ข่าวดาราบันเทิง

ลิลลี่ เหงียน เปิดใจ รู้จัก ปู วันเดียวให้ยืม 5 แสน อีกฝ่ายโชว์เงินติดบัญชี 14 บาท

ลิลลี่ เหงียน เปิดใจยอมรับ รู้จัก ปู มัณฑนา แค่วันเดียวก็เชื่อใจให้ยืมเงินก้อนแรก 5 แสนบาท หลังจากนั้นเรื่องเงินก็มาเป็นอันดับ 1 ยืนยันอีกฝ่ายเคยโชว์เงินในบัญชี เหลือแค่ 14 บาทไม่พอจ่ายค่าเน็ตให้ลูกชาย

ยังคงเป็นประเด็นร้อนที่ดูแล้วไม่จบลงง่าย ๆ อย่างแน่นอน สำหรับกรณีของ ปู มัณฑนา ที่ถูกลูกหมี รัศมี, ลิลลี่ เหงียน และเจ้าหนี้คนอื่น ๆ ออกมาแฉเรื่องของยืมเงินแล้วไม่ยอมคืน จนสาวลิลลี่ถึงกับออกปากว่าจะยกหนี้ให้ทั้งหมด เพราะขี้เกียจจะทวงแล้ว

ล่าสุด 9 ก.ค. 67 เจ้าหนี้ทั้งหมด นำทีมโดย ลูกหมี รัศมี และลิลลี่ เหงียน ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านรายการโหนกระแส โดยในช่วงหนึ่งของรายการได้มีการถามเรื่องราวของทางฝั่ง ลิลลี่ เหงียน โดยเธอได้เล่าว่า

รู้จักกันวันเดียวขอยืมเงิน 5 แสนบาท

ลิลลี่ เหงียน อ้างว่า รู้จักกับ ปู มัณฑนา ผ่านรุ่นพี่คนสนิทเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นตนเพิ่งจะถูก เอิร์ก เลเดอเรอร์ โกงเงินไปได้ไม่นาน วันแรกที่ได้เจอกับปูคือวันที่ไปกินอาหารญี่ปุ่น พอได้มีการพูดคุยกันสาวปูก็เริ่มพูดเชิญชวนว่าจะพาลิลลี่ไปหาผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเพื่อจะได้พาเข้าวงการบันเทิงแบบไม่โดนหลอก

ลิลลี่ เล่าต่อว่า ตนอยากเป็นดารานักแสดง เมื่อได้ยินข้อเสนอเช่นนั้นก็รู้สึกดีใจ เพราะได้มารู้จักกับนักแสดงที่มีชื่อเสียงที่ตัวเองก็ชื่นชอบอยู่ก่อนแล้วตั้งแต่เด็กแถมยังจะพาเข้าวงการอีก แต่พอวันรุ่งขึ้นคู่กรณีโทรมาหาบอกว่า “น้องลี่พี่ขอยืมเงินหน่อย 5 แสนบาท” ทั้งที่เพิ่งรู้จักกันได้วันเดียว โดยอ้างเหตุผลว่า “เพื่อนขอยืม แต่จะเป็นคนค้ำประกันให้เพื่อนเอง เพื่อจะเอาไปทำธุรกิจ” ด้วยความที่ไว้ใจและอยากมีเส้นสายเพื่อให้ได้เข้าวงการบันเทิง ก็ยอมใจอ่อนโอนให้เลยทันที

เรื่องเงินมาเป็นอันดับ 1 โทรฯ ยืมบ่อยอย่างต่อเนื่อง แถมเสนอจ่ายดอกเบี้ยให้เอง

หลังจากนั้นไม่กี่วันก็ขอยืมอีก 3 แสนบาท โดยอ้างเหตุผลเหมือนครั้งแรกว่าจะยืมไปให้เพื่อน ซึ่งรวมทั้งหมดคือยืมไป 8 แสนบาท แบ่งเป็น 5 แสนแรกโอนเข้าบัญชี ปู มัณฑนา ส่วนอีก 3 แสนโอนเข้าบัญชีของบุคคลที่ 3

