เอาไงต่อ เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เสี่ยงล่มสูงมาก หลังเศรษฐา พ้นตำแหน่งนายก ครม.ไปยกชุด หากพรรคเพื่อไทยไม่ได้กลับมาครองอำนาจ
สิ่งที่ต้องตามกันต่อ ผลสืบเนื่องจาก องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แถลงคำวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) ด้วยคะแนนเสียง 5-4 รวมถึงคณะรัฐมนตรีทั้งคณะต้องหลุดตามไปด้วย
นอกเหนือจากความไม่แน่นอนของเสถียรภาพรัฐบาล ย่อมกระทบต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจโดยตรง โดยเฉพาะนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท โครงการเด่นของรัฐบาลนายกเศรษฐาที่เป็นตัวชูโรง เริ่มเดินหน้าลงทะเบียนโครงการ และจะเริ่มแจกเงินไตรมาส 4/2567 นี้แล้ว ประชาชนเริ่มหวั่นว่านโยบายนี้จะชะงักลงไปพร้อมกับรัฐมนตรีชุดนี้ด้วยหรือไม่
โอกาสความเป็นไปได้ของนโยบายเงินดิจิทัล มี 2 ทาง อยู่ที่ว่าสภาผู้แทนรราษฎรจะเลือกทางไหน ยุบหรือไม่ยุบสภา
สถานการณ์เร็วสุด นายภูมิธรรม เวชยชัย จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรมมีอำนาจตัดสินใจว่าจะยุบสภาหรือไม่
หากเลือกเส้นทางยุบสภา ก็จะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ อำนาจการเลือก สส. จะกลับไปอยู่ที่ประชาชนอีกครั้ง จะดำเนินการเลือกตั้งทั่วไป เช่นเดียวกับปี 2566 เท่ากับว่า “ทุกนโยบาย” จะต้องหยุดลง รอให้เลือกตั้งได้รัฐบาลใหม่อีกครั้ง หลังจากนั้นยังไม่มีใครบอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
หากไม่เลือกยุบสภา โครงการเงินดิจิทัลก็ยังมีโอกาสเดินหน้าต่อ ด้วยวิธีที่พรรคร่วมรัฐบาลอาศัยสภาผู้แทนราษฎรโหวตเลือก นายกรัฐมนตรีคนใหม่ มาจากแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่พรรคการเมืองที่ได้เสียงในสภาไม่น้อยกว่า 25 เสียง ที่เคยแจ้งไว้ต่อ กกต.ในการเลือกตั้งปี 2566
แคนดิเดตที่มีโอกาสได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ 7 คนได้แก่
1.พรรคเพื่อไทย มีสส.จำนวน 141 สียง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายชัยเกษม นิติศิริ
2.พรรคภูมิใจไทย มีสส. 71 เสียง นายอนุทิน ชาญวีรกุล
3.พรรคพลังประชารัฐ มีสส. 40 เสียง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
4.พรรครวมไทยสร้างชาติ มีสส. 36 เสียง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอาชา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาพ
5.พรรคประชาธิปัตย์มีเสียง 25 เสียง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
ชะตากรรมสุดแล้วแต่ว่าใครจะได้เลือกเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป หากได้พรรคเพื่อไทยก็เป็นไปได้สูงที่จะเดินหน้านโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ตต่อ หากได้พรรคอื่นๆ ต้องไม่ลืมว่า คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ก็จะต้องแถลงนโยบายใหม่ของตนเอง และคงไม่มีพรรคไหนเอานโยบายพรรคอื่นมาสานต่อทับนโยบายเด่นพรรคตน นอกเสียงจากมีดีลลงตัว
