ข่าว

ตำรวจ รับเคยซื้อ ‘ชุดเกราะไม้อัด’ จริงเมื่อปี 53 แต่เลิกใช้แล้ว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับเคยซื้อ ชุดเกราะไม้อัด จริงเมื่อปี 2553 จำนวน 650 ตัว แต่เลิกใช้ไปแล้ว ยืนยันหาจัดหาชุดเกราะได้มาตรฐาน

พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ตั้งโต๊ะแถลง ประเด็นในสื่อสังคมออนไลน์กับเสื้อเกราะไม้อัด ว่า ตำรวจมีนโยบายในการจัดหาเสื้อเกราะกันกระสุนสำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เป็นไปตามคุณภาพและมาตรฐานสากล โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรฐาน NIJ (National Institute of Justice) ประเทศสหรัฐอเมริกา

ในการจัดหาเสื้อเกราะแต่ละครั้งนั้น ผู้ประกอบการที่เป็นคู่สัญญาจะต้องบอกแหล่งที่มาของแผ่นเกราะว่าผลิตที่ใด เมื่อใดและเป็นไปตามมาตรฐาน NIJ ที่กำหนดในการตรวจรับก็จะมีการยิงทดสอบด้วยกระสุนปืนในระยะห่างตามมาตรฐานที่ NIJ กำหนดด้วย อายุการใช้งานของเสื้อเกราะตามมาตรฐานของ NIJ ที่กำหนดเพื่อรับรองประสิทธิภาพสูงสุดของแผ่นเกราะอยู่ที่ 5 ปี ทั้งนี้ มิได้หมายความว่าเมื่อเกิน 5 ปีแล้วจะไม่สามารถกันกระสุนได้เลย เพียงแต่ประสิทธิภาพอาจลดลง

ขณะเดียวกันพบว่ามีบางประเทศหรือผู้ผลิตที่กำหนด Lifespan ของเสื้อเกราะไว้มากกว่า 5 ปี นอกจากนั้นการจัดหาเสื้อเกราะยังกำหนดการประกันคุณภาพเสื้อเกราะ รวมทั้งประกันชีวิตและประกันการบาดเจ็บของผู้สวมใส่ไว้ตามระยะเวลาข้างต้นด้วย หากได้รับบาดเจ็บเป็นเงิน 500,000 บาท หรือเสียชีวิต เป็นเงิน 1,000,000 บาท

สำหรับเสื้อเกราะที่ปรากฏตามภาพในโซเชียลมีเดีย ที่มีหมายเลขซีเรียลนัมเบอร์ 8A154338 นั้น เป็นเกราะที่ ตร. เคยใช้ในราชการโดยเป็นหนึ่งในเสื้อเกราะที่สั่งซื้อเมื่อเดือนเมษายน 2553 จำนวน 650 ตัว เป็นเสื้อเกราะพร้อมแผ่นเกราะแข็งระดับ 3 จำนวน 500 ตัว และเป็นเกราะอ่อน อีก 150 ตัว โดยทุกตัวมีมาตรฐานความปลอดภัยตามมาตรฐานของ NIJ และวัสดุที่ใช้เป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในขณะนั้น ราคาในการจัดซื้อสอดคล้องกับงบประมาณที่มีอยู่และมีอายุการใช้งาน 5 ปี ปัจจุบันเสื้อเกราะดังกล่าวเลิกใช้งานแล้วโดยหมดอายุการใช้งานมาเป็นระยะเวลา 8 ปีแล้วโดยหมดอายุการใช้งานเมื่อปี 2559 และอยู่ในระหว่างขั้นตอนการจำหน่ายและทำลายตามระเบียบราชการ

อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการยืนยันถึงวัสดุและมาตรฐานของเสื้อเกราะข้างต้น ตร. มอบหมายให้สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.ตร.) นำเสื้อเกราะดังกล่าวไปตรวจทางเคมีในห้องปฏิบัติการ ผลการตรวจสอบพบว่าวัสดุภายในเป็นเส้นใย polyethylene ทับกันเป็นชั้นโดยในแต่ละชั้นใช้ตัวเชื่อมประสาน ซึ่งมีสเปคและคุณลักษณะถูกต้องตามสัญญาการจัดซื้อทุกประการ และเป็นไปตามมาตรฐาน NIJ รวมทั้งยังได้ทดสอบการยิงกระสุนจริงใส่เสื้อเกราะในล็อตเดียวกันที่ซื้อมาเมื่อ พ.ศ. 2553 อีกจำนวน 3 ตัว โดยใช้กระสุนขนาด 9 มม. , ขนาด .357 และ ขนาด .45 อย่างละ 3 นัด รวมจำนวน 9 นัด ผลปรากฏว่า เสื้อเกราะทั้ง 3 ตัวสามารถกันกระสุนได้ทั้งหมด ไม่มีกระสุนนัดใดทะลุเสื้อเกราะ

การจัดหาเสื้อเกราะกันกระสุนที่มีมาตรฐานเพื่อช่วยดูแลความปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่ให้กับข้าราชการตำรวจ เป็นนโยบายสำคัญของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น ที่มีความห่วงใยในสวัสดิการความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานโดยตลอด ตร.จึงกำหนดแผนการจัดหาเพิ่มเติมหรือการจัดหาเพื่อทดแทนของเก่าอย่างต่อเนื่อง การจัดหาครั้งล่าสุด เมื่อ พ.ศ. 2566 จำนวน 3,200 ตัว เป็นเสื้อเกราะอ่อนป้องกันกระสุนพร้อมแผ่นเกราะแข็ง ระดับ 3 และ ระดับ 4 สามารถป้องกันกระสุนปืนได้ตามมาตรฐาน NIJ ได้แก่ กระสุนปืนพก ขนาด 9 มม. , .45 , .357 แม็กนั่ม นอกจากนั้น ตร.ได้ทำแผนการจัดหาในอนาคตเพื่อให้ครอบคลุมในการปฏิบัติงานของตำรวจทุกนายระหว่าง ปี 2567 – 2571 อีกปีละประมาณ 13,000 ตัว ซึ่งตามแผนการจัดหานี้ จะทำให้ผู้ปฏิบัติงานมีเสื้อเกราะใช้งานอย่างทั่วถึง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติยืนยันว่าได้ดำเนินการจัดหาชุดเกราะกันกระสุนโดยยึดมาตรฐานสากลและคำนึงถึงความคล่องตัวสะดวกสบายของผู้ใช้งานตามภารกิจเป็นสำคัญ จึงขอแจ้งให้ข้าราชการตำรวจเชื่อมั่น และโปรดสวมใส่เสื้อเกราะกันกระสุนในการปฏิบัติหน้าที่ทุกครั้ง เพื่อสร้างความปลอดภัยและป้องกันมิให้มีการสูญเสียจากการปฏิบัติงาน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button