ท้า “บอสพอล” ออกโหนกระแส หุ้นส่วนโผล่แย้ง ป่วยการ-คำถามแนวข่มขู่
ผู้เสียหายท้า บอสพอล เจ้าของดิไอคอนกรุ๊ป กล้าไปเคลียร์ข้อเท็จจริงในโหนกระแส ของหนุ่ม กรรชัย หรือไม่ ประเด็นร้อนหลอกผู้เสียหายลงทุนจนเสียหายหลายร้อยล้านจริงไหม ซีอีโอหนุ่มโผล่ตอบใต้โพสต์ลุ้นหอบหลักฐานแจงความบริสุทธิ์ ก่อนแม่ข่ายรายใหญ่แจะเบรคจนเกือบดราม่า
เรียกว่าเป็นความคืบหน้าที่ต้องอัปเดตกันาทีต่อนาที หลังจากวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ “บอสพอล” ผู้บริหารบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนของปคบ. เมื่อวานนี้ (12 ต.ค.) โดยแสดงความเสียใจต่อกรณีผู้เสียหายจำนวนหนึ่งออกมาเปิดเผยมูลค่าความเสียหายที่รวมแล้วกว่า 178 ล้านบาท ที่เกิดขึ้นจากการนำทรัพย์สินมาลงทุนกับบริษัทซึ่งตอนนี้ยอดผู้เสียหายจากรายงานของสอบสวนกลาง ระบุตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค.ถึงปัจจุบัน มีแล้วทิ้งสิ้น 488 ราย
ทั้งนี้ บอสพอล กล่าวว่าบริษัทก่อตั้งมา 6 ปี ตนเองไม่เคยคิดการขายของออนไลน์นี้จะเป็นสิ่งผิดกฎหมายและดิไอคอนกรุ๊ปก็ไม่ใช่บริษัทแรกที่ประกอบธุรกิจรูปแบบดังกล่าว ขณะที่ล่าสุดยังโพสต์ข้อความผ่านช่องทางโซเชียลหลังจากเข้าพบพนักงานสอบสวนด้วยว่า
“เมื่อวานนี้…ผมได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยการไปให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ในขณะนี้มีข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ บนโลกโซเชียลเป็นจำนวนมากซึ่งมีทั้งเรื่องที่เป็นความจริง “แค่บางส่วน” แต่หลายข้อมูลเป็นข้อมูลที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงและคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงไปไกล”
“ผมขอความร่วมมือจากพี่น้อง #TheiCon ทุกท่านที่ยังรักและเชื่อมั่นในบริษัท หลายคนยังมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจขายสินค้าต่อไป ไม่แปลกเลยเมื่อท่านได้เห็นข่าวสารหรือข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงที่ถูกแชร์โดยสื่อต่างๆ อาจทำให้ทุกท่านรู้สึกไม่สบายใจ และมีความต้องการที่จะตอบโต้หรือชี้แจง และแสดงความคิดเห็นในอีกแง่มุมหนึ่ง”
“แต่อย่างไรก็ตามผมขอความร่วมมือจากทุกท่านไม่ตอบโต้ด้วยอารมณ์ หลีกเลี่ยงการคอมเมนต์ที่พาดพิงหรือกระทบกระเทียบผู้อื่นหรือกล่าวถึงใครในทางที่ไม่ดี เราควรดำเนินการทุกอย่างด้วยความสุภาพ และอยู่ในกรอบที่เหมาะสมครับ ผมยังคงเชื่ออยู่เสมอว่า ความถูกต้อง จะคุ้มครองเรา! บอสพอล”
ต่อมามีผู้ร่วมลงทุนรายหนึ่งเขียนข้อความแจ้ง เคยขอความช่วยเหลือกับแม่ทีมเรื่องสินค้าที่ปล่อยไว้นานจะหมดอายุ แต่สุดท้ายไม่มีใครช่วยเหลือ ก่อนจะกล่าวโทษตัวเองกับเรื่องที่เกิดขึ้นซึ่งต่อมา บอสพอลเข้ามาตอบกลับโดยบอกให้ลูกค้ารายนี้ติดต่อเข้ามาที่ไอคอนเฮ้าส์คอลเซ็นเตอร์ได้เลย ที่เบอร์ 02 599 1999
นอกจากนี้ ผู้ใช้เฟซบุ๊กยังแนะนำให้ไปออกรายการโหนกระแส เพื่อชี้แจงเรื่องทั้งหมดด้วย
“ออก โหนกระแส ไหมครับ เห็นก่อนหน้านี้เดินสายออกรายการทีวีอวดร่ำอวดรวย อวดความลำบากเยอะแยะ แต่พอมีประเด็น มีคดีความ มีพื้นที่ให้ออกรายการแต่ทำไมไม่ไปออก ได้เจอกับผู้เสียหายที่อยากเจอตัวเป็นๆ น่าจะแสดงความจริงใจให้ประชาชนได้เห็นง่ายๆ” ซึ่งประเด็นนี้ซีอีโอที่กำลังเข้าข่ายมีคดีฉ้อโกงประชาชนก็เข้ามาคอมเมนต์ตอบกลับสั้น ๆ ว่า “น่าสนใจครับ” ก่อนที่การสนทนาเกือบานปลายเป็นดราม่าเล็ก ๆ ขึ้น เมื่อหุ้นส่วนรายหนึ่งเข้ามาแสดงความเห็นทำนองไปชี้แจงในรายการดังอาจไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่
“การออกโหนกระแสใช่จะพิสูจน์อะไรได้บางคำถาม มาในแนวข่มขู่บางคำถามมาในแนวชี้นำ คิดว่าป่วยการที่จะไปออกโหนกระแส” โดยคอมเมนต์จากหุ้นส่วนใหญ่รายนี้ทางบัญชีเฟซบุ๊กของบอสพอลเองต้องรีบเข้ามาตอลกลับด้วยการขึ้นอิโมจิแสดงสัญลักษณ์เชิงห้ามปรามเพื่อหยุดแม่ข่ายรายนี้ตอบโต้อะไรเพิ่มเติมผ่านโซเชียลอีกด้วย
อย่างไรก็ดี พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) กล่าวถึงการเอาผิดกรณีบริษัทเครือข่ายที่กำลังเป็นประเด็นจับตาของสังคม ณ ขณะนี้ โดยล่าสุดได้เข้าตรวจค้นบริษัทและบริษัทในเครือ รวมทั้งโกดังสินค้าในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลแล้ว
ตอนนี้ผู้บริหารที่ถูกกล่าวหา คือ บอสพอล ที่เข้าข่ายความผิด พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกง ส่วนเรื่องของหมายจับยังทำไม่ได้ เนื่องจากต้องรอรวบรวมพยานหลักฐานที่เป็นเอกสาร โดยเฉพาะการสอบปากคำผู้เสียหายรายบุคคลรวมไปถึงการบุกเข้าตรวจค้นซึ่งพยายามจะหาหลักฐานที่เป็นเอกสารเชื่อมโยงของบริษัท เพื่อนำไปสู่การแจ้งข้อกล่าวหากับผู้บริหารบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
ส่วนบุคคลอื่นๆ ที่ทยอยเข้าพบพนักงานสอบสวนในตอนนี้ ยังไม่เข้าข่ายความผิดใด และยังไม่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา แต่ตรวจพบว่ามีบุคคลของบริษัทดิไอคอนฯ บางราย มีความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ด้วยซึ่งยังต้องรอสืบทราบข้อเท้จจริงทั้งหมดโดยละเอียดอีกครั้ง.
อ่านข่าวเพิ่มเติม