สำหรับครอบครัวใหญ่ การมีรถยนต์ที่สามารถรองรับทุกคนได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัยในการเดินทางเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ดังนั้น รถยนต์ 7 ที่นั่ง จึงเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ แต่หากต้องการประหยัดงบประมาณด้วยแล้ว รถมือสองคุณภาพดีก็เป็นอีกทางเลือกที่คุ้มค่า วันนี้ทีมงาน Thaiger ได้รวบรวม 8 รุ่นรถมือสอง 7 ที่นั่ง จากเต็นท์รถคุณหญิง ที่โดดเด่นทั้งในเรื่องราคาเริ่มต้นที่หลักแสน ความคุ้มค่า และประหยัดน้ำมัน มาให้พิจารณากัน
1. Mitsubishi Xpander 1.5 GT
เริ่มต้นกันที่ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ (Mitsubishi Xpander) รถอเนกประสงค์เปิดตัวปี 2019 มีความทันสมัยสไตล์อวกาศ โดดเด่นในเรื่องความใหญ่โตอลังการเกินรถระดับเดียวกัน มาพร้อมพลังเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 105 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ
จุดเด่นการออกแบบภายนอกและภายใน
ดีไซน์ภายนอกมีความสูงจากพื้นมากกว่ารถยนต์ในกลุ่มเดียวกันที่ 205 มม. ลักษณะการออกแบบเป็น Advanced “Dynamic Shield” เน้นวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ไฟหรี่เป็นสไตล์ Crystal LED ไฟหน้าเป็นมัลติรีเฟลกเตอร์แบบฮาโลเจน พร้อมไฟตัดหมอก กระจังหน้ารูปตัว “X” กันชนทรงสปอร์ต ไฟท้ายแบบ LED ทรงคล้ายบูมเมอแรง กระจกมองข้างขนาดใหญ่โต ประตูทั้ง 4 บานมีขนาดใหญ่ขึ้นลงได้สะดวก ประตูท้ายกว้างขวาง
ด้านการออกแบบภายในเน้นการใช้งานพื้นที่กว้างขวาง คอนโซลหน้าออกแบบให้หรูหรามากขึ้น ใช้วัสดุค่อนข้างดีงานประกอบนับว่าใช้ได้ พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชันควบคุมทั้งเครื่องเสียง หน้าจอแสดงผล และครุซคอนโทรล พร้อมปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
ในส่วนของเบาะคู่หน้าขนาดใหญ่นั่งสบายแบบปรับมือ พร้อมปรับระดับสูงต่ำทางด้านเฉพาะคนขับ แผงประตูฝั่งคนขับมีปุ่มควบคุมล็อคประตู ทางด้านขวาคอนโซลหน้ามีปุ่ม PUSH Start, ปรับกระจกมองข้างและสวิตช์เปิด-ปิดแทรคชั่นคอนโทรล
ตอนหลังมีระบบแอร์แยกไว้ให้สามารถปรับแรงลมได้เพียงอย่างเดียว พร้อมช่องแอร์แบบ 4 ช่องเรียงกัน เบาะตอนสองพับแยกแบบ 40 : 20 : 40 ระบบ One Step เบาะที่นั่งแถวที่ 3 พับ 50 : 50 และแบบแนวราบได้ ด้านหลังมีที่เก็บของเล็ก ๆ ใส่รองเท้าและของกระจุกกระจิกพร้อมฝาปิด ตอบโจทย์การเดินทางไปท่องเที่ยวในกลุ่มครอบครัวใหญ่หรือสายขนของก็หายห่วง
ภาพรวม Mitsubishi Xpander 1.5 GT
เอ็กแพนเดอร์ มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน DOHC MIVEC ขนาด 1.5 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ให้ความแรงและประหยัดน้ำมัน ผนวกกับระบบป้องกันการลื่นไถล ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน และจุดยึดเบาะเด็ก ISOFIX จำนวน 2 ตำแหน่ง เสริมด้วยกล้องมองภาพด้านหลังขณะถอยจอด และจอแสดงผลขนาด 4.2 นิ้ว ช่วยให้การถอยจอดเป็นเรื่องง่าย มีปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ใช้งานง่ายและสะดวก ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย และลำโพง 6 ตำแหน่งให้เสียงเพลงคุณภาพ
- สนนราคาอยู่ที่ 499,000 บาท
2. FORD Everest 3.2 Titanium+
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ (Ford Everest) รุ่น Titanium+ 2018 เป็นตัวท็อปจากปี 2018 เครื่องยนต์ดีเซลแบบ 5 สูบ ขนาด 3.2 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 200 แรงม้า ระบบการขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบอัตโนมัติ ซึ่งมีให้เลือกตามสภาพการขับขี่ 4 โหมด คือ ทางเรียบ, พื้นทราย, โคลน/หิมะ และปีนป่ายหินขรุขระ ซึ่งจะปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับสภาพพื้นผิวนั้น ๆ
รถคันนี้ยังระบบล็อคเฟืองท้ายแบบช่วยให้ล้อคู่หลังหมุนด้วยความเร็วเท่ากัน ทำให้สามารถปีนป่ายข้ามอุปสรรคได้ง่าย, ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา ที่สามารถปรับตั้งความเร็วขณะลงได้ และระบบช่วยการออกตัวขณะจอดรถบนทางลาดชัน ขณะที่ตัวรถมีความสูงจากพื้นถนน 225 มิลลิเมตร สามารถรองรับการลุยน้ำด้วยความลึก 800 มิลลิเมตร โดยไม่สร้างความเสียหาย
โดดเด่นด้วยการออกแบบห้องโดยสารภายใน
ภายในห้องโดยสารถูกตกแต่งอย่างหรูหราและทันสมัย จัดวางเบาะนั่งแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง โดยเบาะนั่งแถวที่ 3 สามารถปรับ-พับด้วยไฟฟ้า และสามารถพับเรียบไปกับพื้นห้องโดยสารได้เมื่อไม่ใช้งาน ติดตั้งหลังคาพาโนรามิคมูนรูฟไฟฟ้าขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถเปิดแผ่นม่านกรองแสงได้จนถึงเบาะนั่งแถวที่ 3 ช่วยเพิ่มความโปร่งโล่งภายในห้องโดยสาร อีกทั้งยังติดตั้งช่องจ่ายไฟขนาด 230 โวลต์ บริเวณเบาะนั่งแถวที่สอง จึงช่วยให้สามารถชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างสมาร์ทโฟนหรือโน๊ตบุ๊คคอมพิวเตอร์ได้อย่างรวดเร็วทันใจ
ระบบสั่งการด้วยเสียง พร้อมตัดเสียงรบกวนจากภายนอก
บริเวณคอนโซลหน้าถูกติดตั้งระบบ SYNC 3 ที่แสดงผลผ่านหน้าจอแบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว สามารถสั่งงานด้วยเสียงได้ด้วยคำพูดที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งหน้าจอที่ว่านี้จะถูกใช้สำหรับควบคุมระบบปรับอากาศในรถด้วย โดยที่ SYNC 3 ยังรองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay หรือ Android Auto ได้ ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อสื่อความบันเทิงในขณะขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านกำลังเสียงถูกกระจายผ่านลำโพงทั้งหมด 10 จุด พร้อมซับวูฟเฟอร์ ซึ่งสามารถปรับแต่งเสียงได้ตามความต้องการ ตัดเสียงรบกวนจากภายนอก (Active Noise Cancellation) อารมณ์แบบหูฟังราคาแพง ๆ ซึ่งจะส่งคลื่นเสียงไปหักล้างกับเสียงรบกวนที่เล็ดลอดมาจากภายนอก ทำให้ห้องโดยสารเงียบขึ้นกว่าปกติ รวมถึงยังพัฒนาซีลกันเสียงและวัสดุดูดซับเสียงภายในห้องโดยสารให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นอีกด้วย
- สนนราคาอยู่ที่ 759,000 บาท
3. TOYOTA Veloz 1.5 Premium
โตโยต้า เวลอส 1.5 พรีเมียม (Toyota Veloz 1.5 Premium) Veloz รถยนต์ 7 ที่นั่ง จากปี 2022 ที่ตอบโจทย์สำหรับครอบครัวที่ต้องการรถยนต์ขนาดพอเหมาะ สามารถไปไหนมาไหนได้ทั้งครอบครัว ครอบคลุมทั้งการขับขี่ไปทำงานในช่วงวันธรรมดา และขับไปเที่ยวต่างจังหวัดในช่วงวันหยุด มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง (บนเพดาน), ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง, เข็มขัดนิรภัย ELR 3 จุด 7 ที่นั่ง, ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยทั้ง 7 ที่นั่ง, กล้องมองภาพถอยจอด พร้อมเซนเซอร์กะระยะ, ระบบเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง Blind Spot Monitor และ ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง Rear-Cross Traffic Alert เป็นต้น
พื้นที่ใช้สอยในห้องโดยสารตอบโจทย์การใช้งานทั้งครอบครัว
จุดเด่นของ Veloz คือเรื่องพื้นที่ใช้สอยที่พอเพียงของห้องโดยสารแบบ 7 ที่นั่ง เบาะแถวที่สามมีพื้นที่ไม่มากเหมาะสำหรับให้เด็กนั่ง ยกระดับความอเนกประสงค์เพิ่มเติมหลายจุด ด้วยขนาดของตัวถังที่ใหญ่ขึ้น อุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ Toyota เพิ่มเข้ามาให้อย่างเต็มที่ และการขับขี่ในความเร็วสูงโดยเฉพาะการทรงตัวในทางโค้ง เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ของ Veloz มีกำลังไม่มากนัก แต่ก็พอจะเอาตัวรอดบนถนนที่เป็นเนินสูงชัน เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียงสี่สูบความจุ 1.5 ลิตร ช่วยประหยัดเชื้อเพลิงใช้ได้แม้ไม่มีระบบไฮบริดคอยช่วยเหลือ
ทั้งนี้ Toyota Veloz ติดตั้งมาตรวัดสำหรับแสดงความเร็วเป็นแบบดิจิทัล ขณะที่มาตรวัดรอบเครื่องยนต์จะแสดงบนหน้าจอ MID แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้ 4 รูปแบบตามความชื่นชอบ ทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้ เช่น เปลี่ยนเสียงไฟเลี้ยวได้ 3 แบบ, เปิด-ปิดระบบไฟเลี้ยว 3 ครั้ง, ปรับระดับเสียงการแจ้งเตือนฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างเต็มที่
ขณะที่พวงมาลัยเป็นแบบ 3 ก้านหุ้มวัสดุหนัง เสริมด้วยเว้าบริเวณ 10 และ 2 นาฬิกาช่วยให้จับได้อย่างถนัดมือมากยิ่งขึ้น ทั้งยังสามารถปรับระดับได้ถึง 4 ทิศทาง (ขึ้น-ลง-เข้า-ออก) จึงสามารถปรับให้เหมาะกับสรีระแต่ละคนได้ไม่ยาก โดยมีปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและรับสาย-โทรออกติดตั้งอยู่บนพวงมาลัย รวมถึงปุ่ม “DRIVE” สำหรับปรับโหมดการขับขี่ ECO และ POWER ซึ่งความแปลกของ Veloz คือรถคันนี้สามารถเปิดทั้ง 2 โหมดไปพร้อมกันได้ หน้าจอเครื่องเสียงของ Veloz รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto ได้ ให้ความละเอียดคมชัดดี มาพร้อมลำโพงทั้งหมด 6 จุดรอบห้องโดยสาร ให้คุณภาพเสียงระดับพอใช้
เครื่องยนต์และช่วงล่างที่ทนทาน
Toyota Veloz ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ Dual VVT-i ความจุ 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 106 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 138 นิวตัน-เมตร ที่ 4,200 รอบต่อนาที พร้อมทั้งหันไปใช้เกียร์อัตโนมัติ CVT จากเดิมที่เป็นเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดในรุ่น Avanza ซึ่งตามหลักแล้วจะช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองลง รวมถึงเพิ่มความนุ่มนวลในการเปลี่ยนเกียร์เพิ่มมากขึ้น โดยโตโยต้าเคลมอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยเอาไว้ที่ 17.9 กม./ลิตร
สำหรับช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบทอร์ชันบีมและคอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ติดตั้งระบบดิสก์เบรกมาให้ทั้ง 4 ล้อ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อนได้ดีกว่าระบบดรัมเบรก
- สนนราคาอยู่ที่ 719,000 บาท
4. Isuzu Mu-x 1.9 Active 2WD
อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ 1.9 แอคทีฟ 2WD (Isuzu Mu-x 1.9 Active 2WD) รถยนต์อเนกประสงค์ (PPV) ที่ได้รับความนิยมในตลาดรถยนต์ไทย ด้วยราคาที่จับต้องได้และสมรรถนะที่น่าประทับใจ ทำให้ MU-X 1.9 Active 2WD เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ครอบครัวหรือรถสำหรับใช้งานอเนกประสงค์
ดีไซน์ภายนอกและภายใน
มาพร้อมกับดีไซน์ที่ทันสมัยและดุดัน ไฟหน้าและไฟท้าย LED ให้ความสว่างและเพิ่มความสวยงาม ภายในห้องโดยสารกว้างขวางและสะดวกสบาย เบาะนั่งนุ่มสบายและสามารถปรับได้หลายระดับ ระบบเครื่องเสียงรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth และ USB
สมรรถนะของ MU-X 1.9 Active 2WD
ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อขับเคลื่อน เกียร์ 6 สปีด อัตโนมัติ เครื่องยนต์ 1.9 ลิตร ดีเซลของ MU-X 1.9 Active 2WD ความจุถังน้ำมัน 76 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้าและแรงบิดที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป อัตราเร่งดีเยี่ยมและการประหยัดน้ำมันอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ระบบช่วงล่างนุ่มสบายและช่วยให้การขับขี่มีความนิ่งและมั่นใจ
อุปกรณ์อำนวยความสะดวก
Isuzu MU-X 1.9 Active 2WD มาพร้อมกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, ระบบเบรก ABS, ระบบควบคุมการทรงตัว, ระบบป้องกันการลื่นไถล, กล้องมองหลัง, เซ็นเซอร์ถอยหลัง, และระบบเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto
- สนนราคาอยู่ที่ ราคา 879,000 บาท
5. Honda CR-V 2.4 EL AWD
ฮอนด้า ซีอาร์-วี 2.4 อีแอล เอดับบิวดี (Honda CR-V 2.4 EL AWD) อีกหนึ่งรถครอบครัว 7 ที่นั่ง เบาะกว้างขวาง จะเลือกนั่ง หรือขนของ ก็สบาย มีเบาะนั่งคู่หน้าที่สบายเนื้อสบายตัว การออกแบบเบาะและการจัดวางตำแหน่งท่านั่งที่ดี เบาะหนังสังเคราะห์นุ่มหนา นั่งยาวๆ ได้ทั้งวัน และเป็นเบาะปรับไฟฟ้า อุปกรณ์ที่เหมาะกับการขับเคลื่อนทั้งในและนอกเมือง นอกจากจะเป็นเบาะนั่งที่ดีเลิศแล้ว ช่วงล่างของมันกับชุดบังคับเลี้ยวยังปรับให้มีอารมณ์คล้ายกับรถยุโรปอีกด้วย
สมรรถนะ ของ CR-V 2.4 EL AWD
เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร 4 สูบของ CR-V 2.4 EL AWD ให้กำลังและแรงบิดที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป อัตราเร่งดีเยี่ยมและการประหยัดน้ำมันอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ระบบช่วงล่างนุ่มสบายและช่วยให้การขับขี่มีความนิ่งและมั่นใจ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อขับเคลื่อนช่วยให้การขับขี่บนทางลื่นและทางชันมีความปลอดภัยมากขึ้น ด้วยความที่ไม่ได้เป็นรถลุยเต็มรูปแบบเหมือน PPV-SUV แต่ใช้ขับฝ่าทางลูกรังขรุขระได้ ใช้ลุยน้ำท่วมในกรุงเทพฯ ก็ยังพอทำได้ จากความสูง 208 มิลลิเมตร เมื่อวัดจากใต้ท้องรถถึงพื้นถนน
ดีไซน์ภายใน-ที่นั่งห้องโดยสาร
