหยุด ยังเปิดเผยข้อความที่ทนายตั้มฝากถึงภรรยาว่าให้ทนอยู่ไปก่อนพร้อมยืนยันว่า ทนายตั้มยังมีสภาพจิตใจที่ดี
คดีนี้ ต้องจับตาดูกันต่อไปว่า พนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับทนายตั้มหรือไม่ และทนายสายหยุดจะยังคงทำหน้าที่ต่อไปหรือไม่?
ขณะเดียวกัน ความเคลื่อนไหวทางฝั่ง นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ออกมาเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม หลังศาลออกหมายจับ นายนุ และ น.ส.สาริณี ภรรยา ในคดีฉ้อโกง 39 ล้านบาทของ “เจ๊อ้อย” โดยระบุว่า นายนุ และ น.ส.สาริณี เป็นเพียงตัวละครที่ “ทนายตั้ม” ใช้ในการหลอกลวง และคดีนี้อาจมีผู้ถูกออกหมายจับเพิ่มอีก รวมถึงเครือญาติของทนายตั้ม รวมถึงบุคคลที่ทำหน้าที่ถือเงินไปถอนจากห้างสรรพสินค้าย่านลาดพร้าว
นายอัจฉริยะ ยังเผยว่า ตนเองได้รับหมายเรียกจากกองบังคับการปราบปราม ให้ไปเป็นพยานในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ เนื่องจากรู้เห็นเกี่ยวกับการซ่อนทรัพย์สินของทนายตั้ม ทั้งในคดี 39 ล้านบาท และ 71 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ นายอัจฉริยะ ยังได้วิพากษ์วิจารณ์ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ กรณีที่ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า จะพาพยานมายืนยันว่า “เจ๊อ้อย” ให้เงินทนายตั้มเอง โดยนายอัจฉริยะ มองว่าเป็นการให้ข้อมูลที่ “มั่ว” และหากทนายเดชา รู้เรื่องราวทั้งหมดจริง ก็ควรแนะนำให้ “ทนายสายหยุด” ถอนตัวจากการเป็นทนายความ เพราะอาจทำให้เสียชื่อเสียงได้
นอกจากนี้ นายอัจฉริยะ ยังตั้งคำถามถึงบทบาทของทนายเดชา ในการพาพยานไปพบตำรวจ ทั้งที่ไม่ใช่ทนายความในคดีนี้ โดยมองว่า ควรเป็นหน้าที่ของ “ทนายสายหยุด” มากกว่า
ส่วนกรณีที่ทนายเดชา ระบุว่า คดีนี้ อัยการอาจไม่สั่งฟ้อง นายอัจฉริยะ ยืนยันว่า ตำรวจได้ปรึกษาอัยการก่อนเสนอศาลออกหมายจับแล้ว ดังนั้นทุกอย่างผ่านการกลั่นกรองมาเป็นอย่างดี
ท้ายที่สุด นายอัจฉริยะ ยังแสดงความคิดเห็นถึงกรณี “ศึกน้ำลาย” ระหว่างทนายเดชา กับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล โดยมองว่า นายสนธิ เหนือกว่า และหากทนายเดชา กล่าวหาว่าถูกนายสนธิ ตบทรัพย์ ก็ต้องหาพยานหลักฐานมายืนยัน มิเช่นนั้น อาจเข้าข่ายหมิ่นประมาทได้ พร้อมแนะนำให้ทนายเดชา เข้าไปขอโทษนายสนธิ จะเป็นทางออกที่ดีกว่า
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง