ท่องเที่ยวอีเว้นท์

ปักหมุด 8 ประเทศ “สวรรค์บนดิน” ออกทริปเที่ยวปลายปี ธรรมชาติบำบัดใจ

เสียงกระซิบของสายลมเย็น กลิ่นอายของฤดูกาลที่เปลี่ยนผ่าน โลกแต่งแต้มไปด้วยสีสันอันน่าตื่นตาตื่นใจ… นี่คือทริปเที่ยวที่รอคอยนักเดินทางในช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคม 2567 ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้หลงใหลในความงามของธรรมชาติ นักสำรวจวัฒนธรรม หรือนักชิมอาหารตัวยง เราขอพาคุณออกเดินทางไปยัง 8 จุดหมายปลายทางที่จะทำให้คุณหลงรักการท่องเที่ยวในช่วงปลายปีอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ท่ามกลางมาร่วมเดินทางไปด้วยกัน และค้นพบว่าทำไมช่วงเวลานี้จึงเป็นช่วงที่วิเศษสุดสำหรับการออกสำรวจโลกกว้าง!

1. ญี่ปุ่น ดินแดนแห่งใบไม้เปลี่ยนสีและออนเซ็น

ช่วงเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน เป็นช่วงเวลาที่ธรรมชาติของญี่ปุ่นแต่งแต้มสีสันอันงดงามด้วยใบไม้เปลี่ยนสีของฤดูใบไม้ร่วง จากสีเขียวขจีกลายเป็นเฉดสีแดง ส้ม และเหลืองทองอร่าม สร้างทัศนียภาพที่สวยงามราวกับภาพวาด ไม่ว่าจะเป็นสวนสาธารณะ วัดวาอาราม หรือภูเขาสูง ก็ล้วนเต็มไปด้วยความงดงามที่ยากจะลืมเลือน

Advertisements

คนไทยที่ต้องการสัมผัสอากาศเย็นสบายหลังจากฤดูร้อนที่ร้อนอบอ้าว อากาศในช่วงนั้นจะเย็นสบายและสดชื่น เหมาะสำหรับการเดินเล่นชมเมือง หรือทำกิจกรรมกลางแจ้งต่าง ๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องอากาศร้อนหรือฝนตก

เราไม่อยากให้คุณพลาดเทศกาลชมใบไม้เปลี่ยนสี เทศกาลอาหารฤดูใบไม้ร่วง และการประดับไฟช่วงคริสต์มาส ทำให้คุณได้สัมผัสวัฒนธรรมและประเพณีของญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด รวมถึงสถานที่พักผ่อนหย่อนใจไม่ว่าจะเป็นเมืองใหญ่ที่ทันสมัยอย่างโตเกียวและโอซาก้า เมืองเก่าแก่และวัดวาอารามทางประวัติศาสตร์อย่างเกียวโตและนารา หรือธรรมชาติอันงดงามอย่างภูเขาไฟฟูจิและหมู่เกาะโอกินาว่า

ภูเขาไฟฟูจิ

อีกข้อดีคือ ปริมาณคนเมื่อเทียบกับช่วงฤดูใบไม้ผลิที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคมจะมีนักท่องเที่ยวน้อยกว่า ทำให้คุณสามารถเที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกสบาย และสัมผัสบรรยากาศที่แท้จริงของญี่ปุ่นได้มากขึ้น

อาหารอร่อยหลากหลาย ญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องอาหารสด หลากหลาย ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงจนถึงต้นฤดูหนาว คุณจะได้ลิ้มลองอาหารตามฤดูกาล เช่น เห็ดมัตสึทาเกะ เกาลัด อาหารทะเลสดใหม่ นอกจากนี้ ยังมีร้านอาหารและคาเฟ่ที่มีบรรยากาศอบอุ่น เหมาะสำหรับการพักผ่อนและเพลิดเพลินกับอาหารตา

Advertisements

เราแนะนำให้คุณเตรียมเสื้อแจ็คเก็ตบาง ๆ สำหรับช่วงต้นฤดู เสื้อโค้ทที่อุ่นขึ้น ผ้าพันคอและถุงมือ สำหรับช่วงอากาศเย็นลงปลายปี

อย่าลืมคุณวางแผนจะไปแช่ออนเซ็นกลางแจ้งในคืนที่อากาศเย็นไว้ในตารางด้วยนะ

แช่ออนเซ็นที่ญี่ปุ่น

2. ตุรกี ดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมน่าหลงใหล

ตุรกี ดินแดนที่เชื่อมสองทวีปยุโรปกับเอเชีย เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่สมัยจักรวรรดิออตโตมัน จึงวัฒนธรรมที่หลากหลายผสมระหว่างคริสต์กับอิสลาม ทิวทัศน์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ สายลมเย็นของฤดูใบไม้ร่วงโชยพัดผ่านถนนหินเก่าแก่ของอิสตันบูล และใบไม้สีทองเริ่มร่วงหล่นในสวนสาธารณะของอังการา นั่นคือสัญญาณว่าช่วงเวลาที่วิเศษสุดของการท่องเที่ยวตุรกีได้มาถึงแล้ว

