“หนังฝังมุก” แจงดราม่า เพจรีวิวหนังยืมเงินล้านไม่คืน อ้างเมียทำทั้งหมด
แจงยิบดราม่า เพจรีวิวหนังยืมเงินไม่คืน “หนังฝังมุก” ชี้แจง ภรรยาเป็นคนยืมเงิน ไม่รู้เรื่องมาก่อน ยินดีขายเพจเพื่อชดใช้หนี้
สืบเนื่องจากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งออกมาแฉคำใบ้ แอดมินเพจรีวิวหนังผู้ติดตามเกินล้าน ยืมเงิน ฉ้อโกง ยืมเงินจากเพื่อนฝูงหลายคน โดยอาศัยความเชื่อใจ มูลค่าความเสียหายหลายล้านบาทนั้น
- อ่านข่าวก่อนหน้า : แอดมินเพจรีวิวหนัง ยืมเงินไม่คืน ยอดหลายล้าน ใช้ความไว้ใจเป็นเครื่องมือ คลิก
ล่าสุดเฟซบุ๊ก “หนังฝังมุก” เพจรีวิวหนังชื่อดัง ผู้ติดตาม 1.1 ล้านคน ได้ออกมาโพสต์ชี้แจงถึงดราม่าดังกล่าว ใจความว่า ผู้เขียนและภรรยาเป็นเจ้าของเพจร่วมกัน โดยผู้เขียนทำหน้าที่สร้างคอนเทนต์ ส่วนภรรยาดูแลการตอบข้อความและติดต่อสื่อสาร
ภรรยาของผู้เขียนสนิทสนมกับแอดมินเพจอื่นๆ และได้ชักชวนให้มีการร่วมลงทุนในธุรกิจปล่อยเงินกู้และธุรกิจอื่นๆ โดยที่ผู้เขียนไม่ทราบ
ภายหลังเกิดปัญหาการเงิน มีการโอนเงินระหว่างแอดมินเพจหลายๆ เพจ มูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท โดยไม่มีการชดใช้คืน
ผู้เขียนเพิ่งทราบเรื่องนี้ภายหลัง และตัดสินใจหย่ากับภรรยาเนื่องจากไม่สามารถไว้ใจได้อีกต่อไป หลังจากนี้จะยอมให้มีการขายเพจเพื่อชดใช้หนี้บางส่วน และยินดีทำคอนเทนต์ต่อไปจนกว่าหนี้จะหมด แต่ถูกลดสถานะจากเจ้าของเพจเป็นเพียงแอดมิน
ทิ้งท้ายแสดงความเสียใจและขอโทษต่อทุกคนที่เกี่ยวข้อง และยอมรับว่าตนเองสูญเสียทุกอย่างไปแล้ว ทั้งความไว้ใจ มิตรภาพ ครอบครัว และเพจที่สร้างมากับมือ
“ผมเชื่อมาเสมอว่าพื้นฐานของครอบครัวคือความรักและเชื่อใจในกันและกัน จนกระทั่งรู้ตัวคิดผิด ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่เชื่อว่าผู้ชายควรเป็นฝ่ายหาเงินและไว้ใจให้ภรรยาดูแลการเงินในครอบครัว แต่สิ่งที่ผมไม่รู้เลยตลอดหลายปีที่เราสองคนทำเพจร่วมกันมา โดยที่ผมเป็นคนสร้างคอนเทนต์และวางใจให้ภรรยาดูแลในส่วนของการตอบข้อความ รวมถึงการติดต่อสื่อสารต่าง ๆ หรือเรียกว่าเป็นผู้จัดการเพจ
เธอใช้เครดิตจากการร่วมเป็นแอดมินในเพจ เข้าร่วมกิจกรรมและสนิทกับแอดมินเพจต่าง ๆ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ต่างจากผมที่ค่อนข้างเก็บตัวไม่ออกไปทำความรู้จักกับใคร ช่วงที่จัดปาร์ตี้แอดมินเมื่อหลายปีก่อนผมไม่เคยไปร่วมกิจกรรมเลยแม้แต่ครั้งเดียว จนกระทั่งมารู้จักกับแอดมินเพจต่าง ๆ ในภายหลังซึ่งก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น จากการที่ภรรยาเป็นคนแนะนำให้รู้จัก
ขออธิบายตรงนี้ก่อน ถึงแม้ว่าเราสองคนจะเป็นสามีภรรยา แต่ความสัมพันธ์ของเราค่อนข้างแปลกกว่าคนทั่วไป คือเรายินดีแยกกันอยู่คนละจังหวัด ประมาณ 3-4 เดือนถึงจะกลับมาเจอกัน และเราไม่มีลูก ซึ่งเป็นความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย ชีวิตคู่ของเราดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยจนกระทั่งหลังมีการระบาดของโควิด
