คน 6 กลุ่ม ไม่ควรกินส้ม-น้ำส้ม เสี่ยงทำร้ายระบบทางเดินอาหาร
ส้ม ผลไม้รสเปรี้ยวอมหวาน อุดมคุณค่าสารอาหารมากมาย ทั้งวิตามินซี, วิตามินเอ, โพแทสเซียม, แคลเซียม และสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สารต้านอนุมูลอิสระในส้มยังช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง และโรคหัวใจ
นอกจากประโยชน์ด้านสุขภาพแล้ว แง่ความอร่อย ส้มยังเป็นผลไม้ที่ให้ความสดชื่น มีรสชาติอร่อย สามารถนำมารับประทานได้หลายรูปแบบ ทั้งแบบสด คั้นน้ำ ทำเป็นสลัด หรือเป็นส่วนประกอบในอาหารต่างๆ ทำให้ส้มเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
แต่ก็มีคนบางกลุ่ม ที่ไม่แนะนำให้ทานน้ำส้ม เพราะอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้
1. คนมีแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กส่วนต้น เนื่องจากส้มมีฤทธิ์เป็นกรด การรับประทานส้มหรือดื่มน้ำส้ม อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อแผล ทำให้อาการปวดท้อง หรือแสบร้อนกลางอกกำเริบ หรือเป็นมากขึ้นได้
2. คนมีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร การดื่มน้ำส้มมากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย หรือปวดท้อง เนื่องจากส้มมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ มีปริมาณใยอาหารสูง ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ในผู้ที่มีระบบย่อยอาหารที่บอบบาง
3. คนเพิ่งผ่าตัด สารบางชนิดในส้ม (เช่น โซเดียมซิเตรต) อาจมีผลต่อการแข็งตัวของเลือด อาจส่งผลต่อการรักษาบาดแผลหลังการผ่าตัด โดยเฉพาะการผ่าตัดในระบบทางเดินอาหาร อันตรายมากหากมีเลือดออกในช่องท้อง
4. คนกำลังรับประทานยาบางชนิด โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะ สารบางชนิดในส้ม เช่น กรดในส้ม และสารประกอบฟลาโวนอยด์ นารินจิน อาจมีผลต่อการดูดซึมยา ทำให้ประสิทธิภาพของยาลดลง แถมน้ำส้มไปรบกวนโครงสร้างทางเคมีของยาบางชนิด ทำให้ยาไม่ออกฤทธิ์
5. ผู้ป่วยโรคไต โรคระบบทางเดินอาหาร หรือโรคปอด การรับประทานส้มมากเกินไป อาจทำให้อาการของโรคเหล่านี้แย่ลงได้ เนื่องจากส้มมีปริมาณโพแทสเซียมสูง เป็นอันตรายต่อผู้ที่มีภาวะไตวาย
6. คนท้องว่าง ส้มมีฤทธิ์เป็นกรด อาจส่งผลกระทบต่อเยื่อบุกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดการระคายเคืองได้ เกิดอาการแสบร้อนกลางอก หรือท้องอืด ท้องเฟ้อ ได้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง