ทัวร์ลง แม่เสียดายตังค์ ไม่อยากจ่ายค่าสมัครสอบ เหยียดลูกไม่มีปัญญาสอบติด ม.ดัง
โซเชียลแห่คอมเมนต์ หลังแม่เล่าตัดพ้อ เสียดายเงินค่าสมัครสอบ มีเงินจ่าย แต่ลูกไม่น่าสอบติดมหาวิทยาลัยดัง
ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กรายหนึ่ง บอกเล่าเรื่องราวผ่านกลุ่ม กระทู้ปักหมุด โดยเข้ามาขอวิธีบอกลูกยังไงดี ว่าตนไม่อยากจ่ายเงินค่าเทอมให้ลูก เนื่องจากรู้สึกเสียดายเงิน
“รู้สึกว่า ไม่อยากจ่ายค่าสมัครสอบให้ลูกเลย รู้สึกเสียดายตัง เพราะรู้สึกว่าลูกไม่เก่งพอที่จะติดพวกมอดังๆอยู่แล้ว เราก็ไม่ใช่ว่าไม่มีตังหรอก จ่ายได้ แต่ไม่อยากจ่าย รู้สึกว่าลูกเราไม่น่าจะมีปัญญาสอบติด อยู่แล้ว จะพูดกับลูกยังไงดี”
หลังโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ไปเพียงไม่นาน มีสมาชิกในกลุ่มเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย โดยส่วนใหญ่แล้วคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่า สงสารลูกที่ต้องมาถูกแม่ตนเองทำลาย Self Esteem และดูถูกความสามารถ
ความเห็นข้างต้นกล่าวถึง Self Esteem หมายถึง การเห็นคุณค่าในตัวเองหรือการมีมุมมองต่อตนเอง ซึ่งกรณีที่แม่มีความคิดว่า ยังไงลูกของตนก็คงไม่ติดมหาวิทยาลัยชื่อดัง ถือเป็นการลดคุณค่า และทำให้ความมั่นใจของเด็กลดลง ทั้งยังให้ข้อคิดทิ้งท้ายไว้อีกว่า คนที่ทำลาย Self Esteem ของลูกได้มากที่สุด ก็คือตัวของพ่อและแม่นั่นเอง
“ถ้าวันนี้คุณจะเดินไปบอกลูกว่าเหตุผลที่จะไม่จ่ายค่าสอบให้ คือเพราะเค้าไม่เก่งพอ สุดท้ายแล้วคนที่ทำลาย Self esteem ของลูกได้แบบเลวร้ายที่สุดก็คือพ่อแม่นี่แหละค่ะ
เราเข้าใจว่าคุณรู้ศักยภาพของลูก แต่เมื่อลูกคุณอย่างลอง คุณมีกำลังทรัพย์ให้ทำได้ทำไมไม่ทำ แล้วเปลี่ยนเป็นบอกเค้าว่า คุณคิดว่ามันยากสำหรับลูก แต่พ่อแม่ก็อยากให้ลองได้ทำตามที่อยากตั้งใจดู ดังนั้นถ้าอยากสอบแล้ว ก็ต้องตั้งใจอ่านหนังสือเพื่อทำให้ได้ตามที่อยากทำ
และถ้าไม่ติดก็คือไม่ติดไง ก็ไม่ต้องไปจบที่ซ้ำเติมลูกว่า เห็นไหมละ คิดไว้แล้วเชียว คือมันเจ็บปวดนะคะ ถ้าวันนี้คุณไม่มีเงินจ่ายให้ เพราะเรื่องเงิน เราว่าลูกยังจะเข้าใจมากกาว่า การที่คุณไม่เชื่อใจเค้าอีกค่ะ”
นอกจากนี้ยังเสริมว่า การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญสามารถนำไปต่อยอดในการทำงาน และประกอบอาชีพในอนาคตได้ ถ้าผู้ปกครองพอมีกำลังทรัพย์ช่วยส่งเสริมเรื่องการศึกษาก็ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
ความเห็นอีกด้านหนึ่งก็เดือดไม่แพ้กัน คอมเมนต์บางส่วนก็ถามกลับว่า นี่คือความคิดของคนเป็นแม่จริง ๆ หรอ เพราะคนเป็นแม่ไม่ควรมีความคิดที่จะดูถูกลูกตนเอง บางส่วนก็ออกมาแชร์กรณีคล้ายกัน “ลูกเราเองอยากเข้าศิลปากร กับเทคโนโลยีพระจอมเกล้าลาดกระบัง เราก็ให้เค้าลองสอบ ถ้าไม่ได้ไม่เป็นไร แต่อยากให้ลองให้เต็มที่ก่อน” ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ลูกได้ลองตัดสินใจด้วยตนเอง เพราะในอนาคตอันใกล้ ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยยังมีสิ่งที่ต้องตัดสินใจ และแก้ไขปัญหาด้วยตนเองอีกมากมาย
ในปัจจุบันที่ระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย มีการแข่งขันสูงขึ้น ทีมงาน Thaiger ขอเป็นกำลังใจให้ #dek67 ได้เข้าศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัย และคณะที่คาดหวัง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- TCAS 67 คืออะไร มีอะไรบ้างที่เด็ก 67 ควรรู้ ก่อนเตรียมสอบเข้าปีหน้า
- ทันตะมีเฮ กสพท. เปลี่ยนเกณฑ์สอบเข้า 2567 จบสายไหนมาก็เรียนได้