ภรรยาของผมที่มีความสนิทสนมกับแอดมินเพจต่าง ๆ ได้เริ่มโน้มน้าวให้มีการร่วมลงทุนในธุรกิจปล่อยเงินกู้ รวมถึงธุรกิจอื่น ๆ โดยที่ผมไม่มีส่วนรู้เห็นมาก่อน คนเดียวที่ผมรู้คืออินฟลูเอนเซอร์ท่านหนึ่ง (ไม่ขอเอ่ยนาม) และก็เข้าใจว่าเป็นเจ้าหนี้เพียงรายเดียวที่ทำข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งหลังจากวันที่เซ็นสัญญาผมก็ไม่ได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อไป ผมได้แต่คิดไปเองว่ารายได้จากร้านอาหารที่ผมและภรรยาร่วมกันเป็นเจ้าของ (ปัจจุบันปิดไปแล้ว) รวมถึงรายได้อื่น ๆ จะเพียงพอให้ชดใช้หนี้ได้ แต่ผมกลับคิดผิด
พูดไปคงไม่มีใครเชื่อว่าสามีภรรยาจะไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในครอบครัว แต่ขอสาบานด้วยความสัตย์จริงว่าผมไม่เคยมีส่วนร่วมในการพูดคุยหรือโน้มน้าวให้เกิดการโอนเงินระหว่างใครก็ตามที่เป็นผู้เสียหายในเรื่องนี้
ผมไม่มีส่วนร่วมในเรื่องการเงินภายในครอบครัวเลยตั้งแต่หลังแต่งงาน ผมจะได้รับเงินก็ต่อเมื่อไว้ใช้สำหรับจับจ่ายในชีวิตประจำวันเท่านั้น
เป็นที่รู้กันดีในหมู่แอดมินว่าผมเป็นคนที่ค่อนข้างเคารพการตัดสินใจของภรรยา หรือจะเรียกว่ากลัวเมียก็ไม่ผิดนัก แต่ผมก็ไม่เคยใส่ใจกับการล้อเลียนนั้น และเห็นเป็นเรื่องตลกเฮฮาในแวดวง
จนกระทั่งระหว่างที่ผมอยู่ต่างจังหวัด เริ่มมีกระแสจากเพื่อนแอดมินบางคนโทรศัพท์เข้ามาพูดคุยว่าภรรยาผมโน้มน้าวให้เกิดการโอนเงินระหว่างแอดมินเพจหลาย ๆ เพจมูลค่าความเสียหายหลายล้านบาทและไม่มีการชดใช้คืน เรื่องที่ไม่น่าเชื่อคือผมเป็นคนสุดท้ายที่รู้เรื่องนี้ ใครล่ะจะเชื่อ ขนาดผมเองยังไม่อยากเชื่อเลย อยู่ดี ๆ กลายเป็นลูกหนี้มูลค่ามหาศาล จนกระทั่งเรื่องราวเริ่มบานปลาย ผมจึงขอตัดความสัมพันธ์กับภรรยาและดำเนินการหย่า เนื่องจากไม่สามารถให้ความไว้ใจได้อีกต่อไป เธอสารภาพภายหลังว่าได้นำเงินไปปล่อยกู้ และถูกลูกหนี้ฉ้อโกงเช่นกัน เงินทั้งหมดจึงสูญเปล่า
ควบคู่กับการสิ้นสุดฐานะเจ้าของเพจ ซึ่งนี่คือส่วนที่ผมสามารถรับผิดชอบได้ เนื่องจากผมไม่ได้ดูแลด้านการเงินจึงไม่มีเงินเก็บเลยแม้แต่น้อย สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือยินยอมให้มีการตกลงซื้อขายเพจนี้ให้กับเจ้าหนี้รายหนึ่งเพื่อเป็นการชดใช้หนี้บางส่วน และทำคอนเทนต์ในเพจจนกว่าหนี้ทั้งหมดจะสิ้นสุด แต่ถูกลดสถานะแอดมินลง ไม่ใช่เจ้าของเพจอีกต่อไป แอดมินท่านอื่นสามารถลบผมออกจากเพจได้ทุกเมื่อ และหากปัญหาที่เกิดขึ้นสร้างความกระทบกับเพจ ผมยินดีจะออกจากการเป็นแอดมินอย่างไม่มีเงื่อนไข
ผมรู้ว่าผมไม่มีสิทธิ์จะร้องขอความเห็นใจ ทุกคนสมน้ำหน้าผมได้ เพราะผมเองยังสมน้ำหน้าให้กับตัวเองเลย ในฐานะคน ๆ หนึ่ง ผมสูญเสียความไว้ใจ สูญเสียมิตรภาพ สูญเสียครอบครัว สูญเสียเพจที่สร้างมากับมือ ผมต้องขอโทษทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ที่ผ่านมาผมได้แต่จมอยู่กับความเครียดและความทุกข์ใจกับปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น ขอโทษที่ไม่อาจสู้หน้าทุกคนได้ ถ้ามีโอกาสผมจะขอชดใช้คืน แต่ตอนนี้ผมหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างแล้วครับ”