ทั้งยังมีการเสนอว่าจะให้ดอกเบี้ย ด้านลิลลี่ไม่ได้คิดดอกเบี้ย แถมยืนยันว่ายินดีที่จะช่วย รับแต่เงินต้นก็พอ แต่ฝั่งคู่กรณีอ้างว่า “เพื่อนเป็นคนที่จะจ่ายดอกให้เอง เพราะหุ้นทำธุรกิจกันเอาไว้” หลังจากนั้น ปู มัณฑนา ก็พาตนเข้าไปพบกับนักแสดงท่านหนึ่งที่กองถ่ายช่อง 7 แต่ก็แค่พาไปเจอแค่นั้นไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น แต่ส่วนตัวก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจถือว่าแค่นั้นก็ดีมาก ๆ แล้ว

ลิลลี่ เหงียน เผยว่า ใช้เวลาเกือบ 1 ปีที่ทวงถามถึงจะได้เงินคืน 1 แสนบาทจากที่ยืมไปทั้งหมด 8 แสนบาท และเมื่อทวงแล้วก็ได้คำตอบจากคู่กรณีว่า “เดี๋ยวให้ดอกเบี้ย” ซึ่งเจ้าก็ยังยืนยันคำเดิมว่าขอแค่เงินต้นที่ยืมไปอย่างเดียว ไม่คิดดอกเบี้ย

นอกจากนั้นลิลลี่ยังบอกอีกว่าทุกครั้งที่โทรมาหาเธอจะมีเรื่องเงินมาก่อนทุกครั้ง จะขอยืมเงินตลอดพร้อมเสนอจะให้ดอกเบี้ยทุกรอบ ซึ่งตนก็ปฏิเสธไป เพราะหนี้เก่าที่ยืมไปยังได้คืนไม่หมด

ทั้งนี้ จุดแตกหักมันเริ่มจากเงิน 1.7 แสน ซึ่งเป็นเงินส่วนหนึ่งจากเงินก้อนสุดท้ายที่เหลือติดบัญชี 2.5 แสนบาท ทั้งที่ตอนนั้นตนก็ลำบากมาก แต่ก็ให้ยืม เพราะคู่กรณีอ้างว่าจะคืนให้ตอนเย็น แต่จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้คืนเลย

ลิลลี่ เหงียน เปิดใจด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ถ้าเขาจะฟ้องเพื่อเอาเงิน โทษฐานหมิ้นประมาท ตนก็ไม่มีเงินที่จะให้ ถ้าเขาสามารถเปลี่ยนความถูกต้องให้กลายเป็นความผิดได้ ก้ยอมติดคุกให้ทุกคนทั้งประเทศได้เห็นกันไปเลย ขออย่างเดียวดูแลลูกแทนเธอด้วย”

พามิจฉาชีพมาให้รู้จัก จนต้องเสียเงิน 5 แสน

ลิลลี่ แจงประเด็นที่ตนประกาศกร้าวกลางไลฟ์ว่า จะไม่เอาเงิน 6 แสนคืน เพราะเบื่อ เนื่องจากถูก ปูมัณฑนา พาดพิงเธอผ่านรายการหนึ่ง โดยอ้างว่า “พามิจฉาชีพเข้ามาทำให้เขาเสียเงิน 5 แสนบาท” ซึ่งไม่เป็นความจริง ตนรู้จัก นางก. จากร้านอาหารแห่งหนึ่ง เพราะเคยดูข่าวที่ตนถูก เอิร์ก เลเดอเรอร์ โกงเงินไป 50 ล้านบาท จึงได้มีการให้กำลังใจกัน และมีการแลกคอนแทคระหว่างกันเอาไว้แต่ก็ไม่ได้สนิทสนม

หลังจากนั้น ปู มัณฑนา ได้ติดต่อมาหาตนพร้อมเล่าว่าโดนโกงที่ดิน ทำให้เกิดความเครียด จึงได้นัดให้ออกมาเจอกันเพราะอยากดื่มแต่ไม่มีเงิน ขอให้ตนพาไปเลี้ยงหน่อย แต่ลิลลี่เธอติดนัดกินข้าวกับ นางก. ไปแล้ว เพราะจะคุยเรื่องการเป็นสปอนเซอร์รายการให้ ปู มัณฑนา เลยขอให้ชวนนางก.ไปกินข้าวด้วยกันทีเดียว