ไม่ว่าคุณจะเดินเล่นในตรอกซอกซอยของแกรนด์บาซาร์ หรือสำรวจซากปรักหักพังของเอเฟซัส คุณจะรู้สึกสดชื่นท่ามกลางอุณหภูมิระหว่าง 10-19 องศาเซลเซียส ไม่ต้องทนเหงื่อโซมกายเหมือนในช่วงกลางปี

ตุรกี ดินแดนที่เชื่อมสองทวีปยุโรปกับเอเชีย เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่สมัยจักรวรรดิออตโตมัน จึงวัฒนธรรมที่หลากหลายผสมระหว่างคริสต์กับอิสลาม ทิวทัศน์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ

แต่อากาศดีไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ควรมาเยือนตุรกีในช่วงนี้ ภาพความงามของคัปปาโดเกีย ดินแดนแห่งปล่องไฟนางฟ้า ที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีสันของฤดูใบไม้ร่วง ภูมิทัศน์อันน่าพิศวงนี้ยิ่งทวีความมหัศจรรย์ เมื่อใบไม้สีทอง แดง และส้มประดับประดาไปทั่วหุบเขา สร้างภาพที่ราวกับหลุดออกมาจากนิทานปรัมปรา

สำหรับนักชิม ตลาดท้องถิ่นเต็มไปด้วยผลไม้ตามฤดูกาลอย่างทับทิมสีแดงสด ลูกพลับหวานฉ่ำ และถั่วนานาชนิด ในขณะที่ร้านอาหารปรุงเมนูพิเศษจากวัตถุดิบตามฤดูกาล ลองนั่งจิบชาตุรกีร้อนๆ ในคาเฟ่เก่าแก่ พลางชมผู้คนเดินผ่านไปมา นี่คือวิธีที่ดีที่สุดในการซึมซับบรรยากาศของตุรกีอย่างแท้จริง

ตรอกซอกซอยของแกรนด์บาซาร์ หรือสำรวจซากปรักหักพังของเอเฟซัส คุณจะรู้สึกสดชื่นท่ามกลางอุณหภูมิระหว่าง 10-19 องศาเซลเซียส

แม้ว่าสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างอิสตันบูล คัปปาโดเกีย และเอเฟซัสจะยังคงเป็นปลายทางยอดนิยม แต่อย่าลืมสำรวจสถานที่อื่นๆ ด้วย เช่นลองไปชมน้ำตกดูเดน ใกล้เมืองอันตัลยา คุณจะเห็นสายน้ำสีเขียวมรกตตัดกับใบไม้สีแดงและส้ม หรือเยี่ยมชมปามุกคาเล สระน้ำแร่สีขาวบริสุทธิ์ตัดกับท้องฟ้าสีครามในฤดูใบไม้ร่วง สร้างภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจ

แม้ว่าอากาศตุรกีช่วงนั้นจะเย็นสบาย แต่ก็อาจมีวันที่อากาศเย็นจัดหรือฝนตกได้ เตรียมเสื้อกันหนาวเบาๆ และร่มติดตัวไปด้วย

3. เนปาล ดินแดนหุบเขาสูง สงบ ได้ยินเสียงพระเจ้า

หากคุณได้นอนในประเทศเนปาล จะถูกปลุกด้วยเสียงกระดิ่งวัดดังกังวานในยามเช้าตรู่ ฤดูใบไม้ร่วงที่นี่พิเศษกว่าที่ไหนๆ ด้วยอากาศแจ่มใส ท้องฟ้าสีครามสดใส คุณจะได้ชมวิวเทือกเขาหิมาลัยอันตระการตาอย่างชัดเจน โดยไม่มีเมฆหมอกมาบดบัง

กิจกรรมแนะนำคือเดินป่ากับปีนเขา ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางเดินเขาอันนาปุระ (Annapurna Circuit) อันโด่งดัง หรือการเดินทางสู่ เอเวอร์รเรสเบสแคมป์ (Everest Base Camp) สุดท้าทาย คุณจะได้สัมผัสกับธรรมชาติที่งดงามบริสุทธิ์ ไร้ PM2.5 อย่างที่ไม่เคยพบที่ไหนมาก่อน

ประเทศเนปาล กับวิวเทือกเขาหิมาลัย พร้อมเสียงกระดิ่งวัดดังกังวานในยามเช้าตรู่ ฤดูใบไม้ร่วงที่นี่พิเศษกว่าที่ไหนๆ ด้วยอากาศแจ่มใส ท้องฟ้าสีครามสดใส

ที่เมืองกาฐมาณฑุ เมืองหลวงเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ คุณจะได้ดื่มด่ำกับวัฒนธรรมที่ผสมผสานระหว่างฮินดูและพุทธศาสนาอย่างลงตัว เดินชมจัตุรัส “จัตุรัสกาฐมาณฑุดูร์บาร์” รายล้อมด้วยวัดวาอารามเก่าแก่ ราวกับหลุดไปในโลกยุคพุทธกาล หรือนั่งจิบชาในร้านน้ำชาเล็กๆ พลางชมผู้คนที่เดินผ่านไปมาในชุดประจำชาติสีสันสดใส กว่าจะรู้ตัว คุณอาจหลงรักเนปาลอย่างถอนตัวไม่ขึ้น

อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดคือการไปเยือนอุทยานแห่งชาติชิตวัน คุณจะได้นั่งช้างชมธรรมชาติสัตว์ป่านานาชนิด ทั้งแรด นกยูง หากโชคดีอาจได้พบเสือโคร่งเบงกอลด้วยนะ

ภาพบรรยากาศผู้คน สถานที่ท่องเที่ยว วิถีชีวิตในประเทศเนปาล

สิ่งที่ทำให้การเที่ยวเนปาลแตกต่างจากที่อื่นคือความเป็นมิตรและความอบอุ่นของผู้คน ชาวเนปาลมีชื่อเสียงในเรื่องความใจดีการต้อนรับขับสู้ คุณจะรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวใหญ่ ไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวธรรมดา การพักโฮมสเตย์ในหมู่บ้านเล็กๆ หรือร่วมพิธีกรรมทางศาสนาในวัดท้องถิ่น จะทำให้คุณเข้าใจวิถีชีวิต จิตวิญญาณของเนปาลอย่างแท้จริง

ก่อนออกเดินทาง อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อม แม้ว่าช่วงนี้จะเป็นฤดูที่ดีที่สุดสำหรับการท่องเที่ยว แต่อากาศในเขตภูเขาอาจหนาวเย็นมาก เตรียมเสื้อผ้ากันหนาวที่อบอุ่นและรองเท้าเดินป่าที่แข็งแรง และที่สำคัญ เปิดใจให้กว้าง พร้อมที่จะเรียนรู้และเคารพวัฒนธรรมท้องถิ่น

4. ออสเตรเลีย เที่ยวเมืองจิงโจ้ด้วยอากาศชิล ๆ

ช่วงปลายเดือนตุลาคม ดอกวิสทีเรียสีม่วงเริ่มบานสะพรั่งในสวนสาธารณะของซิดนีย์ พร้อมเสียงของนกคูกาบูร่าดังก้องในป่ายูคาลิปตัส เบิกบานใจด้วยอากาศที่อบอุ่นสบาย ไม่ร้อนจัดเหมือนกลางฤดูร้อน ท้องฟ้าสีครามสดใสและแสงแดดอ่อนๆ ทำให้เป็นช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบสำหรับการท่องเที่ยวและทำกิจกรรมกลางแจ้ง

คุณจะได้สัมผัสกับธรรมชาติที่สดชื่น ไม่ต้องทนกับความแออัดของนักท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่น แนะนำให้พาตัวเองเดินเล่นบนชายหาดบอนได อันโด่งดังในซิดนีย์ ทรายสีทองอุ่นๆ ใต้เท้า คลื่นสีฟ้าใสกำลังม้วนตัวเข้าหาฝั่ง ห้ามพลาดอาบแดด เล่นเซิร์ฟเชียวล่ะ เพราะอุณหภูมิของน้ำทะเลกำลังอุ่นขึ้นพอดี แต่ยังไม่ร้อนจนเกินไป

หากคุณเป็นคนโลกใต้ท้องทะแล “เกรตแบร์ริเออร์รีฟ” ในช่วงนี้ น้ำทะเลใสราวกระจก อุณหภูมิกำลังเหมาะเจาะสำหรับการดำน้ำ ดื่มด่ำกับความงามของโลกปะการังหลากสีสัน ปลาการ์ตูนตัวน้อย และอาจได้ว่ายน้ำเคียงข้างเต่าทะเลยักษ์

สำหรับคนรักดอกไม้ เทศกาลฟลอริเอดในแคนเบอร์รา เมืองหลวงของออสเตรเลีย งานเฉลิมฉลองฤดูใบไม้ผลิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย ระหว่างกลางเดือนกันยายนถึงตุลาคม สวนสาธารณะอุทยานเครือจักรภพ (Commonwealth Park) เปลี่ยนโฉมเป็นทุ่งดอกไม้หลากสีสันนับล้านดอก ทั้งทิวลิป แดฟโฟดิล และไฮยาซินธ์ สร้างภาพที่สวยงามราวกับภาพวาด พร้อมกิจกรรมสนุกๆ มากมายสำหรับทุกเพศทุกวัย

แต่ออสเตรเลียไม่ได้มีแค่ชายหาดและดอกไม้เท่านั้น ลองตื่นเช้ามาชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ อูลูรู หินศักดิ์สิทธิ์กลางทะเลทรายของชาวอะบอริจิน แสงสีทองของยามเช้าที่ทาบทาบลงบนผิวหินสีแดงส้ม สร้างภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจและให้ความรู้สึกถึงจิตวิญญาณอันลึกลับของดินแดนนี้ ช่วงนี้อากาศในทะเลทรายไม่ร้อนจัดเหมือนฤดูร้อน ทำให้คุณสามารถเดินสำรวจพื้นที่โดยรอบได้อย่างสบาย

สำหรับคนรักสัตว์ ที่เกาะแคงการู คุณจะได้เห็นจิงโจ้น้อยโผล่ออกมาจากถุงท้องของแม่เป็นครั้งแรก ในขณะที่ที่เกาะฟิลลิป คุณจะได้ชมขบวนพาเหรดของนกเพนกวินตัวน้อยที่กำลังเดินกลับรังในยามเย็น ส่วนใครที่ชอบความเจริญ เมืองใหญ่อย่างเมลเบิร์นและซิดนีย์ก็คึกคริ้น ร้านอาหารริมทางในเมลเบิร์นเริ่มนำโต๊ะออกมาตั้งบนทางเท้า ให้คุณได้นั่งจิบกาแฟและชมผู้คนเดินผ่านไปมา ในขณะที่ซิดนีย์เต็มไปด้วยเทศกาลดนตรีและศิลปะมากมาย

เชื่อเถอะว่าออสเตรเลียในช่วงนี้จะทำให้คุณหลงรักและอยากกลับมาเยือนอีกครั้ง…และอีกครั้ง

5. โมร็อกโก ดินแดนฟ้าจรดทราย ผสานวัฒนธรรมแสนหลากหลาย

โมร็อกโก คือประเทศเขตแอฟริกาตอนเหนือ ที่เหมือนหลุดมาจากนิยายผสานภาพของท้องฟ้าและพื้นดินทะเลทรายออกมาได้อย่างงดงาม คุณสามารถดื่มด่ำไปกับศิลปะวัฒนธรรม เพราะสภาพความเป็นอยู่ของประชากรที่ผสมผสานกันระหว่างวัฒนธรรมยุโรป แอฟริกา และ อาหรับ อย่างลงตัว สถานที่ท่องเที่ยวของโมร็อกโกแต่ละแห่งจึงเต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ และ ความสวยงามทางสถาปัตยกรรม

จอร์เจีย ดินแดนฟ้าจรดทราย ความงามของทะเลทรายผสานท้องฟ้าสุดงดงาม

ถ้าคุณเป็นคนที่สายถ่ายรูปวิวเมืองหรือชอบสีสัน เมืองเชฟชาอูน คือคำตอบที่คุณตามหาอย่างแน่นอน เมืองที่ถูกรายล้อมด้วยสีฟ้าน้ำเงินสบายตา อยู่กลางภูเขารีฟ (Rif Mountain) ไม่ไกลจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เดิมทีเคยเป็นเมืองป้อมปราการชาวมัวร์และยิวที่ถูกขับออกจากสเปนด้วยเหตุผลทางศาสนา ที่อาคารบ้านเรือนทาด้วยสีฟ้า-น้ำเงินสดใสไปทั่วทั้งเมือง อันมาจากความเชื่อชาวยิวว่าสีน้ำเงินนั้นแทนสัญลักษณ์ของเทพเจ้า ท้องฟ้า และน้ำทะเล เป็นหนึ่งเมืองสวยที่ถ่ายรูปได้ทุกมุม และยังมีของฝากเป็นงานหัตถกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ผ้าคลุมไหล่จากขนแกะ ขนอูฐ หรือ ผ้าห่มทอมือที่มีลวดลายสวยงาม รวมไปถึงชุดถ้วยชาและจานชามทองเหลือ

เชฟชาอูน เมืองสีฟ้าสบายตาที่สวยสดงดงาม และคาซาบลังกา เมืองตากอากาศริมทะเลชื่อดัง

หากชื่นชอบท่องเที่ยวแบบริมทะเล ผสานสถาปัตยกรรมที่มีความร่วมสมัยและโบราณเข้าไว้ด้วยกัน ขอแนะนำให้คุณลองไป เมืองคาซาบลังกา เมืองที่มีชื่อเดียวกับภาพยนตร์โรแมนติกระดับรางวัลออสการ์ ที่เคยฉายในปี 1942 ซึ่งที่มาของชื่อก็เพราะความสวยงามของประเทศโมร็อกโก ความโดดเด่นของที่นี้คือเป็นมีที่พักตากอากาศริมทะเล แหล่งช้อปปิง ที่แสนจะคึกคักราวกับประเทศแถบยุโรป และสถาปัตยกรรมอย่าง มัสยิดสุลต่านฮัสซันที่ 2 ที่มีขนาดใหญ่ติดระดับโลกงดงามวิจิตรน่าไปเยือน

ทะเลทรายซาฮาร่า แลนด์มาร์คท่องเที่ยวที่โดดเด่นสำหรับประเทศโมร็อกโก

เมื่อมาเยือนดินแดนฟ้าจรดทรายแล้วไม่ได้ไปท่องเที่ยวโซนทะเลทรายก็คงเหมือนยังมาไม่ถึงโมร็อกโก ที่ เมืองเมอร์ซูก้า (Merzouga) เป็นเมืองขนาดเล็กอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ บริเวณ “เอิร์ก เชบบิ” (Erg Chebbi) เป็นเขตทะเลทรายที่ตั้งอยู่ภายในทะเลทรายซาฮาร่า (Sahara Desert) ทะเลทรายที่ใหญ่ที่สุดในโลก คุณจะได้เจอกับเม็ดทรายสีส้มเข้มเป็นเอกลักษณ์และสันทรายสูงถึง 350 เมตร ที่เรียงตัวสูงต่ำสลับกันอย่างงดงาม เพียงแค่นั่งอยู่ท่ามกลางความสวยงามของเนินทรายแห่งนี้ เชื่อว่าคุณก็รู้สึกว่าคุ้มค่ากับการเดินทางไปอย่างแน่นอน แต่ส่วนมากแล้วผู้ที่เดินทางไปจะนิยมตั้งแคมป์กลางทะเลทราย หรือขี่อูฐท่องเที่ยวกัน

ช่วงเวลาที่เหมาะสมแก่การมาเที่ยวจะเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน – ตุลาคม ซึ่งตรงกับฤดูใบไม้ร่วง โมร็อกโกจะมีสภาพอากาศที่เย็นสบาย ไม่ร้อน หรือ หนาวเย็นจนเกินไป บ้านเมืองมีความครึกครื้น และ มีเทศกาลจัดขึ้นมากมาย เหมาะสำหรับการไปเที่ยวทิ้งท้ายสิ้นปี

6. จอร์เจีย ประเทศวิวสวยฟรีวีซ่า ค่าครองชีพถูก

ถ้าคุณกำลังมองหาประเทศที่มีวิวภูเขาสวยงามในทริปปลายปี จอร์เจีย เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ไม่ควรพลาด ด้วยความที่ภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูงที่ด้านบนจะมีหิมะปกคลุมอยู่ตลอด ทำให้ทิวทัศน์ของที่นี่สวยงามไม่แพ้ประเทศโซนทางยุโรป ความพิเศษอีกอย่างคือนักท่องเที่ยวชาวไทยอย่างเรายังสามารถไปเที่ยวได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า อีกทั้ง ค่าครองชีพก็แสนถูก

จอร์เจีย ประเทศที่ห้อมล้อมด้วยวิวภูเขาสุดงดงาม

สำหรับใครที่ชอบวิวเมืองที่มีสถาปัตยกรรมผสานวิวธรรมชาติ เมืองหลวงทบิลิซี คือสถานที่ที่คุณไม่ควรพลาด ทบิลิซี คือเมืองหลวงที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์แบบเมืองเก่าไว้ได้เป็นอย่างดี ทั้งสีสันต่าง ๆ อาคารบ้านเรือนที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมของแต่ละยุค ที่สำคัญคือรายล้อมด้วยภูเขาสูงใหญ่สุดลูกหูลูกตา เป็นภาพที่หาได้ยากในเมืองหลวงโซนยุโรป ที่เมืองนี้จะมีเคเบิลคาร์จากสวนไรค์ (Rike Park) ให้ขึ้นไปชมวิวแบบพาโนรามาบนป้อมปราการ นาริกาลา (Narikala) ด้านบน ซึ่งค่าโดยสารเพียง 1 ลารีจอร์เจีย (ประมาน 12 บาทไทย) นอกจากนี้ ช่วงเดือน พฤศจิกายน ของทุกปีจะมี เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติทบิลิซี สำหรับคนรักหนัง เทศกาลนี้เป็นโอกาสดีที่จะได้ชมภาพยนตร์จากทั่วโลก รวมถึงภาพยนตร์จอร์เจียที่น่าสนใจ

เมืองหลวงทบิลิซี กับเมืองหลวงเก่า มิชเคห์ตา ที่โดดเด่นในเทศกาลดื่มไวน์

หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบไวน์ ขอแนะนำให้ลองไปเยือนเมืองหลวงเก่า มิชเคห์ตา อดีตเมืองหลวงในช่วงศตวรรษที่ 5 ของจอร์เจีย อยู่ห่างจากทบิลิซีเพียง 20 กิโลเมตร เป็นเมืองเล็ก ๆ อาคารบ้านเรือนยังคงความเป็นยุคกลางเหมือนเดิม รายล้อมไปด้วยไร่องุ่นสายพันธุ์สำหรับทำไวน์ ซึ่งในช่วงปลายปีตั้งแต่เดือนกันยายน – ตุลาคม จะมี เทศกาล Rtveli เทศกาลเก็บเกี่ยวองุ่นที่สำคัญของจอร์เจีย ที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมกิจกรรมเก็บเกี่ยวได้ ต่อด้วย เทศกาลไวน์ ซึ่งจอร์เจียขึ้นชื่อเรื่องไวน์เลิศรส เทศกาลนี้เราจะได้ลิ้มลองไวน์หลากหลายชนิดจากทั่วประเทศ พร้อมเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมการทำไวน์ของจอร์เจีย

3 สถานที่ตอบโจทย์สายลุย กับ หมู่บ้านจูทา (Juta), เมืองบนเทือกเขา คาซเบกิ (Kazbegi) , เมืองสกีรีสอร์ท กูเดาริ (Gudauri)

ส่วนใครเป็นสายผจญภัยรักธรรมชาติ ลองไปสัมผัสกับ 3 สถานที่ตอบโจทย์สายลุย กับ หมู่บ้านจูทา (Juta), เมืองบนเทือกเขา คาซเบกิ (Kazbegi) , เมืองสกีรีสอร์ท กูเดาริ (Gudauri)

หมู่บ้านจูทา (Juta) เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ฉากหลังเป็นยอดเขาสูงมีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปีความงามเทียบเท่าสวิสทำให้ที่นี่เป็นจุดเดินเขายอดนิยมของนักผจญภัย ที่มาพักกางเต็นท์ หรือพักเกสต์เฮาต์เป็นกระท่อมหลังเล็ก ๆ กลางหุบเขาด้วย

เมืองบนเทือกเขา คาซเบกิ (Kazbegi) ตั้งอยู่บนภูเขาที่มีความสูงกว่า 2,170 เมตร ทำให้การมาที่นี่ต้องนั่งรถโฟล์วีลขึ้นมา หรือเดินตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงก็ถึง โดยมีที่เที่ยวเด่นก็คือโบสถ์เก่าแก่ Gergeti Trinity Church สร้างมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 14

เมืองสกีรีสอร์ท กูเดาริ (Gudauri) หรือ กูเดาริ สกีรีสอร์ทที่มีชื่อเสียงของประเทศจอร์เจีย ในพื้นที่ของเมืองจะมีสกีรีสอร์ทอยู่หลายแห่ง ซึ่งในช่วงฤดูหนาวประมาณเดือนธันวาคม-เมษายน จะมีหิมะปกคลุมหนาแน่นตลอดเวลา สามารถเล่นกิจกรรมฤดูหนาวได้ทุกรูปแบบ ทั้งสกีและเล่นหิมะฟูนุ่ม

ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้แสวงหาการผจญภัย ผู้คลั่งไคล้ประวัติศาสตร์ ผู้รักธรรมชาติ หรือผู้ชื่นชอบอาหารคุณจะหลงรักจอร์เจียได้อย่างไม่ยากเย็น

7. อิตาลี ประเทศแห่งศิลปะของโลก ดินแดนต้นกำเนิดพิซซ่า

อิตาลี ประเทศที่มีชื่อเสียงมากมาย ทั้ง ศูนย์กลางแห่งศิลปะและแฟชั่น เมืองมักกะโรนี หรือเมืองพิซซ่า เหล่านี้คือรากฐานประวัติศาสตร์อันยาวนาน ด้วยสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้นและอบอุ่น ทำให้คุณสามารถมาเยี่ยมเยือนได้ตลอดทั้งปี มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายครอบคลุมทุกด้าน ไม่ว่าจะทั้งทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม หรือธรรมชาติ ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเป็นสายศิลปิน หรือสายรักสนุก ผจญภัย ก็สามารถเที่ยวอิตาลีได้แบบเอนจอย

