ข่าวการเมือง

‘โรม’ ยัน ‘ก้าวไกล’ ไม่ต้องการล้มล้างการปกครอง รับสู้คดีได้ไม่เต็มที่

รังสิมันต์ โรม ยัน พรรคก้าวไกล ไม่ต้องการล้มล้างการปกครอง เป็นพรรคที่เคารพในระบอบประชาธิปไตย รับไม่มีสิทธิ์ต่อสู้อย่างเต็มที่ เพราะไม่ได้เปิดไต่สวน

นาย รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญยุติการไต่สวนคดียุบพรรคก้าวไกล โดยฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 7 สิงหาคม นี้ว่า สิ่งที่พรรคก้าวไกล มีจุดยืนมาตลอด คือเราคิดว่าการเปิดไต่สวนจะนำข้อเท็จจริงต่างๆ ทั้งพยานหลักฐาน พยานบุคคล เข้าสู่การพิจารณาของศาล เชื่อว่าจะนำไปสู่การที่จะทำให้คดีนี้เกิดความยุติธรรมมากที่สุด

Advertisements

โดยนายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ได้แถลงข่าวแล้วว่า มีความไม่ชอบมาพากลอย่างไรในเรื่องพยาน และเรามีข้อโต้แย้งอย่างไรในปัญหาของพยานหลักฐานที่ได้ตรวจมา ซึ่งเราพบว่ามีกระบวนการเร่งรัด รวมถึงมีความสุ่มเสี่ยงมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งการเร่งรัดนี้ ทำให้พรรคก้าวไกลไม่มีสิทธิ์ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่

จากที่เห็นเอกสารข่าวของศาล แน่นอนว่าการจะนำพยานหลักฐาน เข้าไปสู่กระบวนการการพิจารณาของศาล คงทำไม่ได้ ยอมรับว่าทำให้การต่อสู้คดีของเรายากขึ้น อย่างไรก็ตาม คงไม่สามารถบอกได้ว่าผลของคำวินิจฉัยของศาลในวันที่ 7 ส.ค.นี้ จะเป็นอย่างไร แต่เราหวังว่าผลตรงนี้จะสร้างความยุติธรรมให้กับพรรคก้าวไกลด้วยเช่นกัน

เมื่อถามว่าการนัดวันที่ 7 ส.ค. คิดว่าเร็วเกินไปหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ไม่ได้ดูว่าฉุกละหุกหรือไม่ แต่สิ่งที่เราให้ความสำคัญ คือเรื่องกระบวนการมากกว่า เนื่องจากพยานปากสำคัญของเราอย่าง ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายมหาชน ที่เราต้องการให้ขึ้นเป็นพยานของพรรค เป็นพยานปากสำคัญมาก เนื่องจากท่านเป็นที่ปรึกษากฎหมายให้กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

เราอยากให้กระบวนการดำเนินไปในลักษณะที่ฟังกันทุกฝ่าย และรับฟังโดยละเอียด แต่เมื่อกระบวนการไม่เป็นไปอย่างที่เราหวัง ก็ต้องกลับไปคุยกันในพรรค ซึ่งเข้าใจว่ายังไม่ได้พูดคุยกัน

“ยืนยันว่าพรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นพรรคการเมืองที่ต้องการล้มล้างการปกครอง ไม่ใช่พรรคที่ต้องการเซาะกร่อนบ่อนทำลาย อย่างที่กล่าวหา เราเป็นพรรคที่เคารพในระบอบประชาธิปไตย ต้องการเห็นประเทศของเราเป็นประชาธิปไตย ด้วยจุดมุ่งหมายนี้ เรายืนยันว่า เราไม่ได้ต้องการทำลายการปกครองแน่นอน” นายรังสิมันต์ กล่าว

Advertisements

ส่วนประเด็นการแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 ต้องยืนยันว่า คำวินิจฉัยของศาลที่ออกมาก่อนหน้านี้ ไม่ได้หมายความว่าจะแก้ไขมาตรา 112 ไม่ได้เลย แต่จะต้องเป็นการแก้ไขที่ถูกต้อง มีกระบวนการและขั้นตอน และคำวินิจฉัยของศาลในรอบที่แล้ว คือสั่งให้ยุติการกระทำ จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีการกระทำอะไรเพิ่มเติม

ดังนั้น เชื่อว่าคำวินิจฉัยในวันที่ 7 ส.ค.นี้ ประชาชนทุกคนคงเฝ้ารอ และต้องดูว่าสุดท้าย จะสอดรับกับเหตุผลที่ยอมรับกันได้มากแค่ไหน ทั้งนี้ กระบวนการต่อไปของพรรคภายหลังวันที่ 7 ส.ค. ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนอะไร คาดว่าหัวหน้าพรรคคงเพิ่งทราบ และเชื่อว่าจะมีการชี้แจงอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button