ขณะนั้น นางก. ไปถึงที่นัดหมายช้า ปู มัณฑนา ก็เร่งให้ตนโทรไปตาม ซึ่งเธอสังเกตได้ว่าหากเป็นเรื่องเงินปูจะมีความรีบร้อนมากกว่าปกติ เมื่อมาถึงปูก็เริ่มร้องไห้ บอกว่าลูกชายโทรมาขอให้จ่ายค่าอินเตอร์เน็ตให้ แต่เขาไม่มีเงิน พร้อมโชว์หน้าบัญชีให้เห็นว่าเหลือเงินอยู่แค่ 14 บาท ตนจึงเสนอว่าเดี๋ยวจ่ายค่าอินเตอร์เน็ตให้หลานเอง และมื้อนี้ก็จะเป็นคนเลี้ยงเอง ต่อมาลูกชายของ ลิลลี่ เข้าโรงพยาบาล แต่ ปู ก็ยังมาขอยืมเงิน อ้างว่าจะเอาจ่ายค่าเทอมให้ลูก ตนก็โอนให้ไปประมาณหมื่นกว่าบาท

จากนั้น นางก. ติดต่อผ่านเธอบอกว่าจะช่วยเรื่องที่ดินให้กับปู ตนก็ดีใจว่าเขามีน้ำใจจะช่วยพี่สาว ซึ่ง นางก. บอกว่าไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ และบอกว่ามีผู้ใหญ่พร้อมที่จะช่วยอยู่ ปู ทราบเรื่องจึงได้นัดไปเจอกันที่ร้านอาหารอิตาเลี่ยนแห่งหนึ่ง ลิลลี่ ยืนยันว่า นางก. ไม่ได้เข้ามาหลอกเอาเงินจากปู เพียงแต่จะเข้ามาช่วย แถมวันนั้นที่ทำข้อตกลงกันปูก็ไม่ได้เสียเงินเลยสักบาท แต่ตนเป็นคนออกเงินให้ 1 แสนบาท เป็นการค้ำประกันให้ปู มัณฑนา เพื่อจะเอาที่ดินออกมา ซึ่งที่เธอยอมจ่ายให้เพราะหวังว่าอีกฝ่ายจะได้เงินคืน แล้วจะได้นำเงินที่ติดค้างมาคืนให้ แต่ทางนั้นกลับกล่าวหาว่าเธอพามิจฉาชีพไปรู้จัก

ต่อมาทาง ปู มัณฑนา กับ ลิลลี่ เหงียน ได้ขอยุติการดำเนินการช่วยเหลือ เพราะปูไม่มีเงินที่จะจ่าย แต่ นางก. อ้างว่ายุติไม่ได้ เพราะคุยกับผู้ใหญ่ไว้แล้ว และเขาก็โอนเงินส่วนตัวให้กับผู้ใหญ่คนนั้นไปเป็นเงิน 4 แสนบาท เพื่อเป็นค่านำที่ดินออกมาให้ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับเรื่องกับกรณีทวงหนี้ที่ติดตนเอาไว้ แต่ ปู มัณฑนา กลับจะเอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็น

ต่อมา ลิลลี่ เหงียน บอกกับ ปู มัณฑนา ว่าจะไปออกรายการกับลูกหมี แต่ปูยื่นข้อเสนอว่าจะคืนเงินให้ 1.7 แสนบาท แลกกับการที่ไม่ไปออกรายการ ซึ่งตอนแรกเธอปฏิเสธ แต่คิดไปคิดมาก็โทรกลับไปแล้วยอมรับข้อเสนอนั้น เพราะเธอเองก็ไม่มีเงินใช้ สุดท้ายกลายเป็นว่า ปู มัณฑนา ไม่คืนเงินให้ จึงเป็นที่มาของการที่ต้องออกมาเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดต่อสื่อในวันนี้

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ้างอิงจาก : FB โหนกระแส

Thaiger

If you have story ideas, a restaurant to review, an event to cover or an issue to discuss, contact The Thaiger editorial staff.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button