อิตาลี ประเทศที่ถูกขนานนามด้วยชื่อเสียงมากมายไม่ว่าจะเป็น ศูนย์กลางแห่งศิลปะ เมืองแฟชั่น เมืองมักกะโรนี หรือเมืองพิซซ่า

เริ่มต้นที่สายแฟชั่นยังไงก็ไม่ควรพลาดต้องแวะไปที่ มิลาน หนึ่งในเมืองที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของอิตาลี ที่เปี่ยมไปด้วยงานศิลปะและสถาปัตยกรรมที่สวยงามมากมาย ไม่ว่าจะเป็น มหาวิหารมิลาน โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิค ที่ให้ความเรียบหรูดูสวยงาม หรือกัลเลรีอา วิตโตรีโย เอมานูเอเล ที่ 2 ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าสุดหรูที่มีประวัติ เพราะเป็นห้างกลางกรุงมิลานที่เก่าแก่ที่สุด ยังมีร้านแบรนด์เนมสุดหรู อย่างเช่น หลุยส์ วิตตอง (Louis Vuiiton), กุชชี่ (Gucci), หรือ พราด้า (Prada) และแบรนด์ดังอีกมากมาย

สำหรับสายชอบบรรยากาศธรรมชาติ วิวสุดแสนโรแมนติก เวนิส คือเมืองที่จะทำคุณใจฟูอย่างแน่นอน เมืองนี้ยัได้รับฉายาว่า ‘The City of Ramance’ เหมาะสำหรับคนรัก ครอบครัว และคนพิเศษ พื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองเป็นทะเล จึงทำให้สามารถมองเห็นถึงวิถีชีวิตที่นิยมเดินทางด้วยเรือเป็นหลัก รวมถึงการดำเนินกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ แค่นั่งดูวิวกับคนที่คุณรักก็เป็นโมเมนต์ที่น่าจดจำเมื่อได้มาท่องเที่ยวในเมืองนี้แล้ว

มิลานและเวนิส เมืองแห่งแฟชั่น กับเมืองที่ถูกขนานนามว่าเมืองสุดโรแมนติกของโลก

ถ้าหากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบเรื่องของงานศิลปะ กรุงโรม คือตัวเลือกสำหรับการท่องเที่ยวในทริปอิตาลีของคุณอย่างแน่นอน เมืองหลวงศูนย์รวมประวัติศาสตร์ ศิลปะ และความรู้แขนงต่าง ๆ ที่สำคัญมาตั้งแต่ยุคอาณาจักรโรมันอีกด้วย ในโรมจะมีสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ มากมายที่มีความสวยงามและยิ่งใหญ่อลังการสะท้อนถึงความเจริญรุ่งเรืองและความเฟื่องฟูนับตั้งแต่ในสมัยของอาณาจักรโรมันได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น สนามโคลอสเซียม (Colosseum) หรือวิหารศักดิ์สิทธิ์แพนธีออน (Pantheon)

โรม เมืองเก่าที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ และนาโปลี แหล่งต้นกำเนิดอาหารอิตาเลี่ยนยอดฮิต พิซซ่า

อีกเมืองที่เป็นไฮไลท์สำหรับอิตาลี คือ เนเปิลส์ หรือนาโปลี (Napoli) แม้เมืองนี้หลายคนอาจไม่เคยไปเยือนมาก่อน แต่ เนเปิลส์ มีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะวัฒนธรรมด้านอาหาร เนื่องจากเป็นต้นกำเนิดของ พิซซ่า อาหารอิตาเลี่ยนที่รู้จักกันไปทั่วโลก หากได้ไปเที่ยวที่เมืองนี้ขอแนะนำให้ลิ้มลอง พิซซ่าหน้ามาร์เกรีต้า เป็นตัวเลือกที่ดีอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นพิซซ่าที่มีวัตถุดิบสีสันคล้ายกับธงชาติประเทศอิตาลี แถมเป็นหน้าที่เราจะได้ลิ้มรสชาติออริจินัลของพิซ่าได้อย่างเต็มเปี่ยม