จุดเด่นคือความเอนกประสงค์ของห้องโดยสารจากพื้นที่อันกว้างขวางสะดวกสบาย ไม่ว่าจะขนคน หรือขนของ เบาะหลังแถวที่สอง นั่งได้สบายตัว พื้นที่ของเบาะแถวที่สาม เมื่อพับเบาะก็จะสามารถขนสัมภาระเพิ่มได้อย่างจุใจ นอกจากนั้น พื้นที่เหนือศีรษะก็ยังโปร่งโล่งมากกว่ารถเก๋งขนาดกลางอย่างเห็นได้ชัด
- สนนราคาอยู่ที่ 699,000 บาท
6. Mazda CX-8 2.5 S
มาสด้า ซีเอ็กซ์-8 2.5 เอส (Mazda CX-8 2.5 S) เอสยูวีแบบที่นั่ง 3 แถว การันตีด้วยรางวัล CAR OF THE YEAR 2021 ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง โอ่อ่า ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันในทุกรายละเอียด ด้วยแนวคิดภายใต้คอนเซ็ปต์ “Less is More” ที่เน้นความเรียบง่าย แต่งดงาม บ่งบอกสไตล์พรีเมี่ยม และรสนิยมเหนือระดับ ทั้งดีไซน์ภายนอก สู่ภายในห้องโดยสาร
สมรรถนะของ Mazda CX-8 2.5 S
เครื่องยนต์ ขนาด 2.2 ลิตร พร้อมเทอร์โบแปรผัน ให้พละกำลังถึง 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมันถึง 17.5 กม./ลิตร และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งยังมีการติดตั้งระบบช่วยป้องกันล้อหมุนฟรีแบบ Off-Road Traction Assist เพิ่มเติมในรุ่นที่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ i-ACTIV AWD โดยเฉพาะในทางโค้งและในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดียิ่งขึ้น
ดีไซน์ห้องโดยสารและห้องคนขับ
ตอบโจทย์ทุกความสะดวกสบายกับห้องโดยสารแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง แยกอิสระซ้าย-ขวาที่สามารถเดินเชื่อมต่อถึงเบาะนั่งแถวที่สาม เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระและตอบโจทย์ทุกการใช้งานของคุณและครอบครัวได้มากขึ้น โดยสามารถพับเบาะนั่งได้อย่างแบนราบ และแยกพับอิสระจากกันพร้อมคอนโซลกลาง
มาพร้อมกับเทคโนโลยีเชื่อมต่อ สามารถอัปเดตข้อมูลข่าวสาร หรือ รับ-ส่ง ข้อความ จากสมาร์ทโฟนผ่านสัญญาณ Bluetooth และเพลิดเพลินไปกับไลฟ์สไตล์ดิจิตอลด้วย Apple CarPlay® แบบไร้สาย และ Android AutoTM ที่เชื่อมต่อแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ที่แสดงผลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบทัชสกรีน ขนาด 8 นิ้ว ควบคุมด้วย Center Commander ที่จัดวางในตำแหน่งที่ผู้ขับขี่ใช้งานได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย Wireless Charger และ USB สำหรับชาร์จไฟบริเวณเบาะนั่งแถวที่สามได้ถูกเพิ่มเข้ามาในรถรุ่นนี้ด้วยเช่นกัน พร้อมเพิ่มความสุนทรีย์ภายในห้องโดยสารด้วยระบบเสียงคุณภาพจาก Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 10 ตำแหน่ง
- สนนราคาอยู่ที่ 979,000 บาท
7. Suzuki XL7 1.5 GLX
ซูซูกิ เอ็กซ์แอล 7 รุ่น 1.5 จีแอลเอ็กซ์ (Suzuki XL7 1.5 GLX) รถเอ็มพีวี 7 ที่นั่ง สำหรับครอบครัวที่กำลังมองหารถอเนกประสงค์ราคาประหยัด มีระบบ Mild-hybrid เพิ่มความประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้นไปอีก เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ รหัส K15B ความจุ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 138 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ
อุปกรณ์มาตรฐานครบครันขับขี่สนุก
