แกนนำภาคี Saveบางกลอย มองกรณี #ทับลาน กระแสเขียวจัด อำพรางความจริง
ภาคี Saveบางกลอย มองกรณี ทับลาน กระแสเขียวจัด รักษ์สิ่งแวดล้อม กำลังทำงานอำพรางความจริง พื้นที่ปัญหาคือที่ที่มีประชาชนอาศัยอยู่ แต่ อุทยานแห่งชาติทับลาน มาประกาศทับในปี 2524 โดยไม่กันพื้นที่นั้นออก
วานนี้ (8 ก.ค.) พชร คำชำนาญ ภาคี Saveบางกลอย ออกมาแสดงความเห็นกรณี #Saveทับลาน โดระบุ กระแสเขียวจัดและรักษ์สิ่งแวดล้อม กำลังทำงานอำพรางความจริงที่ว่า พื้นที่ดังกล่าวคือพื้นที่ที่มีประชาชนอาศัยอยู่ และเป็นพื้นที่ปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรมเดิมอยู่แล้ว ภายหลัง “อุทยานแห่งชาติทับลาน” มาประกาศทับในปี 2524 โดยไม่กันพื้นที่นั้นออก
เนื้อหาในโพสต์ของพชร ให้ข้อมูลว่า พื้นที่ทับลานที่กำลังเป็นปัญหา แต่ก่อนเป็นพื้นที่ที่มีผู้คนทำกินและเป็นพื้นที่ปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรมเดิมอยู่แล้ว แต่อุทยานแห่งชาติทับลานมาประกาศทับในปี 2524 โดยไม่กันพื้นที่ซึ่งเป็นส่วนของพื้นที่ทำกินชาวบ้านออก
แกนนำภาคี Saveบางกลอย ยังมองกรณีนี้ เป็นตรรกะแบบเดียวกับเวลาเรียกร้องให้กันพื้นที่ดั้งเดิมของชาวบ้านไว้ แต่อุทยานฯ ไม่สนใจแล้วประกาศทับ จนเกิดเป็นกรณีการจำกัดสิทธิ ไล่จับชาวบ้าน เผาบ้าน ยัดคดีมหาศาลแบบที่ผ่านมา
ในโพสต์ยังพาดพิงประเด็นการเมืองระหว่าง 2 กระทรวง ที่ใช้ผู้คนโปรกระแสอนุรักษ์เป็นเครื่องมือ โดยมีประชาชนและผืนป่าเป็นตัวประกัน ซึ่งประชาชนไม่ได้หมายความเพียงผู้คนในอุทยานแห่งชาติทับลานเท่านั้น แต่คือคนในเขตป่าอนุรักษ์ทั่วประเทศที่ถูกกดขี่อยู่ขณะนี้อีกนับล้านคนด้วย
นายพชรยืนยันเริ่มต้นจากกรณีนี้ หากไม่มีการคืนสิทธิให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ปฏิรูปที่ดินมาก่อนจริง ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนในพื้นที่หลังจากนี้ใครจะรับผิดชอบ เพราะวันหนึ่งกระแสสังคมก็จะเงียบไป ทิ้งไว้แค่ผู้ทุกข์ยากที่แทบไม่เหลือสิทธิและเสียงเรียกร้องความเป็นธรรมใดได้อีก อุทยานฯ จะทับที่ไปอีกชั่วลูกชั่วหลาน
“ทั้งหมดนี้ที่กล่าวมาจากใจ คือไม่ได้ปกป้องนายทุนและผู้บุกรุกใหม่ เพียงแต่หมายถึงชาวบ้านที่ถูกรอนสิทธิมาเสมอจากกฎหมายเกี่ยวกับป่าที่ทับลงไปบนหัวเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ขอเพียงฝากไว้ให้คิด ก่อนกระแสรักษ์สิ่งแวดล้อมจะกระทำย่ำยีคนไม่มีปากมีเสียงไปมากกว่านี้ #saveประชาชนที่ถูกอุทยานประกาศทับ” ข้อความจากโพสต์ของพชร คำชำนาญ ภาคี Saveบางกลอย.
อ่านข่าวเพิ่มเติม