8. แคนาดา ดินแดนแสนน่าอยู่ พร้อมสูดอากาศบริสุทธิ์

คุณอยากลองอยากสัมผัสธรรมชาติพร้อมสูดอากาศบริสุทธิ์ไหม ? ถ้าคำตอบคือ ใช่ ประเทศ แคนาดา คือหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดที่คุณควรพิจารณาสำหรับพักผ่อนในช่วงสิ้นปี จากการถูกจัดอันดับว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่น่าอยู่ที่สุดในโลกโดย Lonely Planet ในปี 2017 ด้วยภูมิประเทศที่กว้างใหญ่และประกอบด้วย 3 รัฐ ทำให้มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายประเภท ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของแคนาดามักติดอันดับต้น ๆ ของโลกในเรื่องความงดงาม

แคนาดา ประเทศน่าอยู่ติดอันดับของโลก

แวนคูเวอร์ เมืองที่คุณจะได้สัมผัสความหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรม โดยเฉพาะวัฒนธรรมเอเชีย เป็นเมืองที่มีความเจริญที่สุดทางฝั่งตะวันตกของแคนาดา มีสภาพอากาศอบอุ่นและเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ หนึ่งในแลนด์มาร์คที่ไม่ควรพลาดคือ สแตนลีย์ ปาร์ค สวนสาธารณะขนาด 400 ไร่ ใกล้ดาวน์ทาวน์เมือง เต็มไปด้วยธรรมชาติหลากหลายรูปแบบ ทั้งป่าเขาและชายหาด พร้อมจุดชมวิวเมืองแสนสวยงาม เส้นทางปั่นจักรยานที่มีบรรยากาศสบาย ๆ และร้านอาหารทะเลที่มีวิวของอ่าวและเมืองแวนคูเวอร์

แวนคูเวอร์ เมืองที่เจริญมากที่สุดทางฝั่งตะวันตกของแคนาดา และ สแตนลีย์ ปาร์ค แลนด์มาร์คสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีทิวทัศน์งดงามน่าเดินเล่น

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติและวิวภูเขา แนะนำให้ไปสัมผัสความงดงามของเทือกเขาร็อกกี เมาน์เทน ในเขตอุทยานแห่งชาติแบมฟ์ ซึ่งคุณสามารถขับรถหรือใช้รถไฟและรถบัสเพื่อชมวิวของยอดเขาที่สวยงามอย่างเต็มที่ หากคุณต้องการประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น ไปต่อที่ทุ่งน้ำแข็งโคลัมเบีย ซึ่งเป็นลานแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่สุดในเทือกเขาร็อกกี เมาน์เทน ที่นี่จะทำให้คุณตกหลุมรักในความงามของน้ำแข็งใสสะอาด หรือไปชมหนึ่งในน้ำตกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก น้ำตกไนแองการ่า ซึ่งในช่วงปลายปีน้ำตกจะกลายเป็นน้ำแข็ง และในตอนกลางคืนจะมีการแสดงแสงไฟที่สวยงาม

สถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติของประเทสแคนาดาที่กับวิวที่สวยสดงดงามทั้งสามที่

หากคุณฝันที่จะเห็นแสงเหนือด้วยตาของตัวเองสักครั้ง แคนาดาก็สามารถทำให้ฝันนั้นเป็นจริงได้ เพียงเดินทางไปที่เมืองเยลโลไนฟ์ เมืองเล็ก ๆ ทางตอนเหนือของแคนาดา ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในการชมแสงเหนือ และสามารถมองเห็นแสงเหนือได้ถึง 240 วันต่อปี เมืองนี้จะทำให้คุณได้สัมผัสอากาศหนาวเย็นได้อย่างเต็มที่ พร้อมกับประสบการณ์ที่น่าจดจำ

Yellowknife เมืองที่ได้ชื่อเป็นสถานที่ ที่สวยที่สุดสำหรับการชมแสงเหนือ

ช่วงปลายปี ลองพาตัวเองออกไปสัมผัสสถานที่สวยงามของ ทั้ง 8 ประเทศ เพื่อหาแรงบันดาลใจ เสริมความสุขและฮีลความรู้สึกจากความเหน็ดเหนื่อยตลอดทั้งปีที่ผ่านมา เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนในการใช้ชีวิตในปีต่อ ๆ ไปด้วยความสุขที่เต็มเปี่ยมหัวใจ

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

Aindravudh

นักเขียนประจำ Thaiger มีประสบการณ์เขียนข่าวมากกว่า 5 ปี จบการศึกษาด้านภาษาและประวัติศาสตร์ จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความสนใจ ประเด็นความเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง เจาะประเด็นข่าวทางสังคม ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องแบบย่อยง่าย อย่างงานเขียนสร้างสรรค์ สั้น กระชับ จับทุกประเด็น หัวข้อที่เชียวชาญคือเรื่องไลฟ์สไตล์ เลขเด็ด หวยรัฐบาลไทย หวยลาว ช่องทางติดต่อ vajara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button