เบาะนั่งทุกตำแหน่งหุ้มด้วยวัสดุผ้าสีเทา-ดำ สามารถปรับสูง-ต่ำฝั่งผู้ขับขี่ได้ ส่วนเบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถปรับเลื่อนหน้า-หลัง และปรับเอนเพิ่มความสบายได้ มีพนักพิงศีรษะมาให้ครบ 3 ตำแหน่ง
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมระบบปรับอากาศตอนหลังปรับแรงลมได้ 3 ระดับ, ช่องวางแก้ว 2 ตำแหน่งด้านหน้าพร้อมช่องเป่าลมเย็น และแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wireless Charger พร้อมช่องจ่ายไฟ 12V อีก 3 ตำแหน่ง
หน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว นอกจากจะเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto ผ่านสาย USB ได้แล้ว ยังสามารถแสดงภาพจากกล้องมองหลังขณะถอยรถ พร้อมเซ็นเซอร์กะระยะด้านท้าย และยังมีการติดตั้งกล้องบันทึกภาพขณะขับขี่ (DVR) มาให้จากโรงงานอีกด้วย โดยสามารถย้อนดูคลิปเหตุการณ์จากหน้าจอ 10.1 นิ้วได้ทันที
- สนนราคาอยู่ที่ 499,000 บาท
8. Toyota Alphard 2.5 SC Package
โตโยต้า อัลพาร์ด 2.5 เอสซี แพคเก็จ (Toyota Alphard 2.5 SC Package) รถครอบครัวอเนกประสงค์ยอดนิยมมากที่สุด มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินน้ำมันล้วน 2,493 ซีซี มาพร้อมเครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบ ไฮบริด แรงม้าสูงสุด 181 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 8 speeds พร้อมกล้องถอยมองหลังและกล้องรอบคัน 360 View สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความหรูหราที่มาพร้อมความสปอร์ต ด้วยรูปลักษณ์อันโดดเด่น และความสะดวกสบายครบครันอันเป็นเอกลักษณ์
ตอบโจทย์ความสบายทั้งครอบครัวระดับผู้บริหาร
ภายในห้องโดยสารของ New Toyota Alphard 2.5 SC มาพร้อมเบาะ Mickey Seat ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า มาตรวัดพร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นพร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control และฟังก์ชั่นการใช้งานที่ได้รับการออกแบบใหม่สะดวกมากขึ้น
ระบบปรับอากาศปรับแยกอุณหภูมิแบบอัตโนมัติ 3 โซน แยกอิสระ ซ้าย-ขวา สำหรับด้านหน้า และด้านหลัง พร้อมระบบฟอกอากาศแบบ nanoe ไฟส่องสว่างในห้องโดยสารแบบซ่อนฝ้า ปรับความสว่างได้ 4 ระดับ เปลี่ยนสีได้ 16 เฉดสีเพิ่มบรรยากาศ และความสะดวกสบายตลอดการการเดินทาง คอนโซนกลางมีจอ Android + ลำโพง Focal เชื่อมต่อ USB iPod และ Bluetooth
ภายนอกได้รับการออกแบบใหม่ให้หรูหรา โดดเด่นด้วยกระจังหน้าโครเมียมขนาดใหญ่ ดีไซน์หรู ไฟหน้า พร้อมไฟ Daytime Running Lights ไฟตัดหมอกด้านหน้าที่มีดีไซน์เฉพาะในรุ่นนำเข้า ไฟท้าย แบบ LED และไฟเบรกดวงที่ 3 กระจกมองข้าง พร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED
- สนนราคาอยู่ที่ 1,950,000 บาท
หากใครสนใจและกำลังมองหารถมือสองที่ตอบโจทย์การใช้งานสำหรับครอบครัวใหญ่ อ่านมาถึงตรงนี้แล้วสนใจสามารถเข้าไปติดต่อในทางเว็บไซต์ www.koonyingcar.com หรืออยากดูสภาพรถจริง หรือรถยนต์รุ่นอื่น ๆ เพิ่มเติมเต็นท์รถตั้งอยู่ที่ถนนกาญจนาภิเษก แขวง บางระมาด เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร ครับ
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง